ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1534 เพาะพันธุ์หอยในฤดูใบไม้ผลิ

ขณะที่พวกทหารกำลังดัดแปลงโดรน ฉินสือโอวก็นำพวกชาวประมงเพื่อเตรียมพร้อมที่จะทำงาน
แผนของปีเริ่มต้นที่ฤดูใบไม้ผลิ การทำฟาร์มปลาก็เหมือนกับการทำฟาร์มเพาะปลูก ฤดูใบไม้ผลิเป็นช่วงเวลาที่ดีในการทำฟาร์ม ฤดูใบไม้ผลิเป็นช่วงที่มีการแพร่พันธุ์ปลาเข้าสู่ฟาร์มหลากหลายสายพันธุ์
หากแต่ว่า ทรัพยากรการประมงของ ฟาร์มปลาต้าฉินมีความอุดมสมบูรณ์เพียงพออยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องมีการปล่อยพันธุ์ปลาเพาะเลี้ยง แต่สิ่งที่ต้องทำคือการปล่อยพันธุ์หอยเพื่อเพาะเลี้ยง
ในฟาร์มปลามีหอยอยู่หลายชนิดรวมถึง หอยเชลล์ เพียงแต่ปริมาณไม่มากพอ ไม่สามารถผลิตได้ทันกับความต้องการของตลาด ฉินสือโอวจึงต้องขยายจำนวนการเพาะพันธุ์โดยที่เขาไม่จำเป็นต้องซื้อหอยจากภายนอก ฟาร์มปลาของเขาเริ่มเพาะเลี้ยงหอยบางชนิดตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว จนโตเป็นแม่พันธุ์หอยที่แข็งแรง
ฟาร์มปลาเพาะเลี้ยงหอยเชลล์มหาสมุทรแอตแลนติกไว้เป็นจำนวนมาก มันมีคุณประโยชน์เป็นอย่างมาก แทบทุกส่วนของมันนับว่าต่างก็มีมูลค่าทั้งสิ้น
กล้ามเนื้อของหอยเชลล์สามารถนำไปแปรรูปเป็นอาหารแช่แข็งและหอยแปรรูปแบบกระป๋อง เนื้อส่วนขอบสามารถนำแปรรูปเป็นหอยฉีกฝอยได้ ซึ่งสามารถทานเป็นอาหารและใช้เป็นเหยื่อสดสำหรับปลาและกุ้งได้ด้วย เปลือกหอยทั้งสองฝาสามารถใช้เป็นส่วนยึดสำหรับตัวอ่อนของลูกพันธุ์หอย และยังเป็นวัตถุดิบที่ขาดไม่ได้สำหรับอุตสาหกรรมงานฝีมือแกะสลัก หอยเชลล์มหาสมุทรแอตแลนติกจึงเป็นตัวเลือกแรกในการเพาะพันธุ์หอย
ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ ถึงแม้ว่าหอยเชลล์จะเป็นสัตว์น้ำอุ่น แต่ก็มีช่วงอุณหภูมิที่กว้าง โดยขีดจำกัดของอุณหภูมิต่ำสุดจะอยู่ที่ -1 องศาเซลเซียสทนต่ออุณหภูมิสูงสุดที่ 34 องศาเซลเซียส จะหยุดการเจริญเติบโตจนกว่าอุณหภูมิจะต่ำกว่า 5 องศาเซลเซียส และสามารถเพาะเลี้ยงได้แม้ในพื้นที่ฟาร์มปลาในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ
หน้าที่ของเรือฮาวิซทเริ่มต้นขึ้นในตอนเช้า ฉินสือโอวนำพวกทหารทั้งห้าคน รวมถึงชาร์คและบูลพร้อมกับเด็กใหม่อย่างเกิงจุนเจี๋ยเตรียมตัวออกทะเล
ขณะเดียวกันซีมอนสเตอร์ก็พาชาวประมงที่เหลือทำงานอยู่บนชายหาด โดยที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีจุดหมายเดียวกัน นั่นก็คือการจับแม่พันธุ์หอยจากเมื่อปีที่แล้วมาเพาะพันธุ์นั่นเอง
วิธีการจับหอยมีอยู่สองวิธี วิธีแรกคือการจับด้วยมือและอีกวิธีหนึ่งคือการจับด้วยเครื่องจักรกล การใช้เครื่องจักรจับนั้นง่ายดายมาก เพียงแค่วางเครื่องจับหอยไว้ที่ก้นทะเลแล้วปล่อยให้มันทำงานจากนั้นก็แค่เก็บหอยขึ้นมา
ฟาร์มปลาต้าฉินใช้เครื่องเก็บหอย รุ่น SP-12 ที่ผลิตโดย Siemens Fisheries ซึ่งเหมาะสำหรับการตจับหอยเชลล์อ่าวแอตแลนติก มันสามารถเก็บเกี่ยวได้มากถึง 500-800 กิโลกรัมต่อชั่วโมง และมีอัตราการสร้างความเสียหายต่อสินค้าไม่เกิน 3-5%
นอกจากนี้ยังมีการเก็บหอยโดยใช้อวนลากแบบใบพัดอีกด้วย เนื่องจากหอยเชลล์จำนวนมากมักจะซ่อนตัวอยู่ในทราย เมื่อใช้ใบพัดกวนทรายพร้อมกับใช้อวนล้อมจับหอยอยู่รอบๆ ที่ก้นทะเลหอยจะพัดลอยมาพร้อมกับทราย และสุดท้ายก็จะตกไปอยู่ในอวนจับปลา
ที่น่าสนใจก็คือวิธีการจับโดยใช้แรงงานคน ซึ่งแบ่งออกเป็นสี่วิธี ซีมอนสเตอร์เองก็กำลังอธิบายวิธีการจับให้ทหารทั้งห้ากับเพื่อนใหม่ฟังอยู่เช่นกัน
เดิมทีฉินสือโอวจะขึ้นเรือออกทะเล แต่ซีมอนสเตอร์บอกว่าพวกเขามีคนไม่พอ เขาจึงอยู่ช่วยชาวประมงทั้งสองคนเก็บหอยแทน
การเก็บเกี่ยวหอยเชลล์ทั้งแบบใช้มือและแบบใช้เครื่องจักรต่างก็มีรูปแบบการใช้งานเฉพาะ ชายหาดที่ไม่มีน้ำหลังน้ำลดเหมาะสำหรับการเก็บเกี่ยวหอยเชลล์ด้วยแรงงานคน ดังนั้นซีมอนสเตอร์จึงต้องการกำลังคนจำนวนมาก
ฤดูใบไม้ผลิเป็นฤดูที่น้ำทะเลมีการแปรปรวนมากที่สุด ในตอนเช้าตรู่หลังจากน้ำลดลงจากชายหาดพื้นทะเลที่เปียกแฉะเผยให้เห็นชิ้นส่วนของสาหร่ายทะเลรวมถึงสัตว์และสิ่งของชนิดอื่นๆ ที่เปล่งประกายสีเขียวใต้แสงอาทิพย์ที่ตกลงมากระทบ ซึ่งดูเขียวขจียิ่งกว่าบนบกเสียอีก
ขณะที่กำลังจ้องมองฟาร์มเลี้ยงสัตว์ใต้น้ำ ซีมอนสเตอร์ก็ถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า “มีทั้งดีทั้งเสียจริงๆ มีของพวกนี้ทับอยู่ ถ้าจะเก็บหอยก็เปลืองแรงน่าดู”
หอยเชลล์อ่าวมีสองเพศในตัวเดียว พวกมันจะต้องทำภารกิจในการสืบพันธุ์ลูกหลานให้สำเร็จ ดังนั้นหอยเชลล์ที่เก็บได้ทั้งหมดจึงสามารถใช้เป็นหอยเชลล์ตัวแม่ได้ เพียงแต่ว่า หอยเชลล์เป็นสัตว์ที่มีความสามารถในการเลือกขนาดของอาหาร แต่ขาดความสามารถในการเลือกชนิดของอาหาร
อาหารหลักของพวกมันคือเศษซากอนุภาคขนาดอินทรีย์เล็กที่ลอยอยู่ในน้ำทะเล อย่างแพลงก์ตอน ไดอะตอม สาหร่ายไดฟลาเจลเลตโคพีพอดฯลฯ รวมถึงสปอร์ของสาหร่ายและแบคทีเรียเป็นต้น
เนื่องจากความสามารถในการออกเคลื่อนตัวของพวกมันไม่ดีเท่าไรนัก พวกมันจึงจะค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าใกล้สภาพแวดล้อมที่สอดคล้องกับอาหารมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แล้วสิ่งแวดล้อมแบบไหนที่มีอาหารสำหรับพวกมันอยู่มากที่สุดน่ะเหรอ? ที่นั่นก็คือฟาร์มเพาะเลี้ยงใต้ทะเลยังไงล่ะ
ดังนั้นหอยเชลล์ส่วนใหญ่จึงมักจะกระจุกตัวกันอยู่ในหรือใกล้กับสาหร่ายทะเลและพืชน้ำ ดังนั้นในการขุดหอยเชลล์จึงจำเป็นต้องผ่านสาหร่ายทะเลและพืชน้ำไปก่อน ซึ่งถือเป็นภาระงานที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง
นอกจากนี้ ในบรรดาวิธีการเก็บหอยเชลล์สี่วิธี วิธีแรกและเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดก็คือการเหยียบชายหาดไปเรื่อยๆ แล้วใช้ความรู้สึกของฝ่าเท้าเพื่อหาหอยเชลล์และขุดมันขึ้นมา
ด้วยวิธีนี้สาหร่ายทะเลและพืชน้ำที่ปกคลุมอยู่ จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นกับความรู้สึกที่สัมผัสลงบนฝ่าเท้าของมนุษย์ เนื่องจากหอยเชลล์บางตัวที่ซ่อนอยู่ลึกหรือมีขนาดเล็กเกินกว่าที่จะสังเกตเห็นได้
โชคดีที่ชาวประมงอาวุโสที่มีทักษะและประสบการณ์ที่แข็งแกร่ง หลังจากเดินผ่านไปอย่างระมัดระวังก็สามารถสัมผัสได้ถึงการคงอยู่ของหอยเชลล์ แต่กับพวกนักเก็บหอยมือใหม่แล้วถือว่ายังยากอยู่มาก พวกเขาที่เดินตามชาวประมงอาวุโสต่างก็เอาแต่ทั้งเหยียบทั้งถอย นอกจากตัวที่โดดเด่นจนเห็นได้ชัดเท่านั้นพวกเขาถึงจะสามารถสัมผัสได้
แต่พวกพี่น้องทหารก็ถือว่าแข็งแกร่งมากเช่นกัน พวกเขาถอดรองเท้าออกแล้วเดินเปลือยเท้าไปบนชายหาด แบบนี้จะทำให้สัมผัสได้ไวยิ่งขึ้น จะได้ไม่พลาดเก็บหอยไปอย่างง่ายๆ
ฉินสือโอวเองก็ไม่สามารถสังเกตเห็นหอยเชลล์ได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามที่นี่ไม่มีน้ำ จิตสำนึกของโพไซดอนจึงไม่สามารถทำงานได้ เขาจึงถอดรองเท้าของเขาออก ทว่าน้ำก็หนาวเกินทนเขาจึงสวมรองเท้ากลับทันที เขาไม่ควรจะต้องทรมานแบบนี้นี่หว่า
ซีมอนสเตอร์หัวเราะเสียงดังพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า การเดินผ่านทุ่งสาหร่ายใต้น้ำผืนนี้ พอไปถึงข้างหน้าก็ไม่มีน้ำกับวัชพืชน้ำแล้ว การที่พวกเราจะใช้วิธีอื่นในการเก็บหอยเชลล์นั้นง่ายมาก”
เมื่อมาถึงที่ที่ไม่มีสาหร่ายทะเลหรือซีมอนสเตอร์และคนอื่นๆ ก็นำเหล็กคีบและคราดเหล็กที่เตรียมไว้ออกมา หลังจากปักลงไปในชายหาดที่ความลึกประมาณ 20 ซม. พวกเขาก็ดึงคราดเหล็กและเอนไปด้านหลังเมื่อกระทบโดนหอยเชลล์แล้วจึงจะพลิกมันขึ้นมา
ชาวประมงกลุ่มหนึ่งร้องตะโกนพร้อมกับลากคราดเหล็กยาวเหมือนคันไถไถนา หอยเชลล์ก็กลิ้งออกมาเรื่อยๆ ฉินสือโอวถือที่คีบอันยาวไว้ในมือ เมื่อคีบลงไปก็สามารถหยิบหอยเชลล์ขึ้นมาได้แล้ว
งานนี้เป็นงานที่หนักเหนื่อยเป็นอย่างมาก กระทั่งชายที่ดุดันจนสามารถล้มต้นวิลโลว์ให้คว่ำลงได้อย่างพวกชาวประมงก็ยังเหงื่อท่วมตัว หลังจากทำงานมาระยะหนึ่งแล้วคนทั้งสองกลุ่มจึงแลกงานกันทำ
งานพวกนี้ต้องให้อีวิลสันเป็นคนจัดการ เขาคนเดียวสามารถผลัดกันทำงานกับคนอื่นได้ถึงสี่ห้าคน ผลัดไปแล้วหลายรอบ แต่เขาก็ยังไม่ได้ไปพัก กระเป๋าเสื้อของเขามีขนมตุนอยู่จนเต็ม ขณะที่กำลังลากเขาก็ยัดพวกมันเข้าปากไปด้วย
ฉินสือโอวมองอยู่พักหนึ่งแล้วจึงถามว่า “ถ้าพวกเราใช้รถเอทีวีลากล่ะ พวกนายว่าเป็นยังไงบ้าง?”
ซีมอนสเตอร์ส่ายหัวแล้วตอบเขาว่า “แบบนั้นไม่ได้หรอกครับ รถเอทีวีมีพลังไม่สม่ำเสมอ และบนชายหาดก็มีบ่อโคลนอยู่ด้วย ถ้าล้อของรถเอทีวีตกลงไปพวกเราลำบากแน่”
ชาวประมงผลัดกันลากคราด ระดับความเร็วก็ถือว่าเร็วมาก ฉินสือโอวรีบนำหอยเชลล์ไปยังโทรศัพท์มือถือของเขา เพียงไม่นานก็ได้หอยเชลล์มาเป็นกองๆ
วิธีการทั่วไปในการเก็บหอยมีอีกสองวิธี วิธีแรกคืออาศัยการตอกเสาเข็มเพื่อตอกกองไม้เป็นระยะๆ ในพื้นที่เพาะเลี้ยง หลังจากผ่านไปช่วงเวลาหนึ่งหอยเชลล์เหล่านี้ก็จะกระจุกตัวกัน อยู่ในระยะประมาณหนึ่งเมตรรอบๆ กองไม้ เมื่อถึงเวลาก็มาเก็บหอยที่เกาะอยู่รอบๆ เสาไป
แต่แบบนี้จะเหมาะกับการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำขนาดทั่วไปๆ หากพื้นที่มีขนาดใหญ่เกินไปก็จะต้องตอกเสาไม้มากเกินไป หลังจากนี้ก็จะไม่สามารถทำทอดอวนทำการประมงได้แล้ว
ทว่าที่ฟาร์มปลาไม่เคยมีการตอกเสาไม้มาก่อน ดังนั้นจึงใช้วิธีนี้ไม่ได้
ส่วนวิธีสุดท้ายก็คือการตกหอย ซึ่งเป็นวิธีการจับเพื่อความเพลิดเพลินและใช้สำหรับการจับหอยจำนวนน้อย
…………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset