ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1565 ลูกสุนัขฝูงหนึ่ง

เป้าหมายของฉินสือโอวก็คือคำรับประกันจากสภาเมือง เพื่อจะได้ทำการป้องกันฟาร์มปลา เรื่องนี้จำเป็นต้องได้รับการอนุญาตจากทางรัฐบาล ไม่อย่างนั้นต่อไปหากเกิดเรื่องขึ้นแล้ว จะทำให้คุยกันไม่ลงตัวสักที อย่างเช่นถ้ามีคนมาขโมยปลาหรือถูกหมากัด หรือเข้ามาเทขยะแล้วถูกลวดเหล็กแทงโดน ถ้าไม่มีคำรับประกันจากรัฐบาลแล้วล่ะก็ เรื่องแบบนี้จะจัดการอย่างไรล่ะ?
ในหมู่บ้าน มีหลายเรื่องที่ใช้กฎหมายมาจัดการไม่ได้
นอกจากเรื่องที่ให้ทางสภาเมืองอนุญาตให้สร้างรั้วเหล็กล้อมอ่างเก็บน้ำแล้ว ฉินสือโอวยังเรียกร้องเงื่อนไขอีกหลายข้อ หัวหน้าซุนล้วนตกลงทั้งหมด ฉินสือโอวไม่กลัวว่าภายหลังเขาจะไม่ยอมรับ เพราะเรื่องพวกนี้จะต้องเขียนเข้าไปในสัญญาด้วย การฟ้องคดีความกับประชาชนในพื้นที่ไม่ค่อยได้ผลดีนัก แต่การฟ้องคดีความกับรัฐบาลนั้นกลับได้ผลดีชะงัด
เพราะว่าตอนนี้เขาเป็นเศรษฐีเชื้อสายจีนที่กลับประเทศมา เท่ากับว่ามาที่เมืองนี้เพื่อลงทุน คนที่รัฐบาลท้องถิ่นไม่อยากมีเรื่องด้วยที่สุดก็คือคนอย่างเขานี่แหละ
คุยเสร็จแล้ว หัวหน้าซุนกลับไปเพื่อเตรียมสัญญา ถึงเวลานายกสภาเมืองจะมาเซ็นสัญญานี้กับเขา ฉินสือโอวก็บอกว่าเขาจะกลับไปเตรียมเงิน สัมปทานอ่างเก็บน้ำทีหนึ่งก็คือสิบปี ทุกปีปีละแปดแสนห้า ต้องชำระเป็นรายปี นอกเหนือจากนี้ หลังจากหมดสัญญาแล้ว พวกเขามีสิทธิ์ที่จะขอต่อสัญญาด้วย ส่วนเงินสัมปทานก็จะต้องไม่น้อยกว่าสองเท่าของสัญญาฉบับนี้
สภาเมืองของเสียวหย่งจวงทำงานเร็วปานสายฟ้า หัวหน้าซุนกลับไปรายงานผล คณะกรรมการสภาเมืองและนายกสภาเมืองก็เห็นพ้องด้วย แล้วรีบเซ็นสัญญาเลยทันที ปีละแปดแสนกว่าเลยนะ สำหรับเมืองยากจนแบบนี้ที่ไม่มีธุรกิจอุตสาหกรรมที่สามารถทำเงินให้ได้แล้ว นี่คือเงินก้อนโตเลยทีเดียว
ฉินสือโอวให้เหมาเหว่ยหลงไปจ้างทีมทนายมาจากปักกิ่งให้เขา เพื่อดูแลสัญญาการเช่านี้อย่างจริงจัง แค่ค่าจ้างของทนายที่มาหน้างานสองคนก็ห้าหมื่นหยวนแล้ว
ทุกอย่างก็เพื่อความปลอดภัย หลังจากสัมปทานอ่างเก็บน้ำแล้ว ปีนี้เลี้ยงพืชน้ำปีหน้าเลี้ยงปลาเลี้ยงกุ้งน้ำจืดปูน้ำจืด มากสุดสองปีก็สามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว ผลิตภัณฑ์น้ำที่อ่างเก็บน้ำนี้ผลิตได้ อย่างน้อยก็สามารถครอบคลุมทั้งเขตนี้ได้เลย ถึงตอนนั้นจะสามารถทำกำไรที่ทำให้คนตาแดงได้เลย
แต่ว่าเขาไม่ได้กะจะทำถึงขนาดนั้น อ่างเก็บน้ำนี้สามารถแจกจ่ายวัตถุดิบให้โรงแรมได้ก็พอแล้ว จะมีหรือไม่มีตลาดรองรับก็ได้ อย่างไรเสียเขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะทำกำไรได้มากอยู่แล้ว
สัญญามีทนายความช่วยจัดการ ฉินสือโอวออกหน้าไปทานข้าวกับนายกสภาเมืองหลิวฉินปิง คณะกรรมการสภาเมืองฉงไข่เสร็จก็ถอนตัวแล้ว เรื่องที่ต้องจัดการกับทางสภาเมืองเขาให้พี่สาวและพี่เขยจัดการแทน อย่างไรเสียต่อไปก็ต้องเป็นพวกเขาที่ต้องออกหน้าจัดการให้อยู่แล้ว
ต่อไปคือต้องเตรียมการให้อ่างเก็บน้ำ ครั้งนี้ฉินสือโอวตั้งใจจะกลับบ้านแค่ครึ่งเดือน นี่ก็ใช้ไปหนึ่งอาทิตย์แล้ว ดังนั้นเขาต้องรีบหน่อย
ไปถึงร้านรวมวัสดุก่อสร้างในเขต หาร้านที่ใหญ่ที่สุดมาร้านหนึ่ง ฉินสือโอวบอกสถานการณ์ให้เถ้าแก่ฟัง เถ้าแก่ก็รับปากในทันทีว่าทำได้แน่นอน จึงได้เช่ารถคอนเทนเนอร์ใหญ่แบบหน้าสี่ล้อหลังแปดล้อมาคันหนึ่ง ลากพวกลวดเหล็กกับเหล็กกล้าไว้เต็มคันรถแล้วส่งไปที่อ่างเก็บน้ำในวันนั้นเลย
หลังออกจากร้านขายวัสดุก่อสร้างแล้ว ฉินสือโอวก็ต่อรถไปซอยสัตว์เลี้ยงในเขตต่อ ที่บอกว่าซอยสัตว์เลี้ยง ความจริงที่นี่มีขายแค่สุนัข แมว หนู เท่านั้น สัตว์ที่ได้รับความนิยมในเมืองใหญ่อย่างงูเหลือม หนูชินชิล่า กิ่งก่าและเต่ามีให้เห็นค่อนข้างน้อย
ในซอยสัตว์เลี้ยงมักจะมีกลิ่นอึกลิ่นฉี่ของหมาแมวที่ไม่มีวันหายไปอยู่เสมอ ฉินสือโอวเดินเข้าไปก็ถูกเถ้าแก่คนหนึ่งทักทายว่า “เฮ้ น้องชาย อยากซื้ออะไรเหรอ? มาดูที่ร้านพี่หน่อยไหม ที่พี่มีครบทุกอย่างนะ สุนัขทุกตัวก็ฉีดวัคซีนหมดแล้ว ถ้าอยากได้แบบดีหน่อย เรายังมีใบรับรองสายพันธุ์ให้ด้วยนะ”
เถ้าแก่คนนี้ตั้งชื่อร้านว่า ‘ร้านสัตว์เลี้ยงนกแสนรู้’ ฉินสือโอวเกาหัว ถามว่า “เถ้าแก่ นกแสนรู้นี่เป็นชื่อยี่ห้อของโดรนยี่ห้อหนึ่งไม่ใช่เหรอ?”
ไม่นานมานี้เขาเพิ่งซื้อโดรนมาห้าเครื่อง ก็ล้วนเป็นของยี่ห้อนกแสนรู้ทั้งนั้น
เถ้าแก่พูดอย่างงุนงงว่า “อะไรนะ? โดรน? นายจะซื้อโดรนเหรอ?”
ฉินสือโอวปัดมือ บอกเป็นความหมายว่าตัวเองขอดูก่อน สุนัขและแมวของร้านนี้มีสายพันธุ์ไม่น้อยจริงๆ อย่างเช่นฮัสกี โกลเด้น ดัชชุน เชาเชา เป็นต้น ก็คืออะไรที่ควรมีก็มีหมด มีแม้กระทั่งพี่น้องของหู่จือกับเป้าจือด้วย ก็คือพันธุ์แลบราดอร์ริทรีฟเวอร์นั่นเอง
แต่ว่าเขาอยากได้ไปเฝ้าบ้าน เป็นสุนัขดุร้ายจะดีที่สุด ร้านสัตว์เลี้ยงร้านนี้ไม่มี เขาส่ายหัวคิดจะออกไป
เถ้าแก่ไม่อยากเสียลูกค้ารายนี้ไป จึงถามว่า “น้องชาย นายบอกพี่ชายมาว่าอยากได้แบบไหน?”
ฉินสือโอวบอกว่า “ผมเปิดร้านอยู่ร้านหนึ่ง อยากได้สุนัขดุร้ายเอาไว้เฝ้าร้าน อย่างเช่นพันธุ์ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ เยอรมันเชเพิร์ดขนดำ ไม่ก็เยอรมันเชเพิร์ดจำพวกนี้”
เมื่อฟังคำพูดเขาแล้ว เถ้าแก่ก็หัวเราะออกมาแล้วพูดอย่างหมดหนทางว่า “ฟังจากน้ำเสียงของนายแล้ว ไม่ใช่คนต่างพื้นที่นี่ แต่คำถามที่นายถามนี่อย่างกับคนนอกพื้นที่เลย ในอำเภอของเราเริ่มตั้งแต่ปีที่แล้ว ก็ห้ามเลี้ยงสุนัขพันธุ์ใหญ่แล้ว พวกทิเบตัน มาสทิฟฟ์กับเยอรมันเชเพิร์ดขนดำคือห้ามเลี้ยงอย่างเด็ดขาดเลยล่ะ”
หลังจากฉินสือโอวออกจากร้านมาแล้วก็ไปเดินรอบถนนเส้นนี้รอบหนึ่ง ไม่เชื่อไม่ได้เลย ไม่มีสุนัขตัวใหญ่ที่ค่อนข้างดุขายเลยจริงๆ ที่ดุที่สุดก็คงจะเป็นหนึ่งในสามทหารที่ถูกถอดออกอย่างฮัสกีนั่นแหละ
เขาส่ายหัวอย่างผิดหวัง ฉินสือโอวเตรียมจะไปหาต้วนเหล่ย เขาต้องมีทางหาสุนัขพันธุ์ดุมาได้แน่นอน
ตอนนี้มีคนย่องเข้ามาตบเขาเบาๆ ทีหนึ่ง แล้วลากเขาเข้าไปในมุมมุมหนึ่ง พูดเสียงเบาว่า “น้องชาย จะเอาสุนัขพันธุ์ใหญ่ใช่ไหม?”
ฉินสือโอวบอกว่า “ใช่ สุนัขพันธุ์ใหญ่ นายมีไหม?”
เมื่อได้ยินเขาเอ่ยปาก คนคนนี้ก็พูดอย่างร้อนรนว่า “เสียงเบาหน่อยสิ ตอนนี้รัฐบาลไม่ให้เลี้ยงสัตว์ใหญ่ที่สามารถจู่โจมได้แล้ว ใช่แล้ว นายไม่ใช่ตำรวจใช่ไหม? ตรวจนอกเครื่องแบบเหรอ?”
ฉินสือโอวหัวเราะแล้วพูดว่า “นายล้อเล่นหรือเปล่าเนี่ย ฉันแค่อยากจะมาซื้อสุนัข ฉันเป็นคนจากหมู่บ้านตระกูลฉิน ไปสัมปทานอ่างเก็บน้ำเสียวหย่งจวงมา เลยอยากซื้อสุนัขไปเฝ้าที่ให้น่ะ”
คนคนนี้มองดูเขาอย่างสงสัยแล้วพูดว่า “จริงหรือเปล่า? แล้วนายจะพิสูจน์อย่างไรว่านายไม่ใช่ตำรวจ? ไม่ใช่ว่าเป็นปฏิบัติการล่อซื้อใช่ไหม?”
ฉินสือโอวจนปัญญาแล้ว เลยพูดว่า “พี่ชาย พวกเราค้าขายสุนัขนะ ไม่ใช่ขายเฮโรอีน พี่ดูพี่พูดสิ ไหนจะปฏิบัติการล่อซื้ออีก ผมไม่มีเวลามาเล่นกับพี่ละ พี่ไม่มีก็แล้วไป”
คนคนนี้ดูท่าจะเบลอนิดหน่อย เกาหัวแล้วพูดว่า “ที่นายพูดมาก็ถูก ฉันเชื่อนาย นายไปดูที่บ้านกับฉันละกัน บ้านฉันมีสุนัขเยอะเลย”
“แล้วพี่ชื่ออะไร? บ้านอยู่ที่ไหน?” ฉินสือโอวถามออกไปกันไว้ก่อน
คนคนนี้หัวเราะออกมา พูดว่า “ฉันแซ่หม่า นายเรียกฉันว่าพี่เสียวหม่าก็ได้แล้ว บ้านฉันอยู่ใกล้มาก นายไปดูก่อนละกัน”
ฉินสือโอวก็หัวเราะด้วย เขารู้สึกว่าไอคิวของพี่เสียวหม่าไม่ค่อยปกติเท่าไร จะมีคนปกติที่ไหนเขาแนะนำตัวเองแบบนี้กัน?
ใกล้มากจริงๆ หลังจากเดินออกจากถนนสัตว์เลี้ยงแล้วก็เดินต่อไปอีกประมาณหนึ่งกิโลเมตรก็มีบ้านแถวของชาวบ้านโผล่มาให้เห็น คนคนนี้เปิดประตูพาเขาเดินเข้าไป ในสวนมีฝูงลูกสุนัขกำลังหยอกเล่นกันอยู่ จำนวนไม่น้อยด้วย น่าจะมีกว่ายี่สิบกว่าตัวได้
ฉินสือโอวถามอย่างแปลกใจว่า “สุนัขเยอะขนาดนี้เลยเหรอ?”
พี่เสียวหม่าพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “แน่นอนสิ บ้านพี่ชายฉันเลี้ยงสุนัขพันธุ์ดุไว้มากมายเลย นี่น่ะเป็นลูกของพวกมันทั้งนั้น สุนัขดุร้าย นายก็รู้อยู่ ไม่สามารถเอาพวกมันมาเลี้ยงรวมกับลูกสุนัขได้ ไม่อย่างนั้นจะกินลูกมันได้!”
เสือที่ดุร้ายไม่กินลูก สุนัขอะไรที่ดุขนาดนี้ กินแม้กระทั่งลูกตัวเองด้วย? ฉินสือโอวมองดูลูกสุนัขพวกนี้ อยากจะรู้ว่าพ่อแม่ที่ดุร้ายของพวกมันเป็นพันธุ์ไหนจากตัวพวกมัน
สุดท้ายพอกวาดตามองไปเท่านั้น ฉินสือโอวแทบจะโกรธจนจมูกเบี้ยวเลย พูดว่า “นี่ไม่ใช่สุนัขบ้านทั่วไปเหรอ? สุนัขพันธุ์ดุร้ายอะไรกัน นี่น่ะเป็นสุนัขพื้นเมืองของจีนไม่ใช่เหรอ?!”
………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset