ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1517 ความขัดแย้งภายในของนกจมูกหลอดหางสั้น

ไหนๆ ก็กลับมาแล้ว ฉินสือโอวจะยังไม่ออกไปไหนอีกสักพักก็แล้วกัน ฟาร์มปลาต้าฉินสองหว่านเมล็ดพันธุ์ปลูกสาหร่ายทะเลแล้ว ฟาร์มปลาดาราจะยังไม่ถูกใช้งานชั่วคราว เขาต้องส่งคนไปดูแลที่นั่นเสียก่อน
ในเวลาเช้าตรู่ ฉินสือโอวเปลี่ยนเป็นชุดออกกำลังกายเสร็จแล้วก็ออกไปวิ่งข้างนอก พ่อฉินเห็นเขาสวมเสื้อผ้าชั้นเดียวออกไปข้างนอก ก็ขมวดคิ้วแล้วพูดกับเขาว่า “จะฤดูหนาวหรือใบไม้ร่วงใบไม้ผลิก็ต้องใส่เสื้อผ้าให้มันหนาๆ อากาศแบบนี้แกใส่เสื้อผ้าพวกนี้ออกไปข้างนอกทำไมกัน? จะไปอวดเนื้อหนังให้ใครดูหรือยังไง?”
ฉินสือโอวยิ้มแห้งๆ พูดกับพ่อว่า “พ่อ ทำไมพูดอะไรไม่น่าฟังเลยล่ะ อวดเนื้อหนังอะไรกัน? ผมจะพูดให้พ่อฟังนะ ที่พ่อพูดมันไม่สมเหตุสมผลเลย ตอนฤดูหนาวสวมเสื้อนวมบุฝ้ายมาตั้งหลายเดือนแล้ว พอถึงฤดูใบไม้ผลิก็ควรจะสวมเสื้อผ้าบางๆ ระบายอากาศ แบบนี้ถึงจะเรียกว่าลดภาระให้กับร่างกาย”
ที่จริงแล้วตั้งแต่กลับมาจากกรีนแลนด์ ฉินสือโอวคิดว่าไม่ว่าอากาศจะหนาวแค่ไหนก็คงทำอะไรเขาไม่ได้แล้ว ไม่ได้พูดไปเรื่อย ที่ขั้วโลกเหนือ เวลาออกไปฉี่ในตอนกลางคืน พอปัสสาวะที่เป็นของเหลวอุณหภูมิสูงตกลงไปบนพื้นก็จะกลายเป็นน้ำแข็งทันที ถ้าใช้เรื่องนี้เป็นมาตรฐาน สภาพอากาศบนเกาะแฟร์เวลก็คงจะมีแต่ฤดูร้อนตลอดทั้งปี
ได้ยินเสียงสองพ่อลูกกำลังเถียงกัน แม่ฉินจึงยื่นหัวออกมาจากห้องครัวแล้วพูดกับพวกเขาว่า “พอแล้ว พ่อก็บ่นให้มันน้อยๆ หน่อย เสี่ยวโอวน่ะเหรอจะไม่รู้ความ? คนหนุ่มเขาก็มีกำลังวังชาของเขา อย่าไปสนใจพ่อแกเลย ออกไปข้างนอกเถอะ”
ฉินสือโอววิ่งออกไปพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดี พอออกมาพ้นประตูนกจมูกหลอดหางสั้นหลายตัวก็พากันบินผ่านหัวของเขาไป พอมองเห็นฉินสือโอวนกตัวหนึ่งก็หันกลับมาร้องจิ๊บๆ ใส่เขา
นกจมูกหลอดหางสั้นกลายมาเป็นนกประจำถิ่นของเกาะแฟร์เวลแล้ว ผ่านการแพร่พันธุ์มาเป็นระยะเวลาสองปีกว่า จากตอนแรกที่มีอยู่แค่ไม่กี่พันตัว นกพวกนี้ก็ขยายพันธุ์จนกลายเป็นนกฝูงใหญ่ที่มีสมาชิกมากว่าสามหมื่นสี่หมื่นตัว
เนื่องจากที่ฟาร์มปลามีแหล่งอาหารอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ สภาพอากาศก็ไม่ถือว่าเลวร้าย พวกนกจมูกหลอดหางสั้นเริ่มปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมของที่นี่ได้แล้ว จำนวนประชากรของนกจมูกหลอดหางสั้นจึงค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นกพวกนี้อยู่ดีกินดีจนแทบจะมีพุงอ้วนกลมกันทุกตัว จนบางครั้งก็ตกลงไปบนผิวทะเลเพราะไม่มีแรงจะตีปีกบิน…
ฉินสือโอววิ่งอยู่บนชายหาด เขาพบว่ามีนกจมูกหลอดหางสั้นเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก เพราะอย่างนั้นตอนที่กำลังทานอาหารเช้าเขาจึงเสนอข้อคิดเห็นกับวินนี่ว่า “ผมขอถามหน่อยว่า เทศบาลพอจะมีวิธีควบคุมจำนวนนกจมูกหลอดหางสั้นบ้างไหม? ที่นี่มีศัตรูทางธรรมชาติของนกพวกนี้บ้างไหม แบบนี้มันมีแนวโน้มที่จะแพร่ระบาดได้ง่ายๆ เลยนะ”
วินนี่กัดตะเกียบพร้อมกับตอบเขาว่า “อื้ม ที่คุณพูดก็มีเหตุผล เดี๋ยววันนี้ตอนไปทำงานฉันจะเรียกประชุมเพื่อขอคำปรึกษาสำหรับเรื่องนี้ดูก็แล้วกันนะคะ” หลังจากพูดจบ พอเธอก็เปิดหน้าต่างออกไปมองข้างนอกเธอก็ถึงกับอุทานออกมาว่า “พระเจ้า คงต้องควบคุมการแพร่พันธุ์ของพวกมันบ้างแล้วจริงๆ ฝูงนกจมูกหลอดหางสั้นมันใหญ่ยักษ์ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?”
ฉินสือโอวที่ตามเข้าไปดูก็ตกใจจนตัวโยน ฝูงนกขนาดใหญ่ฝูงหนึ่งกำลังบินมาอย่างมืดฟ้ามัวดิน พวกมันบินวนอยู่บนท้องฟ้าเหนือฟาร์มปลาหนึ่งรอบ แล้วก็พากันบินถลาลงไปในทะเล ราวกับก้อนเมฆที่ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า
“เวร นกฝูงใหญ่มาถึงแล้วเหรอเนี่ย?” ฉินสือโอวถึงกับสะดุ้งตกใจ
เมื่อปีสองปีก่อนตอนที่นกจมูกหลอดหางสั้นฝูงใหญ่อพยพมาที่นี่ ในช่วงแรกก็มีลักษณะคล้ายๆ ตอนนี้ ถึงแม้ว่าเกาะแฟร์เวลจะมีนกจมูกหลอดหางสั้นอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ตอนนี้ก็เหลืออยู่ไม่ถึงห้าหมื่นตัวแล้ว ทั้งยังมีพวกที่บินมาก่อนล่วงหน้าอยู่หลายกลุ่ม รวมทั้งหมดจะมีนกอยู่ประมาณหนึ่งแสนกว่าตัว
นกจมูกหลอดหางสั้นจะมีทิศทางอพยพที่แน่นอน แต่จะไม่มีเส้นทางการอพยพที่ตายตัว ปัจจุบันนกอพยพส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้น เมื่อถึงเวลาที่ต้องอพยพเป็นกลุ่มใหญ่ พวกมันจะเปลี่ยนเส้นทางอพยพทุกปี
หลังจากที่แวดวงด้านชีววิทยาได้ทำการวิจัย ผลการศึกษาก็ได้ระบุไว้ว่านี่เกิดจากการบีบบังคับของมนุษย์ ตอนนี้พวกนกเกิดการเรียนรู้แล้ว พวกมันจึงไม่เดินทางปกติ เพื่อป้องกันไม่ให้ตกอยู่ในกับดักของมนุษย์จนสูญพันธุ์กันทั้งฝูง
เมื่อฤดูใบไม้ผลิของปีที่แล้ว ฝูงนกจมูกหลอดหางสั้นไม่ได้อพยพผ่านฟาร์มปลา ได้ยินมาว่าพวกมันบินไปที่แซงปีแยร์และมีเกอลงแทน ไม่คิดว่าปีนี้จะมาที่นี่อีก
หากนกจมูกหลอดหางสั้นอพยพมา นั่นก็หมายความว่าฝูงปลาแคปลินก็กำลังจะมาที่นี่ แบบนั้นคงทำให้ฟาร์มปลาเริ่มคึกคักขึ้นแล้ว
เหนือกว่าความคาดหมายของเขา ยังไม่ทันไรฟาร์มปลาก็คึกคักจนถึงขั้นวุ่นวายแล้ว ช่วงเช้าฉินสือโอวหยิบเอากล้องถ่ายรูปออกมาตั้งใจว่าจะไปถ่ายรูปฝูงนกอพยพไว้สักหน่อย แต่ปรากฏว่าพอไปถึงริมชายหาด เขาก็เห็นนกจมูกหลอดหางสั้นตัวอวบอ้วนฝูงหนึ่งบินขึ้นมาจากป่าบนเกาะเล็ก พวกมันบินขึ้นไปบนอากาศเหนือผิวทะเลแล้วเริ่มโจมตีนกจมูกหลอดหางสั้นอีกฝูงด้วยท่าทางดุดัน
หลังจากที่นกจมูกหลอดหางสั้นทั้งสองฝูงได้พบกัน พวกมันก็เริ่มสงครามด้วยการจิกทึ้งกันทันที เขามองเห็นเพียงนกขนสีเทาเข้มที่บินอุตลุดอยู่บนท้องฟ้า เสียงนกร้องจิ๊บๆ ดังขึ้นมาอย่างไม่จบสิ้น นกจมูกหลอดหางสั้นก็ร่วงลงมาบนผิวทะเลอยู่ไม่ขาด แต่หลังจากนั้นนกที่ตกลงมาก็จะบินขึ้นไปสู้ต่อ
ฉินสือโอวจึงเกิดความรู้สึกประหลาดใจ ทำไมพวกนกจมูกหลอดหางสั้นถึงทะเลาะกันเองเสียได้ล่ะ? แต่แค่ครู่เดียวเขาก็เข้าใจอย่างชัดเจนแล้ว นกจมูกหลอดหางสั้นตัวอวบอ้วนพวกนั้นคือนกที่อยู่ที่นี่จนกลายเป็นนกประจำถิ่น ส่วนนกที่ดูผอมแห้งพวกนั้นคือนกอพยพที่เพิ่งจะมาถึง ทั้งสองฝ่ายกำลังต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงอาณาเขต
ถึงจะมีบรรพบุรุษเป็นพวกเดียวกัน ถึงขั้นที่ว่าต่อให้นับขึ้นไปอีกสองสามรุ่นก็ยังถือว่านกพวกนี้เป็นครอบครัวเดียวกัน แต่หลังจากที่แยกย้ายกันไปสองปี นกจมูกหลอดหางสั้นประจำถิ่นก็ถือว่าฟาร์มปลาเป็นถิ่นฐานของพวกมันไปแล้ว เมื่อมีสัตว์สายพันธุ์เดียวกันอพยพมาที่นี่ พวกมันจะไม่รู้สึกยินดีและอยากไล่ไปให้พ้นก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา
หลังจากนกทั้งสองฝูงบุกปะทะกัน สถานการณ์การต่อสู้ก็ดูน่าเวทนาอย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ทั้งสองฝ่ายมีข้อได้เปรียบด้วยกันทั้งคู่ จึงต่อสู้ติดพันกันได้อย่างไม่มีใครยอมใคร
ข้อได้เปรียบของนกจมูกหลอดหางสั้นเจ้าถิ่นก็คืออาหารจากพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนที่พวกมันกินเข้าไปทุกวัน ดังนั้นอย่ามองว่าพวกมันอ้วน ที่จริงแล้วนั่นเรียกว่าบึกบึนแข็งแรงต่างหาก พวกมันมีแรงขับเคลื่อนเต็มเปี่ยม พละกำลังมาก ทั้งยังบินได้เร็ว ทำให้พวกมันได้เปรียบในเรื่องของสมรรถภาพร่างกาย
ส่วนพวกนกจมูกหลอดหางสั้นที่อพยพมาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย พวกมันมีจำนวนมากและยังผ่านความยากลำบากจากการเดินทางไกลในทุกๆ ปี ดังนั้นพวกมันจึงมีความอดทนที่เยี่ยมยอด ถึงจะไม่ชำนาญการต่อสู้แบบตัวต่อตัว แต่เวลาต่อสู้ร่วมกันกับฝูงพวกมันก็จะเป็นฝ่ายได้เปรียบ
การต่อสู้กินระยะเวลากว่าครึ่งวัน พอถึงช่วงบ่ายเมื่อกองกำลังหลักของฝูงนกอพยพมาถึง นกประจำถิ่นก็ต้องพบกับความพ่ายแพ้ เมื่อเป็นเช่นนี้จำนวนนกจึงเพิ่มเป็นหลายแสนตัว!
หลังจากได้เห็นเหตุการณ์การต่อสู้ในครั้งนี้ฉินสือโอวก็ตกอยู่ในอารมณ์เดือดพล่าน พอดีกับที่ตอนนี้มีเรือขโมยปลาลำหนึ่งกล้าเข้ามาในฟาร์มปลาของเขาอย่างไม่กลัวตาย เขาจึงถือปืนกลเบาเบรนนั่งเฮลิคอปเตอร์ออกไปหาทันที
เรือขโมยปลาลำนั้นดวงซวยไปหน่อย คาดว่าเจ้าของเรือน่าจะเป็นคนต่างถิ่นเลยไม่รู้ถึงกิตติศัพท์ความองอาจของฟาร์มปลาต้าฉิน ด้วยชื่อเสียงของฉินสือโอวที่ดังกระฉ่อนออกไป ในช่วงเวลากว่าครึ่งปีนี้เรือที่มาขโมยปลาจึงลดจำนวนลงไปมากแล้ว เรือผีฟลาวเวอร์ฟอกซ์เองก็ถูกจอดทิ้งไว้ไม่ได้ใช้งานมานานแล้ว
พวกบีบีซวง ออสเปรกับคนอื่นๆ ได้แต่ทำงานดูแลความปลอดภัยแต่ไม่ได้ออกทะเล เลยรู้สึกค่อนข้างเหนื่อยหน่าย พอเห็นว่ามีเรือขโมยปลาบุกเข้ามา พวกเขาจึงแย่งกันออกไปขู่คนบนเรือ
ฉินสือโอวบอกว่าไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้น ตอนนี้เขากำลังอยากระบายอารมณ์พอดี กว่าจะมีที่ให้ลงแบบนี้ ทำไมจะต้องใช้เรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์ด้วยล่ะ?
คนบนเรือขโมยปลาเพิ่งจะทิ้งอวนได้แป๊บเดียว ชาวประมงกลุ่มนั้นกำลังมองดูเครื่องตรวจหาปลาพร้อมกับเพ้อฝันถึงผลเก็บเกี่ยวจำนวนมหาศาลที่พวกตนจะได้ติดมือกลับไป แต่กลับกลายเป็นว่ามีเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งบินมาจอดอยู่บนท้องฟ้าเหนือศีรษะของพวกเขาเสียก่อน ต่อจากนั้นวิทยุสื่อสารก็แผดเสียงดังออกมา “เรือเมจิคฟิชสเปียร์กรุณาฟังทางนี้! เรือเมจิคฟิชสเปียร์กรุณาฟังทางนี้! ขณะนี้พวกคุณกำลังรุกล้ำเขตคุ้มครองสัตว์พันธุ์หายาก กรุณาออกจากที่นี่ภายในสิบวินาที ไม่อย่างนั้นก็เตรียมตัวรับไฟแค้นจากกลุ่มผู้คุ้มครองได้เลย!”
คนบนเรือขโมยปลาถึงกับไปไม่เป็น ทำไมคำพูดพวกนั้นถึงเหมือนกับว่ากำลังถ่ายหนังอยู่เลยล่ะ? ไฟแค้นอะไร นึกว่าเป็นพวกกองทัพแห่งหายนะอะไรพวกนั้นเสียอีก
เวลาสิบวินาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่พวกเขายังสับสนมึนงงไม่หาย ประตูของเฮลิคอปเตอร์ถูกเปิดออก ปืนกลเบากระบอกหนึ่งก็ถูกยื่นออกมาแล้วเช่นกัน เสียงลูกกระสุนที่ถูกยิงลงไปในน้ำทะเลข้างๆ เรือดังโป้งป้างขึ้นมา ทำให้ชาวประมงบนเรือตกใจจนฉี่แทบราด
ที่จริงแล้วฉินสือโอวไม่กล้าทำร้ายใครหรอก กองกำลังทหารอาสาของพวกเขาเป็นเพียงกองกำลังที่ก่อตั้งขึ้นตามระเบียบกองทัพแคนาดา กองทัพบกแคนาดาอนุญาตให้พวกเขาก่อตั้งกองกำลังนี้ได้ แต่มีข้อแม้ว่าต้องไม่สร้างปัญหา ถ้าเกิดปัญหาขึ้นมาจริงๆ ผู้ที่จะรับมือกับพวกเขาก็คือกองทัพบกแคนาดา
ชาวประมงบนเรือไม่รู้เรื่องนี้ พวกเขานึกว่าตัวเองมาเจอกับคนบ้า จึงพากันขับเรือหนีไปด้วยความหวาดหวั่น ขณะเดียวกันก็กล่าวขอโทษผ่านทางวิทยุสื่อสารไปด้วย ส่วนเรื่องที่ว่าจะแจ้งตำรวจน่ะเหรอ? พวกเขาเป็นเรือขโมยปลา ถ้าแจ้งตำรวจก็เท่ากับหาเรื่องให้ตัวเองเดือดร้อนไม่ใช่เหรอ?
……………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset