ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1591 จิตใจมนุษย์ยากแท้หยั่งถึง

แม้ว่าจะเป็นแค่การก่อสร้างที่อยู่อาศัย แต่การตกแต่งก็ต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น ยังคงต้องใช้ท่อโลหะ ท่อพลาสติก สายไฟ สวิตช์ไฟ ของประเภทนี้ในขั้นตอนการตกแต่ง ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้ล้วนต้องเริ่มติดตั้งตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง
อุปกรณ์ชิ้นเล็กๆ ทั้งหมดถูกซื้อในร้านขายวัสดุก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในแมรีส์ทาวน์ หลังจากที่ฉินสือโอวจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว เจ้าของร้านก็ขนเครน แท่นขุดเจาะ พวกเครื่องจักรทั้งหลายที่เช่ามาออกไป การก่อสร้างบ้านได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการแล้ว
เวลายังผ่านไปไม่ถึง 6 วัน หรือพูดได้ว่าประมาณ 5 วันครึ่งกับอีกนิดหน่อย ชาวประมง 30 กว่าคนต่างทำงานกันตั้งแต่เช้า และเลิกดึกดื่นในช่วงหลายวันมานี้ ฉินสือโอวยังกำชับพวกเขาเรียบร้อยแล้วว่า ห้ามเร่งงานจนคุณภาพลดลง การก่อสร้างนี้จะต้องไม่มีปัญหาอะไร
ดังนั้น หลังจากที่พวกเขาสร้างเสร็จจึงตรวจสอบอยู่หลายครั้งก่อนที่จะส่งมอบให้ฉินสือโอวต่อ
บ้านหลังนี้มีไฟฟ้าและน้ำสำหรับใช้เบ็ดเสร็จ หลังจากที่ฉินสือโอวยกเบรกเกอร์ขึ้น เปิดสวิตช์โคมไฟระย้า ทันใดนั้นแสงไฟก็สว่างไสวขึ้นในทันตา ระยิบระยับสวยงามมาก
หลังจากนั้นเขาก็เดินไปบิดก๊อกน้ำในห้องครัว น้ำเย็นใสสะอาดไหลพุ่งแรงออกมา ฉินสือโอวลองเปิดสวิตช์เปลี่ยนเป็นน้ำร้อน แต่ปรากฏว่าไม่มีประโยชน์ เพราะน้ำที่ไหลยังคงเย็นอยู่ดี
ไม่ทันรอให้เขาพูด ชาร์คก็รีบอธิบายก่อนว่า “บอส อันนี้มันต้องติดตั้งเครื่องกรองน้ำกับเครื่องทำน้ำร้อนก่อนครับ ถ้าบอสไม่ติดตั้ง น้ำก็ไม่มีทางร้อนแน่นอนครับ”
ฉินสือโอวกลอกตามองบนแล้วพูดว่า “ฉันดูเหมือนไม่รู้หรือไง? โอเค ฉันต้องยอมรับว่าชั้นแพ้การพนันครั้งนี้…”
พูดยังไม่ทันจบ พวกชาวประมงต่างส่งเสียงตะโกนร้องขึ้นมา หลังจากนั้นเสียงที่ดังและเป็นเอกลักษณ์ของบูลก็ดังขึ้นว่า “ขึ้นเงินเดือน! ขึ้นเงินเดือน! ขึ้นเงินเดือน!”
ชาวประมงคนอื่นๆ ก็ตะโกนตาม “ขึ้นเงินเดือน! บอสต้องขึ้นเงินเดือน!”
ฉินสือโอวยิ้มพร้อมยกมือขึ้นแล้วพูดว่า “โอเค ไม่มีปัญหา บอสของพวกนายพูดคำไหนคำนั้น ขึ้นเงินเดือน! ทุกคนขึ้น 10%!”
“เย้” พวกชาวประมงตะโกนร้องด้วยความดีใจอีกครั้ง
ในที่สุดก็กลับบ้านได้ ฉินสือโอวสอดส่องอยู่ที่นี่ได้สองวันก็กลับไปที่ฟาร์มปลาต้าฉิน เนื่องด้วยเขาต้องมาตรวจสภาพบ้านถึงได้กลับมา ต่างจากพวกชาวประมงที่อยู่อาศัยที่นี่มาได้ 10 กว่าวันแล้ว
ชาร์คถามขึ้นว่าจะให้จัดสักสองสามคนมาเข้าเวรไหม ฉินสือโอวส่ายศีรษะแล้วบอกว่าไม่จำเป็น เพราะที่นี่มีแต่สาหร่าย คงไม่มีใครมาขโมย ส่วนบนบกก็มีแต่ตึกว่างเปล่า เพราะฉะนั้นพวกเขาไม่ต้องสนใจทางนี้ กลับไปก็พอแล้ว
เมื่อมีประสบการณ์สร้างบ้านเองในครั้งนี้ ซึ่งเขาก็มีส่วนร่วมด้วย ถึงจะร่วมไม่เยอะ แต่ฉินสือโอวนายใหญ่ก็มีความรู้ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมามากมาย
ถ้าเมื่อก่อนบอกเขาว่า เขาใช้คนแค่ 2-3 คนมาช่วยกันก่อสร้างตึกเล็ก ๆ ขนาด 3 ชั้นก็สามารถสร้างเสร็จได้ เขาคงจะไม่เชื่อแน่ๆ เพราะต้องใช้ทีมผู้รับเหมาผู้เชี่ยวชาญในการก่อสร้างแบบนี้
แต่ตอนนี้เขาเชื่อแล้ว ดังนั้นของบางอย่างก็ไม่จำเป็นต้องรอทีมผู้รับเหมามาทำ เขาสามารถนำทีมช่วยกันก่อสร้าง อย่างเช่น สนามเด็กเล่นที่เขาวางแผนไว้แล้วที่ฟาร์มปลาต้าฉิน
เสี่ยวเถียนกวาอายุขวบครึ่งแล้ว เธอโตไวมาก กระดูกก็แข็งแรงมาก เธอสามารถเล่นกระโดดกับพี่น้องเฟอเรทจอมไล่ล่าได้ตั้งแต่อายุยังน้อย วิ่งไปโน่นไปนี่กับหู่จือและเป้าจือได้สบายๆ ดังนั้นฉินสือโอวจึงตัดสินใจที่จะเปิดโครงการสนามเด็กเล่นเร็วๆ นี้ ให้เด็กน้อยได้มีของเล่นผลาญพลังงานอย่างอื่นบ้าง
ผู้คนจำนวนมากบนเกาะแฟร์เวลต่างมีเครื่องเล่นต่างๆ อยู่ในบ้าน และแน่นอนว่าก็เป็นเครื่องเล่นพื้นฐานทั่วไป อย่างเช่น สไลเดอร์ขนาดเล็ก ชิงช้า แทรมโพลีน รถบั๊ม เป็นต้น ฉินสือโอวอยากจะหาของพวกนี้มาให้เด็กน้อยเล่นก่อน รอจนสร้างสวนเสร็จ ค่อยเริ่มสร้างสนามเด็กเล่นสักแห่ง
เมื่อได้ยินว่าเขาต้องการสร้างสนามเด็กเล่นแบบง่ายๆ ชาร์คยิ้มอย่างมีเลศนัยขึ้นมาทันที แล้วพูดขึ้นว่า “บอส ผมบอกอะไรให้อย่างครับ อย่าง สไลเดอร์ แทรมโพลีน ชิงช้าของพวกนี้ พวกเราก็สร้างเองได้ ใช้เวลาแค่ 5 วัน โอ้ ไม่สิ แค่ 3 วันก็เรียบร้อยแล้วครับ จะพนันดูสักตั้งไหมครับ? ครั้งนี้แค่ขึ้นเงินเดือน 8% ก็พอแล้วครับ”
ฉินสือโอวพูดขึ้นว่า “เห็นแก่พระเจ้า นายรีบไสหัวไปทำงานเลยไป ฉันสั่งของเสร็จไปตั้งนานแล้ว เดี๋ยวก็มีคนจากสนามเด็กเล่นมาส่งของเล่นพวกนี้เอง!”
บูลเดินเขี่ยขี้มูกเข้ามา แล้วพูดอย่างน่าเสียดายว่า “ทำไมต้องซื้อด้วยล่ะครับ? กัปตัน ตอนนี้เศรษฐกิจตกต่ำ พวกเราต้องหัดเรียนรู้ใช้ชีวิตให้ได้ ต้องอดออมนะครับ!”
ฉินสือโอวบอกว่า “นายก็ประหยัดไป แต่ฉันจะไม่ยอมให้ช่วงวัยเด็กของลูกสาวต้องมาแร้นแค้นไปด้วย อืมใช่สิ ถ้านายคิดว่าไม่เหมาะ วันหลังนายก็ไม่ต้องให้ลูกชายของนายมาเล่นของเล่นของบ้านเรา!”
เมื่อพูดถึงลูกชาย บูลก็ใจอ่อนลงทันที เขายิ้มแล้วพูดว่า “อย่าเลย กัปตัน ลูกชายของผมไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับบทสนทนาของเราเลย เขาชอบเล่นกับเสี่ยวเถียนกวา…”
เมื่อพูดถึงตรงนี้เขาก็พูดต่อไม่ออก คาดว่าคงรู้สึกว่าคำพูดนี้ดูฝืนความรู้สึกไปหน่อย
ถ้าจะพูดว่าตอนนี้เจ้าเด็กอ้วนกลัวใครมากที่สุด แน่นอนว่าต้องเป็นเสี่ยวเถียนกวา แค่อยู่กับเธอวันเดียว เด็กอ้วนก็ถูกกลั่นแกล้งจนน้ำหนักลดไปสองขีดแล้ว!
ช่วงกลางเดือนพฤษภาคม ลมในฤดูใบไม้ผลิพัดหวิว เป็นช่วงเวลาหนึ่งของปีที่มีคลื่นลมค่อนข้างแรง
ฉินสือโอวได้รับคำเตือนจากกรมอุตุนิยมวิทยาที่เซนต์จอห์นเรื่องลมแรงมาสองวันติดกันแล้ว แม้จะไม่รุนแรงเท่าพายุ แต่คลื่นลมก็เป็นคลื่นลมแรงที่สุดที่เกิดขึ้นในระหว่างช่วงหน้าร้อนและหน้าหนาว ซึ่งคลื่นลมทะเลสามารถพัดสูงได้ถึง 7-8 เมตร ดังนั้นไม่ควรออกทะเลในช่วงสองสามวันนี้ หากไม่มีเรื่องอะไร
เมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินสือโอวจึงไปที่ริมแม่น้ำปลูกแก่นตะวัน ก่อนอื่นใช้เครื่องไถลากหน้าดินให้แยกออกเป็นแถวๆ หลังจากนั้นก็ฝังหัวที่แตกละเอียดลงไป ก็เรียบร้อย แก่นตะวันจะค่อยๆ เจริญเติบโตขึ้นมาเอง
เมื่อปลูกพืชเสร็จ เขาก็มาอาบน้ำตรงริมทะเล ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ลมทะเลพัดโชย แสงอาทิตย์ที่เริ่มร้อนระอุส่องกระทบลงไปบนผิวน้ำ ส่องลงไปถึงด้านล่าง จึงทำให้น้ำทะเลในฟาร์มปลาในเวลานี้ใสแจ๋วราวกับคริสตัล
คลื่นลมซัดสาดเข้ามาเรื่อยๆ ห่างออกไปไม่ไกลมีคลื่นทะเลลูกใหญ่ ที่หมุนตลบเข้าด้วยกันจนกลายเป็นคลื่นลูกยักษ์ที่มีขนาดสูง 6-7 เมตรได้ กระทบเข้ากับชายฝั่งเสียงดังซู่ๆ น่าตื่นตระหนกตกใจไม่น้อย
“คลื่นลูกใหญ่จริงๆ” ฉินสือโอวอุทาน นีลเซ็นที่อยู่ข้างๆ ยิ้มแล้วพูดว่า “ใหญ่จริงๆ ครับ แต่คลื่นลูกใหญ่ขนาดนี้เป็นโอกาสเหมาะที่จะเล่นสกีน้ำ บอส พรุ่งนี้ผมขอยืมใช้เทพเจ้าสายฟ้ามืดได้ไหมครับ?”
ฉินสือโอวตอบว่า “นายจะเล่นสกีน้ำเหรอ เป็นความคิดที่ไม่เลวทีเดียว เพราะถึงอย่างไรอากาศแบบนี้ก็ออกทะเลไปไม่ได้ ไปเรียกพรรคพวกมาเล่นด้วยกันเถอะ”
นีลเซ็นหัวเราะแสยะยิ้มขึ้นมา “ผมไม่เล่นน้ำกับบอสหรอกนะ ผมนัดกับแพรีสไว้ พรุ่งนี้เธอจะมาเที่ยวที่ฟาร์มปลา พรุ่งนี้ผมเลยแพลนว่าจะขับเจ็ทสกีพาเธอเที่ยวรอบทะเลสักหน่อย”
ฉินสือโอวพยักหน้าตอบว่าไม่เป็นไร เขาเป็นห่วงและคอยจับตาดูความรู้สึกของทั้งคู่ แล้วถามขึ้น “เธอสองคนยังไม่เลิกกันใช่ไหม?”
นีลเซ็น “…”
ฉินสือโอวรีบเปลี่ยนคำพูด “ฉันหมายถึงว่า เธอสองคนเมื่อไรจะแต่งงานกัน?”
นีลเซ็นหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง แล้วคลำที่จมูกของตัวเอง พูดขึ้นว่า “บอส เราอย่าเพิ่งพูดเรื่องแต่งงานเลยเถอะ จริงๆ แล้วผมมีเรื่องหนึ่งที่อยากขอให้คุณช่วย”
ฉินสือโอวมองเขาอย่างแปลกใจ แต่ก็พอจะเดาคำพูดเขาได้ จึงถามขึ้นว่า “นายคิดจะให้ฉันช่วยไปหาแฮมเล็ตพูดกล่อมเขาใช่ไหม?”
นีลเซ็นพยักหน้าอย่างลำบากใจ ยิ้มแล้วตอบว่า “ใช่ครับ”
ฉินสือโอวตบไปที่หน้าอกของเขา “ไม่มีปัญหา ไอ้น้อง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของบอสเอง แฮมเล็ตต้องไม่กล้าปฏิเสธฉันแน่”
นีลเซ็นยังคงพูดต่อด้วยสีหน้าลำบากใจว่า “เอ่อ เขาคงปฏิเสธไม่ได้หรอกครับ เพราะอย่างไรก็ตามแพรีสก็ท้องแล้ว”
คำพูดนี้ทำให้ฉินสือโอวนายใหญ่ตกตะลึงไปในทันที จิตใจมนุษย์ยากแท้หยั่งถึง! เจ้านีลเซ็นตากลมโตคิ้วหนาคนนี้ เริ่มเรียนรู้ที่จะทำร้ายฉันตั้งแต่เมื่อไรกันนี่?
……………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset