ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1582 คุณนายหู่เป้า

เมื่อย่างพายให้ร้อนแล้ว ฉินสือโอวก็ส่งให้เถียนกวาหนึ่งชิ้น ให้เชอร์ลี่ย์หนึ่งชิ้น เด็กหญิงทั้งสองคนนั่งหันหลังชนกันแล้วทานพายฟักทองด้วยกันอย่างเอร็ดอร่อย
หลังจากย่างเนื้อเป็ดจนอุ่น ไวส์ กอร์ดอนก็รีบขึ้นฝั่งมาทันที พวกเขาแย่งเนื้อกัน คนหนึ่งฉีกคนหนึ่งกัด เนื้อไก่ย่างถูกทำลายไม่เหลือสภาพเนื้ออีกต่อไป กอร์ดอนคว้าน่องไก่มาหนึ่งน่อง ส่วนขาไก่อีกข้างก็ไม่เหลืออยู่แล้ว ในมือไวส์มีเพียงตีนไก่อยู่หนึ่งชิ้น เขายืนถือไก่ในมือนิ่งงัน…
พาวลิสมองไปยังเขาอย่างหมดความอดทน แล้วพูดออกมาว่า “หรือว่านายอยากเปลี่ยนกับฉัน?”
“เหมาะที่จะเป็นพี่ใหญ่จริงๆ” เหล่าชาวประมงตะโกนชมพาวลิส
ไวส์มองไปยังพาวลิสแล้วพูดว่า “ตีนไก่ของฉันยังมีเนื้อหนังให้กินได้บ้าง แล้วหัวไก่ของนายล่ะมีอะไร?”
พาวลิสพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ในมือของฉันยังมีก้นไก่อยู่นะ…”
พวกเด็กวัยรุ่นแย่งไก่กันไปมา ฉินสือโอวย่างห่านเสร็จแล้วก็ย้ายมันไว้ในจาน เนื้อชิ้นนี้ค่อนข้างใหญ่ หนักประมาณเจ็ดแปดกิโลกรัม ขนาดวางในจานใบใหญ่แล้วขนาดของมันก็ยังใหญ่อยู่ดี
เขายังนำอาร์ติโชคมาด้วย เขานำมันมาย่างเป็นอย่างสุดท้ายหลังจากย่างได้สักพักก็นำอาร์ติโชคออกมาจากเตา เมื่อปอกเปลือกออกมาแล้วกลิ่นของมันก็ส่งกลิ่นหอมไปทั่ว
ฉินสือโอวรีบส่งให้วินนี่ทันที พลางพูดว่า “ที่รักรีบทานเร็วเข้า อย่าให้ลูกเห็นเชียว”
จนท้ายที่สุดเมื่อปลาถูกย่างจนสุกแล้ว พวกเขาก็เริ่มนั่งรวมกันทางอาหาร ชาร์คหยิบกล่องขึ้นมากล่องหนึ่ง ข้างในนั้นเต็มไปด้วยเบียร์ที่หมักด้วยตัวเอง แล้วเทแบ่งแยกเป็นขวดๆ ตอนแรกรสชาติของมันค่อนข้างขม แต่เมื่อชินกับรสชาตินี้แล้ว พอดื่มเบียร์นอกแล้วกลับไม่ได้กลิ่นหอมของมันเลย
เมื่อก่อนฉินสือโอวไม่เข้าใจว่าทำไมคนต่างชาติถึงชอบดื่มเบียร์กับอาหาร เขาไม่ค่อยถนัดดื่มเบียร์สักเท่าไร เมื่อเขามาถึงเกาะแฟร์เวลและมีเงินแล้วเขาถึงรู้ว่า เบียร์บางชนิดสามารถใช้เป็นเครื่องดื่มได้ เพราะกลิ่นหอมของมอลต์ ทำให้ดื่มเบียร์ได้ง่ายมาก
เบิร์ดหยิบขวดเบียร์ขึ้นมา เขาใช้มีดเปิดฝาทีละขวดอย่างเรียบง่าย มีดนี้ใช้เปิดขวดได้ง่ายกว่าเครื่องเปิดขวดเสียอีก
เมื่อฉินสือโอวดื่มไปหนึ่งอึก พร้อมกับรับลมเย็นที่พัดมา การดื่มเบียร์ท่ามกลางอากาศช่วงต้นเดือนพฤษภาคมนั้นทำให้รู้สึกเย็นขึ้นมานิดหน่อย แต่ว่าเมื่อชินแล้วเขาก็รู้สึกดี อย่างไรก็ตามชาวประมงทั้งหลายก็ยังคงต้องการดื่มเบียร์เย็นๆ ในช่วงอากาศหนาว มิน่าล่ะชาวแคนาดาถึงมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร
บริเวณริมทะเลสาบยังคงมีคนตกปลาอยู่ บางคนจับปลาบรีมขึ้นมาได้แล้วร้องออกมาด้วยความดีใจ จากนั้นคนที่อยู่รอบๆ ก็ไปตามเสียงนั้น จากนั้นแสงแฟลชก็เกิดขึ้นไปทั่วในเวลากลางวัน ทำให้เห็นได้ชัดว่ามีคนมาถ่ายรูปมากน้อยแค่ไหน
เนื้อปลาของปลาบรีมมีความละเอียดอ่อนและแน่นเป็นอย่างมาก และค่อนข้างเหนียว รสชาติเนื้อไม่ได้อร่อยมาก นี่คือเหตุผลที่คนยุโรปชอบทานเนื้อของมัน พวกเขาชอบทานรสชาติอร่อยดั้งเดิมจากเนื้อของมัน ไม่ได้ชอบที่การปรุงรสชาติ
เหล่าชาวประมงมีความอยากอาหารเป็นอย่างมาก พวกเขาพากันมาแย่งอาหาร ปลาบรีมและปลาพระอาทิตย์ถูกแย่งกันจนหมด ฉินสือโอวหั่นเนื้อปลาคาร์ฟเป็นชิ้นๆ วางเรียงบนจานใบใหญ่ ดูน่าทานเป็นอย่างมาก
ปลาคาร์ฟที่อยู่ในทะเลสาบเฉินเป่านั้นมีกลิ่นที่ค่อนข้างแรง ดังนั้นเวลาทำอาหารควรใช้ขิงและกระเทียมมาดับกลิ่นคาว การรินไวน์ไปยังเนื้อปลาไม่ได้ช่วยอะไร ต้องเปลี่ยนเป็นใช้เบียร์เทลงไปแทน ปริมาณของแอลกอฮอล์ที่สูงจะช่วยกำจัดกลิ่นคาวออกไปได้
ขอเพียงกำจัดกลิ่นคาวออกไปได้ เนื้อปลาย่างก็จะมีรสชาติที่ดีขึ้น แต่เหล่าชาวประมงไม่คุ้นชินกับรสชาติแบบนี้ พวกเขารู้สึกว่ารสชาติของเครื่องปรุงนั้นเข้มข้นเกินไป ทำให้พวกเขาไม่ได้สัมผัสกับรสชาติเนื้อปลาที่แท้จริง
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันแล้ว ตอนบ่ายฉินสือโอวก็เล่นกับหู่เป้าฉงหลัวและเด็กหญิงที่ริมทะเลสาบ แอนนี่พาบลูน้อยเข้ามาสมทบ ทารกร่างอ้วนท้วมสามารถเดินได้แล้ว เขาเดินโงนเงนไปมาด้วยขาของตัวเอง
เมื่อฉินสือโอวเห็นท่าทางการเดินของเด็กทารกอ้วน เขาก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา เด็กคนนี้ทั้งร่างเต็มไปด้วยเนื้อจริงๆ หากนำไปต้มคงจะทานได้สักสองวัน เขามีขนาดใหญ่กว่าเด็กที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันถึงสองเท่า เขามีใบหน้าที่กลมสมบูรณ์ ท้องก็กลม ขาก็แน่น เวลาเดินแล้วเนื้อที่ขาสั่นไปมา
หลังจากที่เสี่ยวเถียนกวาเห็นเด็กชายเดินมาสายตาของเธอก็เปล่งประกายออกมา หลังจากนั้นเธอก็เดินไปหาพร้อมกับรอยยิ้ม และเดินไปพร้อมกับเขาช้าๆ
เมื่อเห็นเถียนกวา จิตสำนึกของบลูน้อยก็คิดที่จะวิ่งหนีทันที ปรากฏว่าไม่รู้ว่าเพราะรีบร้อนหรือว่าเกรงกลัวกันแน่ ทำให้ขาทั้งสองข้างอ่อนแรงและล้มลงกับพื้น ต่อมาเขาพยายามที่จะลุกขึ้นมาจากพื้นเพื่อที่จะเดินหนี แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ลุกไม่ขึ้น เพราะว่าเขาอ้วนเกินไป!
เถียนกวาเดินเข้าไปหาพลางยื่นมือให้ จากนั้นก็ดึงเด็กทารกตัวอ้วนขึ้นมา
ภาพนี้ดึงดูดสายตาของฉินสือโอวและคนอื่นๆ พวกเขาต่างพากันหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูป วินนี่พูดออกมาอย่างซาบซึ้งว่า “ในที่สุดลูกสาวของเราก็โตแล้ว เธอรู้วิธีที่จะช่วยเพื่อน…”
ยังไม่ทันที่จะพูดจบ เมื่อเด็กชายลุกขึ้นมา เสี่ยวเถียนกวาก็ใช้มือเล็กๆ ผลักเขาล้มลงไปอีก จากนั้นก็หัวเราะขึ้นมาอย่างมีความสุข
ทารกอ้วนร้องไห้ออกมาด้วยความทุกข์ใจ เถียนกวานั่งคุกเข่าลงกับพื้นแล้วลูบหัวของบลูน้อยเพื่อเป็นการปลอบใจเขา จากนั้นบลูน้อยก็หยุดร้องไห้ เถียนกวาดึงให้เขาลุกขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากนั้นเธอก็ทำบลูน้อยล้มลงอีกครั้ง โดยที่ไม่ได้ตั้งใจ…
ทารกอ้วนอดทนไม่ไหวอีกต่อไป สุดท้ายเขาก็ร้องไห้ออกมา
ฉินสือโอวเดินเข้าพาเถียนกวาออกมา และอุ้มทารกน้อยให้ลุกขึ้น เขาพูดกับลูกสาวว่า “เขาเป็นพี่ชายลูกนะ!”
เถียนกวามองไปยังฉินสือโอวและบลูน้อยสลับกันด้วยสายตาไร้เดียงสา แล้วถามย้อนว่า “พี่ชาย?”
ฉินสือโอวพยักหน้าอย่างพอใจว่า “ใช่ นี่คือพี่ชาย แกล้งพี่ชายไม่ได้นะ รู้ไหม?”
เถียนกวาพยักหน้าแต่ก็ยังไม่เข้าใจเท่าไร แต่อย่างไรเด็กทารกอ้วนก็ไม่ยอมเล่นกับปีศาจตนนี้อยู่ดี เมื่อฉินสือโอวปล่อยเขา บลูน้อยก็รีบวิ่งเข้าไปอยู่ในอ้อมอกของแอนนี่ทันที เขาฝังหัวเข้าไปในอกของแม่ไม่ยอมหันมามองเถียนกวาเลย
กลัวโดนรังแกจริงๆ นะ!
ฉินสือไม่ได้ออกไปตกปลาช่วงบ่าย เขานั่งอยู่ที่ริมทะเลสาบเล่นกับเด็กทั้งสองคนและเหล่าสัตว์เลี้ยง ต่อมาฮิวจ์คนน้องก็เชิญให้เขาขึ้นมาเป็นสักขีพยาน มาร่วมกันนับจำนวนคนที่มาเข้าร่วมการแข่งขันตกปลาในวันนี้ จากนั้นก็มีการมอบรางวัลต่างๆ
ฮิวจ์คนน้องเตรียมตัวมาอย่างดี เขาเตรียมถ้วยรางวัลและใบประกาศสำหรับรางวัลที่หนึ่ง สองและสาม แม้ว่าจะไม่ได้เป็นของที่มีค่า แต่เขาก็จัดกิจกรรมได้สุดยอดมากแล้ว
เมื่อการประกาศรางวัลจบลง ทุกคนก็เริ่มทำการเก็บกวาดสถานที่ ทุกคนทำความสะอาดบริเวณที่ตัวเองอยู่ สุดท้ายคนงานสุขาภิบาลก็เข้ามาใช้อวนลากทำความสะอาด เมื่อผู้คนออกจากทะเลสาบไปหมด ทะเลสาบเฉินเป่าก็กลับสู่ความเงียบสงบอย่างที่เคยเป็นมา
หลังจากที่การแข่งขันจบลงไปแล้วสองวัน เคอร์ สเตราส์ก็มาหาฉินสือโอ เขานำสุนัขพันธุ์แลบราดอร์ริทรีฟเวอร์ที่สวยงามมาด้วยกันทั้งหมดสี่ตัว สองตัวเป็นสีดำ และอีกสองตัวเป็นสีเหลืองทอง ขนของพวกมันเงางาม ดวงดาใสเปล่งประกายไปด้วยความฉลาด มองแวบเดียวก็สามารถรู้ได้เลยว่าพวกมันเป็นสุนัขสายพันธุ์บริสุทธิ์
ฉินสือโอวกอดต้อนรับเขาและพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “เคอร์ นายมาเร็วจริงๆ”
เคอร์ส่ายหน้า “ไม่เป็นไรหรอกน่าเพื่อน หลังจากที่คุยกับนายเสร็จวันนั้นฉันก็เตรียมตัวทันทีเลย แต่ว่าการพาพวกมันมาก็เกือบจะไม่สำเร็จ การพาสัตว์ข้ามพรมแดนมาทำได้ยากมากเลย ฉันต้องเสียเวลาหนึ่งวันในการยื่นขอเอกสารต่างๆ เพื่อที่จะมาที่นี่”
ฉินสือโอวถามเขาว่าสุนัขพวกนี้เป็นสุนัขพันธุ์ดีใช่ไหม เคอร์ตอบกลับด้วยความภาคภูมิใจว่า “แน่นอน นี่เป็นสาวที่ตัวใหญ่ที่สุดชื่อมาริลีน เธอเป็นนางงามแห่งวอเตอร์ สแปเนียล ส่วนสาวน้อยน่ารักคนนี้ชื่ออเทนน่า เธอคือแชมป์การแข่งขันสุนัขพันธุ์ซิงโครไนซ์ระดับประเทศ…”
ในขณะที่เขากำลังแนะนำ สุนัขทั้งสี่ตัวก็เปิดเผยตัวออกมา ตามที่ฉินสือโอวคาดการณ์ไว้ พวกมันทุกตัวมีที่มาที่ไป พวกมันมีรางวัลติดท้ายชื่อกลับมา เหมือนเป็นการสืบเชื้อสาย พ่อแม่ของพวกมันก็ต้องไม่ธรรมดาเช่นกัน ต่างเป็นสุนัขมีชื่อทั้งนั้น
แต่ว่าในเรื่องของความโด่งดัง พวกมันยังห่างกับหู่จือและเป้าจือมากนัก
หู่จือและเป้าจือตื่นเต้นเป็นอย่างมากเมื่อได้เห็นสาวงามทั้งสี่ แต่ว่าพวกมันรู้สึกอายขึ้นมาเล็กน้อย พวกมันซ่อนตัวอยู่ที่ด้านหลังประตูพลางมองออกมา ฉินสือโอวกวักมือเรียกให้พวกมันออกมา แต่พวกมันกลับเอาแต่ทำท่าเยี่ยมๆ มองๆ ด้วยท่าทีมึนงง ราวกับไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
……………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset