ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1576 อาร์ติโชค

วินนี่พักผ่อนอยู่บ้านได้เพียงวันเดียวเธอก็กลับไปทำงาน ปกติเมืองเล็กๆ ไม่ได้มีงานอะไรมากมาย แต่มันก็มีเรื่องที่สะสมมาแล้วกว่ายี่สิบวัน เธอจึงจำเป็นที่จะต้องสะสางให้เรียบร้อย
ฉินสือโอวไม่ได้จัดการกับฟาร์มปลาทันที เขาพาหู่จือและเป้าจือขึ้นไปบนภูเขา เพื่อที่จะได้ให้พวกมันระบายพลัง ไม่อย่างนั้นพวกมันได้เอาแต่ทะเลาะกันเพื่อที่จะแย่งเสี่ยวหลัวปอเป็นแน่
ในช่วงนี้ของเทือกเขาเคอร์บัล เป็นช่วงที่ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังฟื้นคืนชีพ ไม่ว่าจะเป็นกระรอก กระต่าย ไก่ฟ้า กวางป่าและนกต่างๆ ที่ผ่านการขาดแคลนของอาหารในช่วงฤดูหนาวมาได้ ตอนนี้พวกมันกำลังออกมาหาอาหารเพื่อเติมเต็มพลังงานที่ขาดหายไป
หู่จือและเป้าจือวิ่งไปทั่วป่า ทำให้นกและกระต่ายตื่นตระหนกตกใจ รวมถึงหมูป่าก็ไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข พวกมันโดนหู่จือและเป้าจือวิ่งไล่ไปทั่วป่า
ตราบใดที่ไม่ต้องคอยพะวงเรื่องเสี่ยวหลัวปอ หู่จือและเป้าจือก็จะกลับมารักกันเหมือนเพื่อนพี่น้องกัน พวกมันเข้าไปในภูเขาและร่วมมือกันล่าสัตว์ป่า ไม่ว่าจะเป็นไก่ป่าเฮเซล เป็ดน้ำ กระต่ายป่าสโนว์ชูหรือไม่ก็กระต่ายอเมริกาเหนือ จากนั้นก็พาสัตว์พวกนี้กลับมา
นี่คือภาพที่ฉินสือโอวคาดหวัง เขาตั้งใจพาอีวิลสันมาด้วยเพื่อมาจัดการกับอาหารป่า ในขณะเดียวกันเขาก็พาเบิร์ดมาทำหน้าที่เป็นองครักษ์ เขาอุ้มลูกสาวขึ้นขี่หลัง จากนั้นก็พาเธอไปรู้จักกับต้นไม้ในป่า
นี่เป็นครั้งแรกที่เด็กหญิงเข้ามาในป่า ก่อนหน้านี้วินนี่เคยพาเถียนกวามาที่นี่ แต่ตอนนั้นเธอยังไม่รู้เรื่องรู้ราว ตอนนี้เธอรู้เรื่องมากขึ้นแล้ว หลังจากเข้ามาในป่าเธอก็มีความสุขเป็นอย่างมาก เธอชี้นกชี้ไม้พูดเจื้อยแจ้วไปตลอดทาง
หลังจากที่เดินไปตามถนนบนภูเขาได้สักพัก จู่ๆ หู่จือก็กระโดดออกมาจากป่า ปากของมันคาบลูกหมูป่าอยู่ จากนั้นเป้าจือก็โผล่หัวตามออกมา ในปากของมันก็คาบลูกหมูป่าอยู่เช่นกัน ลูกหมูป่าพึ่งเกิดที่อยู่ในปากของพวกมันทั้งสองตัวนั้น ตัวใหญ่ราวกับกระต่ายป่าตัวเต็มวัย
ฉินสือโอวยิ้มออกมา ยอดเยี่ยมไปเลย วันนี้มีหมูหันย่างแล้ว
แต่ว่าเมื่อพวกมันวิ่งมาหาที่ด้านหน้าของเขา เขาก็เห็นว่าลูกหมูป่าสองตัวนั้นยังไม่ตาย แต่ที่มุมปากของหู่จือและเป้าจือเต็มไปด้วยเลือด เขาจึงคิดว่าพวกมันกัดลูกหมูป่าสองตัวนี้ตายไปแล้วเสียอีก
เมื่อเห็นท่าทางของฉินสือโอว พวกมันก็ร้องคร่ำครวญออกมาด้วยความตื่นตระหนก หู่จือโยนลูกหมูป่าที่อยู่ในปากลงพื้นไป ลูกหมูป่าอยากจะลุกขึ้นมาจากพื้น แต่ก็โดนหู่จือตะปบเท้าใส่ลงไปเสียก่อน
หมูป่ามีนิสัยก้าวร้าว หลังจากที่มันถูกตะปบ ลูกหมูก็หันหัวหวังจะกัดหู่จืออย่างไม่เกรงกลัว แต่ว่าหู่จือมีปฏิกิริยาตอบสนองที่เร็วมาก มันยกอุ้งเท้าอีกข้างขึ้นมา จากนั้นก็ตะปบเข้าไปที่หัวของลูกหมูป่าอย่างแรง ทำให้มันร้องออกมาด้วยความทรมาน
ตอนนั้นก็มีเสียงวุ่นวายดังขึ้นมาจากข้างในป่า หู่จือและเป้าจือหันไปมองอย่างระแวดระวัง ขนบนร่างกายของพวกมันตั้งชันขึ้น พวกมันร้องส่งเสียงขู่ในลำคอ ‘ฮึ่ม ฮึ่ม’ ออกมา
ไม่นาน สัตว์ร้ายตัวหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นที่แถบชายป่า นั่นก็คือแม่หมูป่าตัวใหญ่ตัวหนึ่ง เขี้ยวข้างหนึ่งของมันถูกหักครึ่ง ร่างกายปกคลุมไปด้วยขนหยาบๆ ขนที่แผงคอพันกันยุ่งเหยิง และเปื้อนไปด้วยดินกรวดและใบหญ้า ราวกับเป็นเกราะอีกชั้น
หมูป่าตัวนี้เป็นตัวที่ฉินสือโอวเห็นตั้งแต่ที่เขามาถึงเกาะแฟร์เวล และเป็นเกาะที่เหมาะกับการเป็นตำนานพื้นบ้านของบ้านเขาที่สุด โดยทั่วไปแล้วหมูป่าไม่มีเกราะที่ทำจากกรวดหินดินทราย แต่บนตัวหมูป่ากลับมีเกราะอยู่ แสดงเห็นว่ามันเป็นหมูป่าที่มีอายุมากแล้ว มีประสบการณ์ในการต่อสู้มาอย่างโชกโชน
แต่ว่าสภาพของมันไม่ค่อยดีนัก ที่บนหัวของมันมีเลือดไหลออกมา หูขาดไปครึ่งหนึ่ง นั่นน่าจะเป็นผลงานของหู่จือและเป้าจือ นี่จึงอธิบายได้ว่าเลือดที่อยู่บริเวณมุมปากและอุ้งเท้าของพวกมันมาจากไหน
หลังจากที่แม่หมูป่าปรากฏตัว และเห็นลูกของตัวเองทั้งสองตัวนอนอยู่ที่พื้น ทันใดนั้นดวงตาของแม่หมูป่าก็เบิกกว้าง มันอ้าปากส่งเสียงร้อง ‘กร็อด กร็อด’ ออกมา มันกระทืบกีบเท้าอย่างรุนแรง เตรียมตัวที่จะเข้ามาโจมตี
เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะหู่จือและเป้าจือจับลูกของมันมาอย่างไม่ต้องสงสัย
หากจะมีการเปิดการต่อสู้ สำหรับฉินสือโอวการฆ่าแม่หมูป่าตัวนี้เป็นเรื่องง่ายมาก ในมือของเบิร์ดมีปืนไรเฟิลเอสไอจีอยู่ ส่วนในมือของอีวิลสันก็มีปืนลูกซองเรมิงตันอยู่ และในมือของเขาก็มีธนูยิงปลาอยู่
แต่เด็กหญิงที่อยู่บนหลังของเขาล่ะ เด็กหญิงตื่นเต้นมากเมื่อเจอเข้ากับแม่หมูป่า เธอชี้ไปที่มันและร้องออกมาว่า “แม่หมูๆ มันเหมือนแม่หมู…”
ฉินสือโอวมองดูลูกสาวที่รู้ว่านี่คือแม่หมูป่า เขาจึงไม่คิดที่จะลงมือ นั่นมันโหดร้ายเกินไป และเหมือนแม่หมูป่าก็รู้ว่าการจัดการกับพวกเขานั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย หรือเมื่อครู่มันเพียงแค่สร้างความวุ่นวายให้หู่จือกับเป้าจือเฉยๆ แต่ไม่ได้โจมตีโดยตรง แต่ว่าเป็นการส่งเสียงขู่มาจากที่ไกลๆ
เพราะเหตุนี้จึงไม่จำเป็นที่จะต้องล่าหมูป่าตัวนี้ เขาผิวปากเรียกหู่จือและเป้าจือเพื่อเรียกให้พวกมันกลับมา หลังจากนั้นลูกหมูป่าทั้งสองตัวก็ได้รับอิสระ พวกมันรีบวิ่งตรงเข้าไปหาแม่ของพวกมัน และแอบอยู่ที่ใต้ท้องของแม่หมูป่า
แม้จะช่วยลูกหมูป่าได้แล้ว แต่แม่หมูป่าก็ยังไม่จากไปไหน มันมองมายังกลุ่มคนด้วยสวยตาตื่นตัว ราวกับกำลังวางแผนโจมตี
ด้วยความขี้เกียจและความรู้ที่เบิร์ดมี เขายิงปืนไรเฟิลเอสไอจีขึ้นฟ้าสองนัด ‘ปังปัง’ หลังจากเกิดเสียงดัง แม่หมูป่าก็ตกใจ และวิ่งหายไปในที่สุด
เมื่อเห็นว่าหมูป่าวิ่งหนีไปแล้ว หู่จือและเป้าจือก็ร้องออกมาด้วยความผิดหวัง ฉินสือโอวก้มตัวลงให้หมูสับนึ่งห่อแป้งแก่พวกมัน จากนั้นก็ลูบหัวพวกมันเพื่อเป็นการปลอบใจ แบบนี้หู่จือและเป้าจือจึงดีใจขึ้นมา และวิ่งเข้าไปในป่าอีกครั้ง
เมื่อเดินไปได้อีกสักพัก ฉินสือโอวเข้าไปถึงกลางป่าและเก็บแบล็กเบอร์รีมา ฤดูหนาวนี้ แบล็กเบอร์รีพวกนี้ได้กลายเป็นแบล็กเบอร์รีแห้งแล้ว แต่พวกมันไม่ได้เน่าเสีย น่าจะโดนลมหนาวพัดจนแห้งไปทั้งแบบนี้
พวกเขาทั้งสามคนเก็บแบล็กเบอร์รีแห้งมาจนหมด ฉินสือโอวหยิบออกมาทานหนึ่งลูก รสชาติของมันเปรี้ยวอมหวาน และมีกลิ่นหอมที่แรงมาก ไม่เหมือนกับแบล็กเบอร์รีแห้งแปรรูปที่ขายทั่วไปในท้องตลาด
ด้วยอากาศที่บริสุทธิ์และสภาพแวดล้อมที่สะอาด ทำให้แบล็กเบอร์รีแห้งพวกนี้สะอาดไม่มีสิ่งเจือปน เพียงแค่เช็ดพวกมันก่อนทานก็พอแล้ว เด็กหญิงซ่อนแบล็กเบอร์รีจำนวนหนึ่งไว้ในกระเป๋าเสื้อ และหยิบออกมาทานไม่หยุด
เมื่อเดินไปข้างหน้าอีกประมาณร้อยกว่าเมตร ฉินสือโอวก็เห็นพืชสีเขียว ความสูงของพวกมันมีตั้งแต่สิบกว่าเซนติเมตรไปจนถึงสามเมตร ลำต้นตรง และมีกิ่งก้านแตกแขนงกว้างขวาง บนกิ่งพวกนั้นมีขนสั้นๆ สีขาวปกคลุมไปทั่ว ใบไม้ที่แตกออกไปฝั่งตรงข้าม มีรูปร่างเหมือนไข่ ขนาดยาวที่สั้นที่สุดคือเท่ากับนิ้วก้อย และยาวที่สุดคือเท่ากับฝ่ามือของคน
ในขณะที่พืชพันธุ์อื่นๆ พึ่งจะออกผลิใบ แต่พืชชนิดนี้กลับออกดอกแล้ว ในดอกไม้เล็กๆ พวกนั้นมีทั้งสีเหลือง และสีขาวกระจัดกระจายไปทั่ว ทำให้รู้สึกถึงฤดูใบไม้ผลิ
เมื่อเห็นพืชที่อยู่ตรงหน้า ฉินสือโอวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเดินเข้าไปขุดมันออกมา เขาเริ่มขุดหัวที่อยู่ด้านล่างที่มีขนาดใหญ่เท่ากำปั้นออกมาก่อน หัวนี้มีสีเหลืองเหมือนกับขิง รวมถึงรูปร่างของมันก็เหมือนขิง หลังจากที่หัวมันแตกก็มีน้ำเมือกสีขาวข้นไหลออกมา
เขารู้ได้ทันทีว่ามันคือพืชชนิดไหน นี่คือทานตะวันหัว ชื่อทางวิทยศาสตร์คือ แก่นตะวัน ที่บ้านเกิดของพวกเขามีสิ่งนี้อยู่ด้วย พวกเขาเรียกมันว่าอาร์ติโชค
แหล่งกำเนิดของอาร์ติโชคคืออเมริกาเหนือ สหรัฐอเมริกาและแคนาดา เมื่อเข้าสู่ศตวรรษที่สิบเจ็ด พวกมันก็แพร่หลายมายังประเทศจีน
ที่บ้านเกิดของฉินสือโอว มีผู้เชี่ยวชาญในการปลูกอาร์ติโชคอยู่ หัวของพืชชนิดนี้อุดมไปด้วยแป้งและอินนูลิน มันมีสารอาหารที่มีคุณค่ามาก หัวของมันสามารถนำมาปรุงสุกและทำเป็นโจ๊กได้ และสามารถนำอาร์ติโชคมาตากแห้งได้ด้วย รวมถึงสามารถนำไปใช้ในการผลิตเบียร์ได้ ถือว่ามันมีประโยชน์หลากหลายมาก
แต่คุณประโยชน์ที่สำคัญที่สุด ก็คือการนำมาทำผักดอง อาร์ติโชคมีความกรอบเป็นพิเศษ เนื้อของมันไม่ได้มีรสชาติ ดังนั้นมันจึงสามารถดูดซับรสชาติต่างๆ ของเครื่องปรุงได้อย่างดี เหมือนกับเต้าหู้ แต่ถ้าหากปรุงมันอย่างดี รสชาติที่ออกมาก็จะยอดเยี่ยมมาก
เพราะแบบนี้ฉินสือโอวจึงรู้สึกมีความสุข เขาจึงเรียกให้เบิร์ดและอีวิลสันให้มาช่วยขุดอาร์ติโชค
………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset