ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1571 สะพานปลาคาร์ฟนับหมื่น

การขนส่งปลาคาร์ฟครั้งนี้ขนส่งปลาทั้งหมดสองแสนตัว คิดเป็นเงินทั้งหมดสองแสนหยวน ปลาราคาตัวละหนึ่งหยวนพวกนี้ เป็นปลาคาร์ฟสายพันธุ์แข็งแกร่งที่สุดของทางตอนเหนือ หลังจากที่เข้าไปยังบ่อเลี้ยงปลาอนุบาล ลูกปลาพวกนี้ก็เริ่มกระโดดขึ้นมาเหนือผิวน้ำ
แสงอาทิตย์ที่ส่องลงมากระทบอ่างเก็บน้ำ สะท้อนสีทองของปลาคาร์ฟที่กระโดดขึ้นมาเหนือผิวน้ำ ภาพที่เห็นช่างสวยงามยิ่งนัก
ในตอนที่ปลาคาร์ฟอยู่ในบ่อเลี้ยงปลาอนุบาล พวกมันกระโดดไปมาผ่านประตูมังกร ปลาคาร์ฟชอบกระโดดน้ำมาก พวกมันกระโดดไปมาในพื้นที่เลี้ยงปลาขนาดเล็กนี้ไม่หยุด และเพราะว่าจำนวนปลาค่อนข้างมาก จึงมีปลาหลายสิบตัวกระโดดพร้อมกันในหนึ่งครั้ง หากมากหน่อยก็กระโดดพร้อมกันหลายร้อยตัว เป็นภาพเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
รอบๆ อ่างเก็บน้ำมีชาวบ้านหลายคนเข้ามามุงดูภาพเหตุการณ์อันน่าตื่นเต้นนี้ ผู้คนต่างพากันกระซิบกระซาบ มีข่าวมากมายแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว หลังจากที่รู้ว่าการสร้างอ่างเก็บน้ำใช้เงินไปมากกว่าสองล้านดอลลาร์ พวกเขาก็พากันตกตะลึง พวกเขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องเสียเงินสองล้านกว่าไปกับการเลี้ยงปลาด้วย?
วันรุ่งขึ้นพี่เสียวหม่าก็กลับมาทำงาน เขาเป็นคนที่ใช้ได้จริงๆ หลังจากไม่มาสองวัน เจ้าพวกลูกสุนัขก็เอาแต่ส่งเสียงเรียกร้องความสนใจจากเขา วันๆ เอาแต่อยู่รอบๆ ตัวเขา ยกเว้นก็แต่เสี่ยวหลัวที่สนิทสนมกับฉินสือโอวมากกว่า
นี่คือความแตกต่างของความฉลาดที่มีมาแต่กำเนิด พวกมันทุกตัวได้รับพลังโพไซดอน แต่มีเพียงเสี่ยวหลัวเท่านั้นที่สัมผัสได้ถึงความพิเศษของฉินสือโอว
เสี่ยวฮุย เพื่อนตัวดำของเกี๊ยวซ่าวิ่งไปรอบๆ อ่างเก็บน้ำด้วยความตื่นเต้น ด้วยความคึกของมัน ทำให้มันกลายเป็นตัวเด่น มันวิ่งแลบลิ้นไปมา เหมือนกับสุนัขก็ไม่ปาน แต่มันไม่ได้รู้สึกแบบนั้น มันคิดว่าตัวเองนั้นหล่อเหลาเป็นอย่างมาก
ผู้จัดการบ่อเลี้ยงปลาอนุบาลบอกว่าการที่จะเห็นลูกค้ามีความสุขแบบนี้เกิดขึ้นได้น้อยมาก เป็นการกระทำที่ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนแก่พวกเขา และไม่ต้องพิถีพิถันมากนัก ทำให้การเก็บเงินเป็นเรื่องสนุก เมื่อปล่อยปลาลงบ่อหนึ่งฝูง เขาก็ได้เงินมาจำนวนหนึ่งแล้ว ถ้าหากว่าปล่อยปลาทั้งสิบฝูงลงมาพร้อมกัน เงินทั้งหมดก็จะถูกจ่ายให้เขาในเวลาเดียวกัน
เพราะแบบนี้เขาจึงมีความสุข เขาบอกเคล็ดลับให้กับฉินสือโอว “พวกคุณไปซื้อไข่เป็ดมาสักยี่สิบโลสิ แล้วนำไข่พวกนั้นตอกใส่ลงถ้วย เมื่อตีจนเข้ากันแล้วก็นำมาเทใส่ในบ่อเลี้ยงปลาอนุบาล ปลาพวกนี้จะกินไข่แดง ไข่แดงสามารถเพิ่มความสามารถในการปรับตัวของพวกมันให้แข็งแกร่งขึ้น และยังเพิ่มความแข็งแรงในให้ร่างกายอีกด้วย”
ฉินสือโอวแอบถ่ายทอดพลังโพไซดอนไปในบ่อเลี้ยงปลาอนุบาลตั้งนานแล้ว ความสามารถในการปรับตัวและสุขภาพร่างกายของพวกมันไม่มีปัญหาอะไร แต่ไข่ไก่ยี่สิบกิโลถือว่าเป็นเรื่องเล็ก เขากล่าวขอบคุณผู้จัดการ จากนั้นก็ให้พี่เสียวหม่าไปซื้อไข่ไก่
พี่เสียวหม่าตอบกลับอย่างนอบน้อมว่า “พี่โซ่ว คนพวกนี้แค่เป็นผู้ดูแลเท่านั้น…”
“พูดอะไรไร้สาระ รีบไปเร็วเข้า ไม่อย่างนั้นฉันจะตีนายให้ตายเลย!”
“เฮ้อ ฉันไปอยู่แล้ว พี่อย่าโมโหสิ ฉันก็แค่พูดไปอย่างนั้นแหละ เหอะๆ แค่พูดเฉยๆ เอง” พี่เสียวหม่ารีบวิ่งกุลีกุจอออกไปทันที
ผู้จัดการพูดขึ้นมาอีกว่า “สามวันแรกของการอยู่ในบ่อเลี้ยงปลาอนุบาลเป็นช่วงปรับตัว ปกติพวกมันจะไม่ค่อยทานอาหาร มันจะพึ่งพาอาศัยพลังงานที่เหลืออยู่ในร่างกายในการใช้ชีวิต แต่หลังจากสามวัน คุณจำเป็นที่จะต้องให้อาหารพวกมัน ไม่อย่างนั้นพวกมันจะนำไขมันในร่างกายมาใช้ ตอนนี้พวกมันยังเล็ก อาจจะหิวตายได้ภายในไม่กี่วัน”
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นแน่นอน คนที่เลี้ยงปลานั้นรู้ดี เพื่อให้แน่ใจว่าลูกปลาจะรอดตายได้ ตอนที่เริ่มต้นเลี้ยงปลา พวกเขาจำเป็นที่จะต้องหาเหยื่อที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการและเหมาะสมกับพวกมัน ที่บ้านเกิดของฉินสือโอวมีการเรียกเหยื่อพวกนี้ว่า การให้อาหารแบบเปิด
ผู้จัดการยังบอกย้ำอีกว่า ไข่แดงที่เตรียมไว้เป็นอาหารที่ดีที่สุดชนิดหนึ่ง แต่ว่าพวกมันอาจจะยังไม่หิว ดังนั้นเพียงแค่ใส่ลงไปในบ่อเพียงบางส่วนก็พอแล้ว ให้พวกมันแย่งกันกินก็พอ
อาหารแบบเปิดอื่นๆ ยังมีจำพวกนมถั่วเหลืองที่มีกากใยหยาบๆ โรติเฟอร์ สาหร่ายและพวกจุลชีววิทยาทางน้ำและอื่นๆ อีกมากมาย บริษัทเนอสเซอรี่จะมีอาหารจำพวกนี้อยู่ เพื่อให้อาหารปลาในบ่อเลี้ยงปลาอนุบาลพวกนี้ ก่อนหน้านี้พวกมันก็ทานอาหารประเภทนี้
อาหารปลาสำหรับบ่อเลี้ยงปลาอนุบาลเป็นสิ่งที่เฉพาะเจาะจงมาก ก่อนหน้านี้ฉินสือโอวไม่เข้าใจถึงตลาดอาหารพวกนี้ แต่ตอนนี้เขาได้เตรียมการทำอาหารปลาไว้แล้ว เขาจึงตั้งใจศึกษาเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ทำให้พบว่าอาหารในประเทศของตัวเองนั้นไม่ได้แย่กว่าของแคนาดาเลย
ปลาที่แคนาดาเป็นปลาทะเลซะส่วนใหญ่ ลูกป่าส่วนมากเลยเป็นสัตว์ตามธรรมชาติ พวกมันจึงเต็มไปด้วยพลังงาน ขอเพียงได้กินอาหารที่เหมาะสมก็เพียงพอแล้ว ฉินสือโอวจึงเลือกสาหร่ายมาเป็นวัตถุดิบหลักในการทำอาหารหยาบ
เนื่องจากส่วนมากในประเทศปลาที่เพาะเลี้ยงเป็นปลาน้ำจืด จำเป็นที่จะต้องพิถีพิถันมากกว่า อาหารที่เป็นที่นิยมในตลาดคือปลาสามชนิด ซึ่งเป็นอาหารของปลาในบ่อเลี้ยงปลาอนุบาลและปลาตัวเต็มวัย
อาหารที่บริษัทเนอสเซอรี่เตรียมไว้นั้นส่วนใหญ่เป็นโรติเฟอร์ และจุลชีววิทยาบางอย่าง
โรติเฟอร์เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังตัวเล็กๆ ชนิดหนึ่งที่มักจะอาศัยอยู่ตามบริเวณน้ำเค็มหรือบริเวณแถวๆ ทะเลสาบ บ่อน้ำและน่านน้ำชายฝั่งทะเล และพวกมันก็ยังปรากฏอยู่ตามบริเวณพื้นที่ชื้นและพื้นที่ที่เต็มไปด้วยมอสอีกด้วย
พวกมันมีอัตราการแพร่พันธุ์ที่รวดเร็วมาก การขยายพันธุ์สูง จึงทำให้เป็นอาหารหลักของลูกปลาทะเล อาหารปลาแบบเปิดที่ประเทศจีนพัฒนาขึ้นมานั้น ส่วนมากเป็นพวกโรติเฟอร์ ส่วนของแคนาดานั้นใช้สาหร่ายทะเลเป็นหลัก ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเงื่อนไขที่ต่างกันของทั้งสองประเทศ
ฉินสือโอวเชิญผู้จัดการบริษัทเนอสเซอรี่และพวกคนขับรถมาทานอาหารเย็นด้วยกัน ภายในงานเลี้ยง ผู้จัดการท่านนั้นพูดขึ้นว่า “พี่น้อง ผมมาดูแล้ว คุณจริงใจพอสมควร งั้นผมจะพูดตรงๆ เลยแล้วกัน บริษัทเนอสเซอรี่ของพวกเราเป็นบริษัทที่ดี คุณวางใจเถอะ แต่ว่าราคามันค่อนข้างแพง ที่พวกเราขายราคาแพงนั้นก็มีเหตุผล ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรต้องพูดมากนัก”
“ดังนั้น ผมแนะนำว่าคุณไม่ต้องไปเสียเวลาซื้อปลาทั้งสามชนิดมาทำอาหารหรอก คุณสามารถเข้าไปในเมืองแล้วไปยังร้านขายน้ำเต้าหู้ได้เลย เพียงแค่ซื้อน้ำเต้าหู้มาเยอะหน่อย หลังจากนั้นสามวันก็เทลงบ่อไปวันละห้าหกสิบถัง แบบนี้ก็ใช้ได้แล้ว”
ฉินสือโอวพูดกลั้วหัวเราะว่า เขาไม่ได้สนใจ เพราะว่าเขาไม่ได้สนใจเรื่องจำนวนเงินอยู่แล้ว พ่อของฉินสือโอวจำได้ขึ้นใจเลยว่า สองสามวันนี้ฉินสือโอวเสียเงินแบบไม่รู้สึกเสียดายเลยสักนิด แต่เขารู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก
ไม่ว่าจะเป็นการทำสัญญาอ่างเก็บน้ำ สร้างอ่างเก็บน้ำ ซื้อลูกปลา การซื้อพันธุ์ไม้น้ำต่างๆ ของพวกนี้เป็นการใช้เงินมหาศาล พอซื้ออ่างเก็บน้ำมาได้ไม่กี่วัน ก็ใช้เงินไปแล้วกว่าสองล้านกว่าบาท ใช้เงินเหมือนเทน้ำแบบนี้ ซื้อสุนัขยังใช้เงินตั้งหนึ่งหมื่นหยวนเลย!
ดังนั้นวันรุ่งขึ้น เขาจึงออกไปที่ร้านขายน้ำเต้าหู้เพื่อซื้อนมถั่วเหลืองพร้อมกากถั่วเหลือง ฉินสือโอวบอกว่าไม่ต้อง แต่เขาตอบกลับอย่างโมโหว่า “อะไรที่บอกว่าไม่ต้องเหรอ? แกนี่นะ ไม่กี่วันก็ผลาญเงินไปเท่าไรแล้ว! สามารถประหยัดเงินได้แล้วจะไปเสียเงินเพิ่มทำไมกัน?”
ฉินสือโอวหมดคำพูด เขาพูดออกมาว่า “พ่อ มันไม่เหมือนกัน พ่อประหยัดเงินแต่ก็เปลืองแรง ถ้ามีแรงขนาดนั้นสู้ออกไปหาเงินไม่ดีกว่าเหรอครับ”
พ่อของฉินสือโอวยิ่งโกรธหนักเข้าไปใหญ่ “แกนี่นะ ทำไมตอนนี้ถึงได้ขี้เกียจแบบนี้ฮะ? แค่ออกไปซื้อน้ำเต้าหู้ จะเปลืองแรงแค่ไหนเชียว? คนที่มีแรงอย่างแก นั่นแหละที่มีค่าจริงๆ”
ฉินสือโอวรู้ว่าตัวเองนั้นเข้ากับพ่อไม่ค่อยได้ เพราะมีความคิดที่แตกต่างกัน เขายกมือขึ้นยอมแพ้ จากนั้นก็ออกไปพร้อมกับพี่สาวและพี่เขย เพื่อพาวินนี่ไปหาต้วนเหล่ยในเมือง นี่คือสิ่งสุดท้ายที่เขาจะทำที่บ้าน หลังจากเจอต้วนเหล่ย เขาก็จะกลับแล้ว
ในขณะที่นั่งอยู่บนรถ ฉินสือโอวกอดลูกสาวและถอนหายใจออกมา “กลับบ้านครั้งนี้ เป็นการรีบมารีบกลับจริงๆ ไม่ได้สัมผัสกับธรรมชาติและบรรยากาศที่เปลี่ยนไปเลย ไม่ทันไรก็ต้องกลับแล้ว”
วินนี่พูดงึมงำว่า “คุณจะอยู่ต่ออีกสักสองสามวันก็ได้นะคะ ไปเมืองไหเต่าเพื่อไปหาคนรักของคุณ ไปปักกิ่งเพื่อไปหาน้องสาวของคุณ ฉันจะพาลูกกลับไปก่อน อีกอย่างก็ยังมีเด็กๆ ที่บ้านเรียกร้องหาอยู่ด้วย”
จู่ๆ ฉินสือโอวก็รู้สึกหมดแรง เขาพูดออกมาอย่างเศร้าสร้อยว่า “คนรักและน้องสาวอะไรกันล่ะ? คุณไม่ได้เป็นคนพูดพล่ามแบบนี้นี่? แล้วยังเจ้าพวกที่ร้องเรียกพวกนั้นอีก มีแค่หู่จือกับเป้าจือพวกนั้นนั่นแหละที่ร้องเรียกอย่างกับเด็กๆ!”
………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset