ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1515 อาศัยช่องโหว่

ได้เห็นท่าทางอย่างคนขี้ขลาดของโรเบิร์ต ฉินสือโอวก็รู้สึกสิ้นหวังจริงๆ คนแบบไหนถึงจะถูกเรียกว่าเพื่อนทรยศน่ะเหรอ? ก็แบบนี้ยังไงล่ะ!
อย่าคิดว่าโรเบิร์ตเป็นตำรวจ เลยต้องอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของจ่าสิบตำรวจเคดี้ ที่จริงแล้วสถานีตำรวจของเมืองนี้ที่มีนายตำรวจอย่างเขาเป็นตัวแทน ต้องเป็นพวกเดียวกันชาวเมืองอย่างฉินสือโอวต่างหาก ไม่ใช่ไปเข้าพวกกับตำรวจม้าอย่างจ่าสิบตำรวจเคดี้
เรื่องนี้ต้องอธิบายให้ฟังคร่าวๆ ก่อนว่า ตามกฎหมายของแคนาดาแล้ว ในพื้นที่ที่มีประชากรมากกว่า 5,000 คนจะต้องมีตำรวจไว้คอยบริการประชาชน
และหน่วยงานที่จัดสรรการให้บริการจากตำรวจในแคนาดาก็ไม่จำเป็นต้องมาจากกรมตำรวจเพียงอย่างเดียว แต่อาจจะมาจากสถานีตำรวจในท้องถิ่นที่ก่อตั้งขึ้นเอง หรืออาจจะมาจากลงนามในข้อตกลงกับสำนักงานตำรวจม้าแห่งชาติแคนาดา โดยสำนักงานตำรวจม้าแห่งชาติจะเป็นฝ่ายส่งตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่นั้นๆ
ปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่แล้วพื้นที่ในเขตบังคับบัญชาของสำนักงานตำรวจม้าแห่งชาติจะประกอบไปด้วยรัฐต่างๆ จำนวนแปดรัฐรวมถึงพื้นที่ห่างไกลและพื้นที่ที่มีประชากรน้อยกว่า 5,000 คนยกเว้นรัฐออนแทรีโอและรัฐควิเบก
ดังนั้นหากว่ากันตามหลักปฏิบัติแล้ว เกาะแฟร์เวลที่ปัจจุบันยังมีจำนวนประชากรไม่ถึง 5000 คน ก็ควรจะอยู่ในเขตพื้นที่การปกครองของตำรวจม้า และไม่ควรมีสถานีตำรวจอิสระที่ก่อตั้งขึ้นเอง เพียงแต่ว่าสภาพการณ์ของเมืองแฟร์เวลไม่ได้อยู่ในขอบเขตของหลักปฏิบัติทั่วไปก็เท่านั้น
จำนวนประชากรสูงสุดในเมืองแฟร์เวลไม่ได้หยุดอยู่เพียงห้าพันคน จึงทำให้ต้องก่อตั้งสถานีตำรวจในพื้นที่ขึ้นมาเอง แต่ต่อมาจำนวนประชากรลดน้อยลงจากการย้ายถิ่นที่อยู่ของคนในเมือง สาเหตุที่เมืองนี้ยังคงรักษาสถานีตำรวจไว้ได้เป็นเพราะลักษณะพิเศษของเมือง ที่ได้ยื่นคำร้องให้กลายเป็นถิ่นที่อยู่ของชนพื้นเมืองเดิม ซึ่งถิ่นที่อยู่ของชนพื้นเมืองเดิมจะต้องมีการก่อตั้งสถานีตำรวจขึ้นมา ดังที่กฎหมายรัฐธรรมนูญของแคนาดาได้กำหนดไว้
และแน่นอนว่า ชนพื้นเมืองเดิมที่ยื่นคำร้องในที่นี้ก็คือชาวไวกิ้งนั่นเอง
หน่วยงานตำรวจเหล่านี้มีความแตกต่างกันมาก สำนักงานตำรวจม้าแห่งชาติทำงานรับใช้รัฐบาลกลาง แต่หน่วยงานที่เรียกว่าสำนักงานตำรวจอิสระ คือกองกำลังตำรวจที่จัดตั้งขึ้นโดยรัฐบาลของมลรัฐและเทศบาลเมืองที่มีสภาพเศรษฐกิจดี ทำให้มีอำนาจในการตัดสินใจมากยิ่งขึ้น
รัฐบาลแคนาดาก่อตั้งสถานีตำรวจของชนพื้นเมืองเดิมขึ้นในเดือนมิถุนายนปี 1991 เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนในท้องที่ และจะทำหน้าที่เป็นตำรวจที่ให้บริการเฉพาะในเขตชุมชนของชนพื้นเมืองเดิมเท่านั้น
และหน่วยงานตำรวจเหล่านี้ยังมีความแตกต่างทางด้านการเงินอีกด้วย
รัฐบาลกลางจะเป็นผู้รับผิดชอบภาระค่าใช้จ่ายของสำนักงานตำรวจม้าแห่งชาติ ภาระค่าใช้จ่ายของตำรวจส่วนภูมิภาครัฐบาลกลางและรัฐบาลส่วนภูมิภาคจะร่วมกันแบ่งเบาภาระตามข้อตกลงของทั้งสองฝ่าย โดยรัฐบาลส่วนภูมิภาคจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายราวๆ 70% และรัฐบาลกลางจะเป็นผู้รับผิดชอบภาระค่าใช้จ่ายอีก 30% ส่วนองค์กรตำรวจอิสระเทศบาลเมืองจะออกค่าใช้จ่ายให้ 90% รัฐบาลกลางให้ 10% ในพื้นที่ที่มีจำนวนประชากรไม่ถึง 5000 คน รัฐบาลกลางจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด สำหรับสถานีตำรวจชนพื้นเมืองเดิมผู้ที่รับผิดชอบภาระค่าใช้จ่ายทั้งหมดก็คือชนพื้นเมืองเดิมเอง
เช่นเดียวกันกับภาระด้านการเงิน ความรับผิดชอบของหน่วยงานตำรวจเหล่านี้ก็แตกต่างกันออกไป ตามที่รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ ตำรวจแคนาดาต้องปฏิบัติหน้าที่เพื่อรับใช้ประชาชน หากรัฐบาลและประชาชนเกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ตำรวจต้องปฏิบัติหน้าที่เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชนโดยไม่มีเงื่อนไข
ดังนั้นฉินสือโอวจึงหวังว่าโรเบิร์ตจะเป็นผู้ที่เข้ามาจัดการเรื่องนี้ ขอแค่อยู่ภายใต้การควบคุมของสถานีตำรวจเมืองแฟร์เวล เขาก็จะจัดการเรื่องนี้ได้ง่ายขึ้น ปล่อยให้คนในจัดการความขัดแย้งภายใน เพราะถึงอย่างไรผู้คนในเมืองนี้ก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้วว่าฟาร์มปลาต้าฉินจะเลี้ยงสัตว์ดุร้ายอะไรไว้
แต่นั่นจะต้องให้โรเบิร์ตทัดทานจ่าสิบตำรวจเคดี้ ขอแค่เขายืนยันว่าตำรวจม้าไม่มีสิทธิ์ที่จะแทรกแซงเรื่องของเมืองนี้ ปัญหานี้ก็คงไม่กลายเป็นเรื่องใหญ่ แค่ให้ผู้นำของทั้งสองฝ่ายเป็นคนออกหน้า ซึ่งหนึ่งในผู้นำที่ว่าก็มีแฮมเล็ตที่เป็นผู้นำของจ่าสิบตำรวจเคดี้
หน่วยงานบริหารสูงสุดของกรมตำรวจก็คือคณะกรรมการบริหารสถานีตำรวจ ยกตัวอย่างเช่นคณะกรรมการบริหารสถานีตำรวจระดับเทศบาลที่มีนายกเทศมนตรีเป็นผู้บริหาร โดยสมาชิกจะได้รับการแต่งตั้งจากเทศบาลเมืองเพื่อเป็นตัวแทนประชาชนทุกชนชั้นในการรักษาผลประโยชน์ของสังคม ซึ่งมีหน้าที่หลักในการออกนโยบายที่มีความเกี่ยวข้องและให้ข้อเสนอแนะด้านงบประมาณ รวมถึงรับข้อร้องเรียนและข้อคิดเห็นจากประชาชน แต่จะไม่แทรกแซงการตัดสินใจและการปฏิบัติงานของตำรวจ
ถึงแม้ว่าแท้จริงแล้วผู้กำกับการจะเป็นผู้รับผิดชอบการทำงานของสถานีตำรวจ แต่ก็จำเป็นต้องรายงานนโยบายเกี่ยวกับการปฏิบัติงานและงบประมาณในการดำเนินงานของตำรวจต่อคณะกรรมการบริหาร ดังนั้นหากจะกล่าวว่าแฮมเล็ตเป็นหัวหน้าใหญ่ของพวกเขาก็ไม่ผิดไปจากนั้นเท่าไรนัก
น่าเสียดายที่คนอย่างโรเบิร์ตดันเป็นพวกขี้ขลาด เขาจึงทำได้แค่แอบด่าในใจ แล้วหันหลังกลับไปโทรหาแฮมเล็ตแทน
พอเขากดโทรออก ทางฝั่งแฮมเล็ตก็รับสายทันที หลังจากนั้นก็พูดกับเขาด้วยเสียงหัวเราะจืดเจื่อน “ฉิน เรื่องนี้ฉันต้องขอโทษนายด้วยจริงๆ ฉันไม่สามารถออกคำสั่งให้พวกตำรวจม้ากลับออกมาจากที่นั่นได้เลย”
ฉินสือโอวโมโหจนอยากด่า เขายังไม่ทันได้อ้าปากแฮมเล็ตก็พูดกับเขาอย่างนี้ก่อนแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขารู้อยู่แล้วว่าฉินสือโอวโทรไปทำไม แล้วก็เห็นได้ชัดด้วยว่าเขามีส่วนรับรู้เรื่องนี้
ฉินสือโอวจึงพูดกับเขาอย่างหัวเสียว่า “อะไรคือการบอกว่าคุณออกคำสั่งกับพวกเขาไม่ได้? ถ้าอย่างนั้นการเลือกตั้งครั้งหน้า ผมก็คงให้เงินทุนช่วยเหลือไม่ได้เหมือนกันใช่อย่างนั้นหรือเปล่า?”
แฮมเล็ตฝืนยิ้มแล้วพยายามอธิบายให้เขาเข้าใจ “ฉันไม่มีอำนาจในการสั่งการตำรวจม้า ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงขณะที่พวกเขากำลังปฏิบัติหน้าที่ได้”
“ผมรู้ แต่คุณบอกให้พวกเขาหยุดจับสัตว์เลี้ยงด้วยการใช้อำนาจคุกคามแบบนี้ได้นี่” ฉินสือโอวกล่าว
แฮมเล็ตก็บอกกับเขาอย่างจนปัญญาว่า “นี่เป็นหน้าที่ที่ตำรวจม้าต้องทำเป็นประจำอยู่แล้ว ฉันไม่ได้เป็นคนสั่งการ กฎหมายกำหนดไว้ว่าไม่อนุญาตให้บุคคลธรรมดาเลี้ยงหมีสีน้ำตาล หรือถ้าไม่อย่างนั้นนายให้เวลาฉันคิดก่อนได้ไหม ฉันต้องคิดหาวิธีก่อนถึงจะช่วยนายได้”
เวรเอ๊ย ผมไม่หวังอะไรกับคุณแล้วล่ะ ฉินสือโอวตอบเขากลับไปด้วยคำพูดแสดงความเกรงอกเกรงใจพอเป็นมารยาทอยู่สองสามประโยคแล้วก็กดวางสาย
หลังจากวางสายโทรศัพท์ ขณะที่เขากำลังวางแผนว่าจะจัดการเรื่องนี้ยังไง วินนี่ก็ปรากฏตัวขึ้น เธอขับรถเอทีวีเข้ามาแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เฮ้ ที่รักคุณกลับมาแล้วเหรอคะ?”
ฉินสือโอวพยักหน้าให้เธอ วินนี่หันกลับไปหาตำรวจม้าที่อยู่นอกประตูทางเข้า แล้วใช้น้ำเสียงแสดงความประหลาดใจพูดกับพวกเขาว่า “เฮ้ คุณตำรวจ ไม่ทราบว่าพวกคุณมาที่นี่ทำไมเหรอคะ? ที่รัก ทำไมคุณไม่เปิดประตูให้พวกเขาเข้ามาล่ะ?”
จ่าสิบตำรวจเคดี้กับฉินสือโอวต่างก็พากันจ้องมองไปที่วินนี่ สายตาของคนแรกแปลได้ว่าเธอคิดจะแกล้งทำอะไร เมื่อกี้นี้ไม่ใช่พวกคุณหรอกเหรอที่ขวางพวกเราเอาไว้ ส่วนความคิดของคนหลังอย่างฉินสือโอวก็คือ คุณเอาจริงเหรอ?
ไม่ให้ตำรวจเข้าไปในฟาร์มปลาก็อีกเรื่อง แต่ถ้าปล่อยให้พวกเขาเข้าไปจับฉงต้าในฟาร์มปลาแล้วเข้าไปขัดขวางตอนพวกเขาลงมือ แบบนั้นจะกลายเป็นอีกเรื่องหนึ่งเลย ปฏิเสธไม่ให้ตำรวจเข้าไปในบ้านอย่างร้ายแรงที่สุดก็ถือว่าเป็นการขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ แต่ถ้าลงมือทำอะไรสักอย่างขณะที่พวกตำรวจกำลังสะสางปัญหา แบบนั้นก็จะถือว่าเป็นการทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที
วินนี่ยิ้มพร้อมกับพยักหน้า ถึงฉินสือโอวจะไม่เข้าใจว่าเธอไปเอาความมั่นใจพวกนั้นมาจากที่ไหน แต่เขาก็ยอมให้เปิดประตูเพราะความเชื่อใจที่มีต่อวินนี่
เปิดประตูฟาร์มปลาแล้วขับรถทั้งสองคันออกไปให้พ้นทาง ในที่สุดพวกตำรวจม้าก็เข้ามาในฟาร์มปลาได้แล้ว
เพราะก่อนหน้านี้มีรถหรูสองคันคอยขวางประตูเอาไว้ พวกเขาเลยไม่กล้าใช้กำลังบุกเข้ามา ถ้าเกิดความเสียหายขึ้นกับรถพอร์ช 918 แม้แต่นิดเดียว พวกเขาอาจจะต้องเป็นฝ่ายชดใช้ค่าเสียหาย
พอพวกตำรวจม้าเข้ามาในฟาร์มปลาได้แล้ว ไม่ว่าจะค้นหาอย่างไรสัตว์ที่พวกเขาพบก็มีเพียงหลัวปอ ปอหลัว ต้าป๋ายกับราชาเจ้าป่าซิมบ้า บรรดาสัตว์เลี้ยงพวกนี้กำลังนั่งเอียงคอพินิจพิจารณาพวกตำรวจม้าด้วยความอยากรู้อยากเห็นอยู่ที่หน้าประตู มองดูได้สักพักก็เห็นว่าไม่มีอะไรน่าสนใจ จึงออกไปเล่นกับพวกหู่จือเป้าจือแทน
สิ่งที่เหล่าตำรวจม้าตามหาก็คือหมีสองตัวกับเต่าอัลลิเกเตอร์อีกหนึ่งตัว พวกเขาค้นหาอยู่พักหนึ่งแต่ก็หาไม่พบ จ่าสิบตำรวจเคดี้จึงต้องมาหาวินนี่กับฉินสือโอวอีกครั้ง “คุณทั้งสองคน พวกคุณไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้เลยนะ ผมคิดว่าพวกคุณคงไม่อยากเห็นภาพลูกน้องของผมจูงหมาตำรวจตรวจที่นี่หรอกนะ”
วินนี่จึงพูดอย่างใจเย็นว่า “ก็เอาสิคะ ฉันยอมรับนะว่าที่ฟาร์มปลาของเรามีหมีสีน้ำตาลกับเต่าอัลลิเกเตอร์อยู่จริงๆ เพียงแต่ว่าพวกมันไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของเราก็เท่านั้นเอง หมีตัวนั้นมันลงมาจากภูเขา แล้วก็จะกลับขึ้นไปบนนั้นทุกวัน ส่วนเต่าอัลลิเกเตอร์ตัวนั้น พวกคุณลงไปงมหาในทะเลกันเองเถอะค่ะ”
ฉินสือโอวถึงกับยิ้มออกมา แบบนี้เขาเรียกว่าศีลเสมอกันใช่ไหม เขาก็ใช้วิธีนี้ในการจัดการปัญหาเรื่องนกอินทรีทองกับนกอินทรีหัวขาวเหมือนกันเลยไม่ใช่เหรอ? ผลักภาระออกไปด้วยการบอกว่าตัวเองไม่ได้เลี้ยง สัตว์ป่าพวกนั้นเข้ามาที่ฟาร์มปลาของพวกเขาเอง
…………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset