ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1525 นกนางนวลที่หยุดพักการเดินทาง

ได้ยินวินนี่พูดแบบนี้ ฉินสือโอวก็ถึงกับต้องส่งรอยยิ้มจืดเจื่อน ยัยเด็กโง่ เธอคิดว่าผักผลไม้ในฟาร์มปลาออกดอกออกผลได้ดีขนาดนี้เป็นเพราะดินกับน้ำดีหรือยังไงกัน? ผิดแล้วล่ะ เป็นเพราะสามีของเธอใช้พลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนทำให้มันโตได้ดีขนาดนี้ต่างหากเล่า
ตรงข้ามกันกับเขา คาปาไลกลับถามเธอด้วยตาที่เป็นประกายว่า “ท่านนายกเทศมนตรีวินนี่ครับ ถ้าทางเทศบาลจะสร้างโรงเรือนปลูกผักก็ต้องใช้คนงานเยอะกว่าเดิมใช่ไหมครับ?”
วินนี่พยักหน้าตอบ เธอถามเขากลับไปด้วยความประหลาดใจ “คุณมีเพื่อนที่กำลังทำงานอยู่ในแคนาดาเหรอคะ?”
คาปาไลตอบคำถามเธอด้วยรอยยิ้มเก้อเขิน “ผมอยากรับภรรยามาทำงานที่นี่น่ะครับ ที่บ้านของเราพวกเขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ลำบากมากๆ ผมคิดว่าถ้ามาทำงานที่นีjน่าจะมีชีวิตดีกว่ากันเยอะ”
เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ทำให้รัฐบาลไม่มีเงินมากพอที่จะนำมาสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานและสวัสดิการทางสังคม ดังนั้นนโยบายการอพยพจึงถูกบังคับใช้อย่างเคร่งครัด เช่นครอบครัวของคาปาไลที่แทบจะอพยพเข้ามาที่นี่ไม่ได้เลย ทว่า แคนาดามีพื้นที่กว้างขวางแต่มีประชากรเพียงน้อยนิด ทั้งยังต้องการแรงงานจำนวนมหาศาล ดังนั้นจึงรัฐบาลจึงเปิดกว้างในด้านการนำเข้าแรงงาน
ฉินสือโอวไม่อยากให้วินนี่ทำเรื่องพวกนี้เป็นอาชีพเสริม เพราะนี่ไม่ต่างอะไรกับการหาเรื่องวุ่นวายให้ตัวเองเลย สุดท้ายแล้วคนที่เหนื่อยที่สุดก็คือเขาอยู่ดี ดังนั้นขณะที่กำลังแทะน่องนกหอมๆ เขาก็ล้วงมือถือออกมาค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสภาพทางเศรษฐกิจไปด้วย เขาจะลองค้นหาดูว่าพอจะมีเหตุผลมาเกลี้ยกล่อมวินนี่ได้บ้างไหม
ฉงต้ายื่นอุ้งเท้าออกมาจับไหล่ของเขาพร้อมกับมองดูน่องนกย่างชิ้นอวบอ้วนที่เขากำลังถืออยู่ในมืออย่างน่าสงสาร ทั้งยังกลืนน้ำลายลงคอเรื่อยๆ แต่น่าเสียดายที่ฉินสือโอวไม่ทันได้สังเกต
จากการประกาศของสำนักงานสถิติแคนาดา ในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ของปีนี้ราคาอาหารในประเทศจะเพิ่มขึ้นถึง 3.2% เพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้ว 3.4% และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนราคาอาหารในซูเปอร์มาร์เก็ตจะเพิ่มขึ้น 3.5%
ราคาอาหารที่เพิ่มขึ้นเท่านี้ไม่นับว่าเป็นปัญหาอะไร ฉินสือโอวเอาข้อมูลพวกนี้ให้วินนี่แล้วบอกกับเธอว่านี่คือผลสำรวจของสำนักงานสถิติ เศรษฐกิจของแคนาดายังไม่ย่ำแย่ถึงขนาดนั้น ในช่วงเวลาเดียวกันราคาอาหารที่อเมริกาก็เพิ่มขึ้น 2.2%
ฟังจากที่เขาพูด ไม่จำเป็นต้องให้วินนี่เป็นคนเอ่ยปาก พวกชาวประมงก็ส่งเสียงบ่นกันระงม “ไปตายเถอะพวกสำนักงานสถิติ ปล่อยให้ไอ้โง่พวกนั้นพล่ามไปเถอะ! พวกนั้นบอกว่าราคาอาหารในตลาดเพิ่มขึ้นแค่ 3.5% จากปีที่แล้วอย่างนั้นน่ะเหรอ? ไอ้ขี้หมา ดูยังไงก็ 35% เถอะ”
“จริงๆ นะครับบอส เวลาไปซื้อของคุณรูดบัตรอย่างเดียวแต่ไม่ได้ดูราคา ของในซูเปอร์มาร์เก็ตเพิ่มมากขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วตั้ง 20 ถึง 30% อย่างปีที่แล้วพาร์สลีย์หนึ่งปอนด์ราคาต่ำสุดก็แค่ 3.5 ดอลลาร์ ส่วนปีนี้น่ะเหรอ? ผมยังไม่เคยเจอที่ไหนขายถูกกว่า 5 ดอลลาร์เลย!”
“และเพราะว่าต้นทุนของอาหารที่เพิ่มสูงขึ้น ซูเปอร์มาร์เก็ตเลยอยากจะประหยัดต้นทุน ไม่ยอมเอาผักกับผลไม้ที่เสียแล้วไปทิ้ง แต่เอามาขายเป็นสินค้าราคาพิเศษ ต่อให้เห็นว่าเป็นของไม่ดีก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว”
ซูเปอร์มาร์เก็ตในแคนาดาจัดสินค้าราคาพิเศษอยู่ทุกวัน และเพราะว่าเป็นสินค้าราคาพิเศษจึงทำให้หลีกเลี่ยงของมีตำหนิได้ยาก จะเลือกซื้อสินค้าพวกนี้คงต้องพึ่งดวงกับสายตาของแต่ละคนแล้ว ถ้าสินค้ามีปัญหาจะกลับไปขอเปลี่ยนหรือเอาเงินคืนไม่ได้
คาปาไลที่ได้ยินพวกชาวประมงพากันบ่นก็พูดพึมพำขึ้นมาบ้างว่า “ช่วงวันหยุดเมื่อสัปดาห์ก่อนผมกับซ่งไปซื้อของที่นครเซนต์จอห์น ซ่งซื้อผักกวางตุ้งลดราคามาหนึ่งห่อ แต่วันต่อมาตอนที่เอาออกมาจากตู้เย็นมันก็เน่าแล้ว ผมซื้อลูกพีชจากเฟรสโกมาหนึ่งกล่อง ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตบอกว่ามันคือพีชออร์แกนิค ราคาพิเศษกล่องละ 3.99 ดอลลาร์ แต่พอกลับมาเปิดดู ก็เห็นว่าลูกพีชเน่าไปครึ่งลูกแล้ว แถมยังมีแมลงวันบินตอมอีกต่างหาก ผมนึกว่าตัวเองได้กลับไปที่คิวบาแล้วเสียอีก!”
ฉินสือโอวคิดว่าที่พวกเขาพูดก็ดูจะเกินจริงไปหน่อย เขาเคยอ่านข่าวบนอินเทอร์เน็ต ตามการรายงานของ Trading Economics ได้บอกไว้ว่าปีนี้ราคาอาหารในแคนาดาเพิ่มสูงขึ้น 3.2% ซึ่งนับว่าค่อนข้างสูง แต่ไม่ได้สูงจนเกินไป
แต่จากการสัมภาษณ์ประชาชนในทุกๆ พื้นที่ ทุกคนต่างก็รู้สึกว่าราคาอาหารที่เพิ่มขึ้นมีราคาสูงกว่าที่ข้อมูลของสำนักงานสถิติได้ระบุไว้เป็นอย่างมาก อีกทั้งแคนาดายังประสบกับวิกฤตด้านความปลอดภัยของอาหาร เพื่อที่จะชดเชยต้นทุนที่เพิ่มขึ้นซูเปอร์มาร์เก็ตหลายแห่งจึงไม่เพียงแต่ปรับราคาขึ้นเท่านั้น ในขณะเดียวกันเพื่อที่จะประหยัดต้นทุนก็ได้ลดคุณภาพของผักและผลไม้ที่ขายในซูเปอร์มาร์เก็ตลงอย่างเห็นได้ชัด
ชาวประมงจำนวนยี่สิบกว่าคนรวมถึงคาปาไลต่างก็เห็นด้วยกับนโยบายใหม่ของวินนี่ พวกเขาคิดว่าภาครัฐควรเข้ามาอำนวยการสร้างฟาร์มเกษตรปลูกผักผลไม้และเลี้ยงวัวเลี้ยงแพะเพื่อควบคุมราคาสินค้าในเมือง
แต่ฉินสือโอวกลับคิดว่าแนวคิดนี้ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ตลาดก็คือตลาด มันมีกฎเกณฑ์ในตัวมันเอง เทศบาลต้องร่วมมือกันกับตลาด อย่างมากที่สุดก็แค่เพิ่มเงินเดือนให้สูงขึ้น จะสร้างฟาร์มเกษตรไปทำไมกัน เล่นเป็นคอมมิวนิสต์อย่างนั้นเหรอ? ถึงต้องนั้นต้องมีปัญหาตามมาอีกหลายอย่างแน่นอน
วินนี่มีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม หลายปีมานี้ที่ฟาร์มปลาได้เพาะพันธุ์พืชผักผลไม้มาโดยตลอด ทั้งยังสะสมเมล็ดพันธุ์คุณภาพดีไว้เป็นจำนวนมาก และบนเกาะแฟร์เวลก็มีพื้นที่รกร้างหลายแห่ง การเข้าไปบุกเบิกเพื่อหารายได้เสริมก็ถือเป็นความคิดที่ไม่เลว
ฉินสือโอวอยากจะหาข้อโต้แย้งแต่ก็ไม่รู้จะแย้งยังไง ตำแหน่งที่ตั้งของเกาะแฟร์เวลอยู่ห่างไกลกับแผ่นดินใหญ่ การขนส่งผักผลไม้มาที่นี่เป็นไปอย่างยากลำบาก ส่งผลให้ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น แต่ข้อเสียข้อนี้ก็สามารถเปลี่ยนให้เป็นข้อดีได้ นั่นเป็นเพราะว่าถ้าหากเมืองนี้สร้างตลาดค้าขายขึ้นมาเองจริงๆ ก็คงจะไม่ค่อยมีคนจากภายนอกเข้ามาซื้อของเท่าไรนัก ทำให้ง่ายต่อการรักษาเสถียรภาพของตลาด
ไม่เช่นนั้นแล้ว ถ้าไปหาพื้นที่ขนาดใหญ่ในนครเซนต์จอห์นแล้วสร้างตลาดค้าผักราคาต่ำโดยไม่ได้คิดให้รอบคอบ หากทำแบบนั้นคนในพื้นที่คงจะถูกผู้คนจากภายนอกแย่งซื้อของไปจนหมด
ฉินสือโอวส่ายหัวให้กับความคิดนี้ หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกว่ามือที่เคยถือกลับรู้สึกเบาขึ้น พอหันไปดูก็เห็นฉงต้ากำลังเคี้ยวน่องนกย่างของเขาที่ตอนนี้เหลือแค่กระดูกอยู่อย่างเต็มปากเต็มคำ
หลังจากดื่มเบียร์และกินปลาทอด หอยย่างกับนกย่างสไตล์คิวบาเสร็จ ทุกคนก็แยกย้ายกัน ใครต้องไปเข้างานก็ไป ใครใคร่จะพักผ่อนก็พัก
หลังจากนั้นไม่กี่วัน พอถึงช่วงปลายเดือนมีนาคม การพักผ่อนของฝูงนกจมูกหลอดหางสั้นก็สิ้นสุดลงแล้ว ถึงเวลาที่พวกมันต้องก้าวเข้าสู่เส้นทางการอพยพอีกครั้ง การอพยพในครั้งนี้คือการบินไปสู่ทิศเหนือ จากทางตอนเหนือของแคนาดามุ่งหน้าสู่เกาะกรีนแลนด์
หลังจากที่ฝูงนกจมูกหลอดหางสั้นจากไป ฉินสือโอวก็นึกว่าตัวเองจะได้นอนหลับอย่างสบายๆ แล้วเพราะถึงแม้ว่าจะมีแก๊งนกทั้งสามตัวคอยคุ้มกันอยู่ข้างนอก แต่ตกกลางดึกก็ยังมีเสียงนกร้องคอยรบกวนจนเขานอนไม่หลับอยู่ดี ตลอดสองวันนี้คุณภาพของการนอนหลับของเขาจึงลดต่ำลง
ปรากฏว่าพอฝูงนกจมูกหลอดหางสั้นจากไป แต่ที่นี่ก็ยังมีนกนางนวลอยู่เป็นจำนวนมาก นอกจากลูกนกกับนกแก่ที่ยังเหนื่อยล้าก็ยังมีนกนางนวลอยู่เยอะมาก หรือพูดได้ว่านกที่ยังอยู่ต่อก็คือนกนางนวลเป็นส่วนใหญ่
เมื่อเทียบกับความตื่นเต้นตอนได้ที่เห็นนกนางนวลเมื่อเขามาถึงเกาะแฟร์เวลในช่วงแรก ตอนนี้ฉินสือโอวมีภูมิคุ้มกันต่อนกที่มีชื่อเหมือนชื่อของตัวเองแล้ว ที่ฟาร์มปลามีนกนางนวลให้เห็นตลอดทั้งปี แถมเขายังพบว่านกนางนวลพวกนี้ไม่ได้น่ารักตามที่ใครเขาพูดกัน ที่จริงแล้วพวกมันเป็นนกที่น่ารำคาญมาก
นกนางนวลชอบสร้างรังไว้ไม่เป็นที่ อึถ่ายเรี่ยราด สู้นกจมูกหลอดหางสั้นไม่ได้เลย นกจำพวกหลังจะสร้างรังอยู่บนต้นไม้ ขับถ่ายในทะเล และในบางครั้งเนื้อของพวกมันก็เป็นแหล่งอาหารสำหรับคนในฟาร์มปลา
ส่วนนกนางนวลน่ะเหรอ? นกพวกนั้นมีแต่ทำลาย
อีกทั้งอาหารของนกนางนวลก็คือปลาในฟาร์ม ตอนที่มีจำนวนน้อยๆ ก็ยังไม่เป็นปัญหาอะไร แต่ตอนนี้น่ากลัวว่านกนางนวลที่พากันปรากฏตัวขึ้นในฟาร์มปลาจะมีมากถึงหลายหมื่นหลายแสนตัว ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นก็จะยิ่งร้ายแรงกว่าเดิม
ตอนแรกฉินสือโอวก็ไม่ได้ใส่ใจนัก ด้วยคิดว่าเดี๋ยวนกนางนวลก็ตามนกจมูกหลอดหางสั้นไป เนื่องจากพวกมันบินมาที่นี่พร้อมกันกับฝูงนกจมูกหลอดหางสั้น แต่หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์ จนเข้าสู่ต้นเดือนเมษายนแล้ว แต่นกนางนวลพวกนี้ก็ยังคงอยู่ที่นี่ต่อ
ทั้งยังดูเหมือนว่าพวกนกนางนวลจะเรียกเพื่อนพ้องให้มาอยู่ที่ฟาร์มปลามากขึ้นเรื่อยๆ อีกต่างหาก!
………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Recommended Series

Options

not work with dark mode
Reset