ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1528 ปฏิเสธอย่างหนักแน่น

อย่าตอบแทนรอยยิ้มด้วยการตบหน้า ถึงแม้ว่าฉินสือโอวจะค่อนข้างรำคาญคนพวกนี้ แต่ก็ยังพาพวกเขาไปที่ฟาร์มปลาอยู่ดี ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นแขกของกรมประมง และยังเป็นแขกของพันธมิตรการประมงนิวฟันด์แลนด์ด้วย
คุณภาพน้ำของฟาร์มปลาต้าฉินดึงดูดความสนใจของผู้คนเหล่านี้ได้ตั้งแต่ในคราวแรก ขณะที่อยู่บนเรือพวกเขาต่างก็เอ่ยปากชมเป็นเสียงเดียวกัน เมื่อเรือขับมาถึงท่า แล้วเดินไปยังบริเวณชายหาดน้ำตื้นที่มีน้ำทะเลใสสะอาดกับแสงอาทิตย์ส่องประกายสว่างสดใส ก็จะสามารถมองเห็นสาหร่ายทะเลที่เกิดขึ้นใต้น้ำทะเลอย่างเนืองแน่นจนดูเหมือนกับสนามหญ้าใต้น้ำ
เทอร์รี่ถามเขาด้วยความกระตือรือร้นว่า “คุณฉิน หญ้าทะเลกับสาหร่ายทะเลในฟาร์มปลาของคุณเติบโตได้ไม่เลวเลยจริงๆ ที่คุณปลูกคือพันธุ์อะไรเหรอ? ปกติแล้วคุณดูแลมันยังไง พอจะบอกเคล็ดลับหน่อยได้ไหมครับ?”
ฉินสือโอวไหวไหล่ด้วยท่าทางราวกับจนปัญญาแล้วพูดว่า “บางทีคุณอาจจะรู้อยู่แล้วก็ได้ ฟาร์มปลาของผมเชิญศาสตราจารย์แซนเดอร์สให้มาช่วยชี้นำงานด้านเทคโนโลยี ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะการชี้นำของเขาทั้งนั้นแหละครับ ดังนั้นถึงผมจะอยากช่วยแต่ก็คงช่วยอะไรคุณไม่ได้”
นักเทคนิคคนหนึ่งพยักหน้ารับทันที เขาพูดรับว่า “ศาสตราจารย์แซนเดอร์สเป็นผู้นำด้านชีววิทยาทางทะเลของแคนาดา คิดไม่ถึงว่าคุณฉินจะสามารถเชิญท่านให้มาทำงานที่นี่ได้ น่านับถือจริงๆ จากที่ผมรู้มา มีบริษัทด้านชีวภาพขนาดใหญ่หลายแห่งเลยที่เชิญท่านแล้วไม่สำเร็จ”
ปัญญาชนมักจะดูถูกปัญญาชนด้วยกันเอง ในหมู่นักวิทยาศาสตร์ก็เป็นเช่นนี้ เหมือนกับคำที่ว่าบทประพันธ์ไม่มีที่หนึ่งวิทยาศาสตร์ไม่มีที่สอง พอได้ยินช่างเทคนิคชื่นชมศาสตราจารย์แซนเดอร์สแบบนี้ เบลดโซหัวหน้าทีมผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีของบริษัท ABTX ก็เริ่มไม่สบอารมณ์แล้ว เขาพูดขึ้นมาว่า “ก็จริงอยู่ที่ว่าศาสตราจารย์แซนเดอร์สมีความสามารถด้านอุตสาหกรรมการเพาะพันธุ์แบบดั้งเดิมเป็นอย่างมาก แต่เขายังขาดความสามารถด้านเทคโนโลยีการดัดแปลงพันธุกรรมยุคใหม่อยู่มาก”
นักเทคนิคคนนั้นไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขาน่าจะรู้อยู่แล้วว่าศาสตราจารย์เบลดโซเป็นคนยังไง ดังนั้นเขาจึงเงียบปากพร้อมกับยิ้มแห้งๆ แล้วเดินออกไปจากท่าเรืออย่างรู้ความ
ฉินสือโอวคิดว่าเบลดโซใจแคบไปหน่อย เขารู้จักความสามารถของศาสตราจารย์แซนเดอร์สเป็นอย่างดี ศาสตราจารย์อาวุโสไม่ได้มีดีแค่ในด้านความรู้เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีการวางตัวของเขาที่แสดงให้เห็นถึงบารมีของนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่อีกด้วย
และเขาก็ไม่ได้สนใจเทคโนโลยีดัดแปลงพันธุกรรมอีกต่างหาก ดังนั้นฉินสือโอวจึงพูดขึ้นมาว่า “พวกเราคนจีนมีคำกล่าวอย่างหนึ่งที่ว่าเคล็ดวิชาฆ่ามังกรด้วยมือเปล่า มาจากเรื่องเล่าเกี่ยวกับคนคนหนึ่งที่เรียนรู้เคล็ดวิชาในการสังหารมังกร แต่เพราะไม่มีมังกรอยู่บนโลกใบนี้ ดังนั้นต่อให้เคล็ดวิชาของเขาจะเยี่ยมยอดกว่าใคร แต่มันก็คงไม่มีประโยชน์อะไรใช่ไหมล่ะครับ?”
เบลดโซมีสติปัญญาสูง เข้าใจความหมายของคำพูดที่เขาจะสื่อได้อย่างรวดเร็ว จึงพูดด้วยความโมโหว่า “คุณฉิน คุณคิดว่าเทคโนโลยีการดัดแปลงพันธุกรรมมันไม่มีประโยชน์เหรอ? นี่เป็นเทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้าที่สุดในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด อย่างน้อยที่สุดการกำเนิดของเทคโนโลยีนี้ก็เป็นการก้าวเดินครั้งใหญ่ของมนุษยชาติบนโลกแห่งความศิวิไลซ์!”
ฉินสือโอวตอบเขากลับไปพร้อมกับหัวเราะเย้ยหยัน “แล้วคนจีนอย่างพวกเราก็มีคำกล่าวที่ว่ายิ่งก้าวใหญ่ไข่ยิ่งแตกได้ง่าย เพราะฉะนั้นมนุษยชาติจึงควรก้าวไปบนโลกแห่งความศิวิไลซ์ด้วยก้าวเล็กๆ”
เบลดโซมองหน้าเขาตรงๆ อยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็พูดกับเขาว่า “ผมคิดว่าคุณฉินน่าจะไม่อยากเพาะพันธุ์ปลาเทราต์น้ำดีใช่ไหมล่ะครับ?”
ฉินสือโอวไหวไหล่แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนอยู่แล้วครับ ฟาร์มปลาของผมเลี้ยงปลาเทราต์ไว้ไม่น้อยเลย อีกทั้งพวกมันยังเจริญเติบโตได้อย่างยอดเยี่ยม ผมไม่อยากเพิ่มคู่ต่อสู้ให้พวกมันหรอกครับ”
พอพูดจบเขาก็ใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนเพื่อค้นหาปลาเทราต์แอตแลนติกฝูงหนึ่ง แล้วบังคับให้พวกมันสะบัดตัวซ้ายขวาลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ เผยให้เห็นลำตัวอ้วนท้วนสมบูรณ์ เขาจงใจให้พวกมันอวดตัวโชว์ศักดาอยู่บนผิวน้ำ
เควนติน สเติร์นเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ย เขาพูดด้วยน้ำเสียงเจือเสียงหัวเราะ “คุณฉินต้องไม่อยากเลี้ยงปลาสายพันธุ์นี้อยู่แล้ว เพราะแถวๆ ฟาร์มปลาของเขาไม่ได้มีแม่น้ำใหญ่ยังไงล่ะ ถึงยังไงก็เพาะพันธุ์ปลาสายพันธุ์นี้ไม่ได้”
ปลาเทราต์แอตแลนติกแบ่งออกเป็นสองประเภทได้แก่ ประเภทอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำบนแผ่นดินใหญ่กับปลาประเภทที่อพยพย้ายถิ่น ประเภทแรกจะอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำจืดตลอดชีวิต แต่เดิมอยู่ที่ทางตอนเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติกได้แก่ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอเมริกาเหนือ หมู่เกาะบริติชและตามแนวชายฝั่งสแกนดิเนเวียในทวีปยุโรป
ปลาเทราต์แอตแลนติกที่มีแหล่งอาศัยบนแผ่นดินใหญ่เป็นปลาประเภทที่มีการแปรผันทางพันธุกรรมค่อนข้างตายตัว มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและเป็นปลาที่นิยมเพาะเลี้ยงกันทั่วโลก เนื้อของมันอุดมไปด้วยโปรตีนและกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน และยังมีคุณประโยชน์ด้านการรักษาที่ดีมากอีกด้วย ที่ทะเลสาบเฉินเป่าก็มีปลาชนิดนี้อยู่จำนวนหนึ่ง มันเป็นปลาน้ำจืดที่ค่อนข้างมีมูลค่าชนิดหนึ่งเลย
แต่ประเภทที่มีจำนวนมากกว่าคือปลาเทราต์แอตแลนติกประเภทอพยพย้ายถิ่น ซึ่งก็คือปลาประเภทเดียวกันกับปลาในฟาร์ม มันเป็นปลาที่เกิดในแม่น้ำแต่เติบโตในทะเล เมื่อถึงเวลาผสมพันธุ์ก็จะกลับมาวางไข่ในแม่น้ำที่มีน้ำจืด หลังจากนั้นก็จะกลับไปอยู่ในทะเลจนโตเต็มวัย แม่พันธุ์ของปลาเทราต์น้ำดีก็คือปลาประเภทนี้นั่นเอง
ฉินสือโอวไม่อยากเพาะเลี้ยงปลาเทราต์แอตแลนติกดัดแปลงพันธุกรรมเลย โตเร็วแล้วมีประโยชน์ตรงไหนกันล่ะ? มันมีความไม่แน่นอนอยู่มากเกินไป ถ้าขยายพันธุ์ปลาเทราต์พวกนี้ในฟาร์มปลา นั่นอาจจะทำให้ปลาเทราต์แอตแลนติกเกิดการสูญพันธุ์ก็เป็นได้ จากการวิจัยค้นพบว่าปลาเทราต์แอตแลนติกที่มียีนของคิงแซลมอนจะมีความสามารถในการเอาชีวิตรอดที่เหนือกว่าปลาเทราต์แอตแลนติกทั่วไป
เบลดโซกล่าวว่า “ไม่ คุณคิดมากเกินไปแล้ว ลูกพันธุ์ปลาของเราถูกจัดการให้ไม่สามารถแพร่พันธุ์ได้แล้ว พวกมันไปจำเป็นจะต้องกลับไปแพร่พันธุ์ในน้ำจืดอีก”
เป็นอย่างที่เขาว่าไว้จริงๆ ที่เอฟดีเออนุญาตให้บริษัท ABTX นำปลาเทราต์ดัดแปลงพันธุกรรมออกมาจำหน่ายได้ ก็เพราะมีเงื่อนไขข้อแรกคือปลาเทราต์ดัดแปลงพันธุกรรมทั้งหมดจะต้องถูกทำหมันจนไม่สามารถแพร่พันธุ์ได้ เพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันผสมพันธุ์กับปลาเทราต์ตามธรรมชาติ จนทำให้ยีนของปลาเทราต์ตามธรรมชาติเกิดการปนเปื้อน
ทว่าทุกวันนี้ความลึกลับของพันธุกรรมยังเป็นยังคงเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถควบคุมได้ เมื่ออยู่ภายใต้สภาวะที่เป็นธรรมชาติใครจะล่วงรู้ได้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น? แล้วอีกอย่างใครจะแน่ใจได้ว่าปลาเหล่านี้ถูกตัดต่อพันธุกรรมด้านการสืบพันธุ์จนครบทุกตัวแล้ว? ถ้าปลาบางส่วนยังมีความสามารถสืบพันธุ์เหลืออยู่ล่ะ?
หากเอฟดีเอกับรัฐบาลอเมริกาไม่มีความกังวลเกี่ยวกับปลาเทราต์น้ำดีจริงๆ ถ้าอย่างนั้นพวกเขาก็ควรจะอนุญาตให้เพาะพันธุ์ปลาสายพันธุ์นี้ในอเมริกาด้วย ไม่ใช่อนุญาตให้เลี้ยงปลาโตเต็มวัยไว้ในปานามาเพียงอย่างเดียว แถมไข่ปลายังมาจากเกาะพรินซ์เอ็ดเวิร์ดอีกต่างหาก
ผ่านมายี่สิบปีแล้ว จนถึงทุกวันนี้มีแค่ปานามาที่ดวงซวยจนได้รับอนุญาตให้เพาะพันธุ์ปลาสายพันธุ์นี้อยู่ที่เดียว และเนื่องจากขนาดของฟาร์มปลาในปานามา ในทุกๆ ปีบริษัท ABTX จึงสามารถผลิตปลาได้แค่ประมาณ 100 ตันเท่านั้น ซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับปลาเทราต์แอตแลนติกจำนวน 200,000 ตันที่อเมริกานำเข้าในทุกๆ ปี
เพื่อที่จะครอบครองส่วนแบ่งในตลาดการค้าปลาเทราต์แอตแลนติกที่มากขึ้น บริษัท ABTX จึงพยายามอย่างสุดกำลังที่จะผลักดันให้ปลาดัดแปลงพันธุกรรมอยู่ในกระบวนการที่ถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อปีที่แล้วปลาเทราต์น้ำดีผ่านการตรวจสอบของเอฟดีเอและได้รับอนุญาตให้เข้าสู่ตลาดแล้ว สาเหตุที่พวกเขามาที่นี่ในตอนนี้ ก็เพราะว่าเพิ่งจะชักชวนให้แคนาดาเพิ่มฟาร์มปลาขนาดใหญ่อีกหนึ่งแห่ง
ส่วนพื้นที่ของอเมริกาเองน่ะเหรอ? เอฟดีเอและกรมประมงอเมริกาห้ามไม่ให้เพาะพันธุ์ปลาเทราต์ดัดแปลงพันธุกรรมในฟาร์มปลาอเมริกา ผลการรายงานด้านสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับปลาเทราต์ดัดแปลงพันธุกรรม ได้เสนอว่าต้องผลิตและแปรรูปปลาเทราต์ “ในต่างประเทศ” ถึงจะสามารถลดภัยคุกคามต่อสิ่งแวดล้อมของอเมริกาได้มากที่สุด
นี่เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกไม่พอใจ พวกแยงกี้วางแผนไว้เป็นอย่างดี แบบนี้จะต่างกับการเอาขยะอิเล็กทรอนิกส์ไปเททิ้งไว้ให้ประเทศอื่นตรงไหนกัน? เพาะพันธุ์ปลาเทราต์ดัดแปลงพันธุกรรมไว้ที่ต่างประเทศ แปรรูปที่ต่างประเทศ พอถึงตอนท้ายอเมริกาก็แค่นำเข้าเนื้อปลา ต่อให้เกิดปัญหา แค่นำออกจากชั้นวางขายก็ถือว่าจัดการปัญหาได้แล้ว ไม่มีทางก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อห่วงโซ่อาหารทางชีวภาพของพวกเขาอย่างแน่นอน
แล้วผลที่จะเกิดกับแคนาดาล่ะ? เอฟดีเอขาดการประเมินความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมที่มีต่อแคนาดาและปานามา ทั้งยังเชื่อว่าด้วยการติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันทางบกของแคนาดาและปานามา โอกาสที่ปลาเทราต์จะเล็ดลอดออกมาจึงมีอยู่เพียงน้อยนิด ดังนั้นจึงไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของอเมริกา
เรื่องบางเรื่องยิ่งได้รู้ก็ยิ่งสะอิดสะเอียน แต่อย่างไรเสียชาวประมงทั่วทั้งอเมริกาเหนือต่างก็รู้เรื่องความไม่ชอบมาพากลของปลาเทราต์น้ำดีอยู่แล้ว ฉินสือโอวไม่เชื่อว่าจะมีใครยอมเสี่ยงเพาะพันธุ์ปลาชนิดนี้ หากซูเปอร์มาร์เก็ตและตลาดปลารายใหญ่ทุกแห่งเปิดรับปลาสายพันธุ์นี้ก็อาจจะพอเป็นไปได้ ทว่าตอนนี้มีแค่รัฐบาลที่อนุญาตให้นำปลาสายพันธุ์นี้เข้าสู่ตลาด อีกทั้งรัฐบาลก็ขายปลาไม่เป็น มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่จะเลี้ยงปลาพวกนี้
…………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset