ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1594 แมวน้ำ & เต่าทะเล

ฝูงโลมากลุ่มนี้ล้วนเป็นโลมาปากขวดทุกตัว ซึ่งน่าจะเป็นฝูงโลมาที่หลงมาฟาร์มปลาตั้งแต่ยังเป็นลูกโลมาตอนไหนสักตอน พวกมันได้ยินเสียงเรียกของบีน จึงต่างว่ายมาหา เพื่อทำเซอร์ไพรส์ให้กับฉินสือโอว
วินนี่ที่โต้คลื่นอยู่ด้านหลัง หัวเราะอย่างสนุกสนานอยู่ตลอดเวลา ต่อให้น้ำทะเลซัดเข้าหาขนาดไหน ก็ยังคงมีเสียงหัวเราะของเธอเสมอ
ช่างเป็นเรื่องที่เกินคาดจริงๆ ไม่คิดเลยว่าจะมีฝูงโลมากระโดดตามหลังเธอไปมา
โต้คลื่นเป็นกีฬาที่กินแรงมาก ฉินสือโอวคิดว่าวินนี่น่าจะหมดแรงแล้วจึงลดความเร็วของเจ็ทสกี แล้วพาเธอขึ้นมาบนเรือ แต่ฝูงโลมายังสนุกอยู่จึงล้อมเรือไว้ไม่อยากให้พวกเขาจากไป
แต่พอผ่านไปสักพัก ฝูงโลมาอยู่ดีๆ ก็ว่ายหายไปกันเอง ฉินสือโอวใจเต้นระส่ำ นึกว่าเฮยป้าหวังมาแล้วทำให้ฝูงโลมาตกใจจนจากไป แต่ปรากฏว่าเมื่อเขามองไปบริเวณรอบๆ กลับพบว่าเป็นฝูงเต่าทะเล!
ใช่แล้ว ปู่นิโคลัส กูสพาฝูงเต่ามะเฟืองกลับมาแล้ว!
ปีนี้ฝูงเต่าถือว่ากลับมาช้าไปหน่อย เพราะอย่างปีที่แล้วกลางเดือนเมษายนพวกมันก็กลับมาแล้ว แต่ปีนี้ช้าไปหนึ่งเดือน
แต่เขาก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เต่าทะเลเหล่านี้ถูกเฝ้าดูด้วยเรือสังเกตการณ์หลายลำในช่วงที่พวกมันพักระหว่างทาง รั้งพวกมันเอาไว้ช่วงเวลาหนึ่งเพื่อทำการวิจัย โดยหลักๆ ก็คือทำการตรวจสอบและสำรวจการขยายพันธุ์และการเจริญเติบโตของฝูงเต่ามะเฟือง
เนื่องด้วยการปกป้องของฉินสือโอวจึงทำให้จำนวนของฝูงเต่ามะเฟืองเพิ่มมากขึ้น แค่ฝูงเต่าที่อยู่ด้านหน้านี้ ก็มีจำนวนเต่าขนาดกลางและใหญ่ถึงสามสี่ร้อยตัวแล้ว ซึ่งยังมีเต่าขนาดเล็กอีกจำนวนมาก
แม่เต่าทะเลแต่ละตัวที่ด้านหลังของมันจะมีลูกเต่าทะเลเกาะอยู่ อย่างน้อยก็มี 2-3 ตัว แต่ถ้าอย่างมากก็มีมากถึง 10 กว่าตัว…
ลุงกูสมีความรู้สึกไวต่อพลังโพไซดอนมาก มันจึงสัมผัสได้ถึงตำแหน่งของฉินสือโอว และค่อยๆ ว่ายกระดึ๊บๆ มา
เต่ามะเฟืองตัวเต็มวัยจะมีลำตัวใหญ่มาก ถือว่าเป็นเต่าที่ใหญ่ที่สุดในธรรมชาติประเภทหนึ่ง เมื่อพวกมันว่ายโผล่ขึ้นมาเหนือผิวน้ำ แต่ละตัวมีลักษณะเหมือนเกาะเล็กๆ เรียงรายกันไป ดังนั้นเมื่อมีเต่ามะเฟืองโผล่เหนือผิวน้ำขึ้นมา 10 กว่าตัว ก็เหมือนกับมีเกาะปรากฏขึ้นมา 10 กว่าเกาะ
ช่างภาพแต่ละคนต่างส่งเสียงร้องด้วยความประหลาดใจอีกครั้ง ฉินสือโอวขับเจ็ทสกีให้มาใกล้ๆ ลุงกูส เขาพูดว่าวินนี่ว่า “คุณค่อยๆ ปีนขึ้นไปบนหลังมันนะ เดี๋ยวมันจะพาคุณไปเอง”
วินนี่เคยให้อาหารฝูงเต่ามะเฟือง จึงคุ้นเคยกับพวกมันเป็นอย่างดี จึงรู้ว่าถึงหน้าตาพวกมันจะดูน่าเกลียดน่ากลัว แต่จริงๆ แล้วฉลาด และเชื่อฟังมาก ยังแข็งแกร่งกว่ามาสเตอร์ที่นิสัยเสียกว่ามาก และไม่สนใจด้วยว่าใครจะนั่งอยู่บนหลังมัน ซึ่งต่างจากมาสเตอร์ ที่ไม่ให้ใครเข้าใกล้เลย ยกเว้นก็แต่ฉินสือโอว
วินนี่ก้าวขึ้นไปบนหลังเต่าลุงกูสอย่างช้าๆ หลังจากนั้นก็นั่งอยู่ข้างบนหลังมัน
หัวของลุงกูสยังคงกระตุกอยู่ ซึ่งเรื่องนี้คงต้องโทษบิลลี่ เพราะตอนนั้นไฟฟ้าช็อตเต่าลุงกูส จึงกลายเป็นผลข้างเคียงในเวลาต่อมา แต่ทว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะด้วยท่าทางการขยับที่ประหลาดของมันในที่ประชุมสมาคมพิทักษ์สัตว์แห่งโลกจึงทำให้มันโด่งดังขึ้นมา และมีแฟนคลับติดตามอยู่จำนวนหนึ่ง
โดยไม่ต้องมีคำสั่งของฉินสือโอวแต่อย่างใด เจ้าเต่าลุงกูสก็ว่ายพาวินนี่ขึ้นฝั่งโดยไม่ทำให้อับอาย
ฉินสือโอวจึงให้พวกชาวประมงออกเรือแล้วใช้แหในการจับแมงกะพรุน เพื่อเป็นอาหารกลางวันให้ลุงกูส
เมื่อแมงกะพรุนถูกปล่อยออกมา เต่ามะเฟืองแต่ละตัวก็ค่อยๆ เข้าไปจับกินอย่างช้าๆ วินนี่พูดอย่างมีความสุขว่า “คุณดูสิ พวกมันเป็นสุภาพบุรุษมาก”
ฉินสือโอวเกาหัวแกรกๆ ไม่รู้ว่าพูดต่อว่าอะไรดี เพราะเจ้าเต่ามะเฟืองพวกนี้เดิมทีก็มีลักษณะเชื่องช้าอยู่แล้ว โอเคไหม เกี่ยวอะไรกันกับสุภาพบุรุษเนี่ย?
พวกเต่ามะเฟืองจับแมงกะพรุนกินอย่างอิสระ โดยไม่มีการรับรู้ในวิกฤตแต่อย่างใด พวกมันไม่รู้ว่า ทะเลสาบในตอนนี้ไม่ใช่ทะเลสาบเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว ฟาร์มปลาในตอนนี้ก็ไม่ใช่ฟาร์มปลาเหมือนก่อนเช่นกัน เมื่อฝูงแมวน้ำเห็นเต่ามะเฟืองปรากฏตัวเยอะขนาดนี้ พวกมันก็ลอยอยู่เหนือผิวน้ำมองกันและกันด้วยความสงสัย หลังจากนั้นผู้นำพี่ใหญ่ก็ตัดสินใจ จัดการพวกมัน!
แมวน้ำกรีนแลนด์ส่วนมากจะอาศัยอยู่ในน้ำ ฝูงเต่ามะเฟืองก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน ถิ่นของพวกมันมีความทับซ้อนกันอยู่ แล้วทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่ได้รับมือด้วยง่ายๆ ดังนั้นการขัดแย้งกันด้านกำลังจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลย
ฝูงแมวน้ำเริ่มจู่โจมก่อน ใช้ร่างกายที่แข็งแรงของพวกมันพุ่งเข้าไปแย่งแมงกะพรุน พวกมันเป็นสัตว์ที่กินทั้งพืชและเนื้อสัตว์ ดังนั้นจึงกินแมงกะพรุนได้ เพราะพวกแมวน้ำมีชั้นไขมันที่หนา ดังนั้นพิษที่ทำให้ร่างกายด้านชาที่อยู่บนตัวแมงกะพรุนจึงทำอะไรพวกมันไม่ได้
ฝูงเต่ามะเฟืองค่อยๆ กลืนกินแมงกะพรุนอย่างช้าๆ แล้วใช้สายตาอันแหลมคมเหลือบมองไปที่พวกแมวน้ำ
แมวน้ำ “มองอะไร? พวกแกมองอะไร?”
เต่ามะเฟือง “ถ้าแกไม่มองมาที่ฉันจะรู้ได้ไงว่าฉันมองแกอยู่?”
แมวน้ำขำ “ไอ้ด้านชาอย่างแกร้องเพลงแร็ปได้ด้วยเหรอเนี่ย? ฉันถามแกว่า ตกลงแกมองอะไรฮะ?”
เต่ามะเฟืองหมดความอดทน “ก็มองแกไง มองแกแล้วจะทำไม?”
พวกแมวน้ำโกรธแล้ว “กล้าดีนี่? มา พวกแกมาคุยกับพวกเราตรงนี้สิ”
อย่าได้หลงเชื่อความไร้เดียงสาของแมวน้ำจนถูกหลอกเอาได้ เพราะนี่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ดุร้ายมาก จากที่เห็นพวกมันกล้าไล่ล่าหมีขั้วโลกหรือฉลาม เท่านี้ก็มองออกแล้ว เพียงแค่หัวข้อในการพูดคุยกับพวกมันเข้าสู่ประเด็นชวนคุย นั่นก็หมายความว่ามันจะเริ่มลงมือต่อสู้แล้ว
ลุงกูสเข้าใจหลักการที่ว่าความแค้นต้องปล่อยวาง อย่าได้ผูกใจเจ็บข้อนี้เป็นอย่างดี หรืออาจจะพูดได้ว่า มันรู้ว่าพวกมันเพิ่งเดินทางกลับมาเป็นระยะทางไกล พละกำลังร่างกายยังไม่ฟื้นฟู ถ้าจะสู้ก็คงเสียเปรียบ มันจึงแสดงท่าทางความเป็นผู้นำแล้วริเริ่มเปลี่ยนคำพูดเป็นภาษาต่างประเทศ “What are you talking about? Anata wa nani o iu? ซึมิต้า? นายพูดว่าอะไรนะ? เต่ามะเฟืองเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้เป็นเวลาหลายปี จึงได้เรียนภาษาต่างประเทศมาไม่น้อย ลุงกูสเล่นพูดทีเดียว 4 ภาษาต่อเนื่องกะจะทำให้พวกแมวน้ำมึนงงและถอยห่างออกไปอย่างสงบ ซึ่งเมื่อเป็นแบบนี้ก็จะไม่เสียฟอร์มแล้วก็สู้กันไม่ได้ด้วย รอวันหลังฟื้นฟูร่างกายก่อนแล้วค่อยมาสู้กันใหม่
ถ้าว่ากันด้วยเรื่องนี้ พวกแมวน้ำเป็นแมวน้ำในพื้นที่ พวกมันจึงแค่เข้าใจภาษาถิ่นของแลบราดอร์
ดังนั้นเมื่อลุงกูสเล่นพูดด้วย 4 ภาษาต่างประเทศแบบนี้ พวกมันจึงคิดทันทีว่า บางทีพวกมันอาจจะเข้าใจผิด เพื่อนผองต่างชาติพวกนี้อาจจะแค่ขอว่ายผ่านดินแดนของพวกเรา ดังนั้นจึงแค่ตักเตือนไปไม่กี่ประโยคก็จบกัน
แต่ที่คาดไม่ถึงคือในฝูงแมวน้ำมีพวกวู่วามอยู่ เมื่อลุงกูสใช้ 4 ภาษาในการพูดต่อเนื่อง พวกมันจึงรู้สึกไม่พอใจมาก คิดว่านี่เป็นการโอ้อวด แมวน้ำตัวอวบอ้วนตัวหนึ่งจึงว่ายไปด้านหน้า อย่ามาใช้ภาษาบ้าอะไรไม่รู้มาพูดกับฉัน ฉันฟังไม่รู้เรื่องหรอก จิ๊บจิ๊บ จุ๊บจั๊บ อะไร แกมานี่ มาคุยกับฉันดีกว่า…
ลุงกูสโมโหขึ้นมาทันใด เจ้าพวกคนนอกพวกนี้กลั่นแกล้งกันเกินไปแล้ว ไม่เพียงแต่รุกรานถิ่นของมัน ยังมาดูหมิ่นวัฒนธรรมของพวกมันด้วย ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ต่อให้ไม่มีพละกำลัง ก็ต้องจัดการซะ!
ลุงกูสอ้าปากกว้าง แล้วกัดเข้าไปที่ครีบของตัวที่วู่วามในฉับพลัน เจ้าวู่วามเจ็บจนตัวสั่น ควรรู้ว่าในปากของเต่ามะเฟืองเต็มไปด้วยหนามแหลมคม ไม่เช่นนั้นแมงกะพรุนที่ลอยไหลลื่นอยู่ในน้ำจะถูกพวกมันกินได้อย่างไร
ด้วยเหตุนี้มันจึงส่งเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวด “บ้าเอ๊ย แกเป็นไทสันหรือไง? กัดคนได้ด้วย? พี่น้อง หยิบอาวุธขึ้นมา จัดการพวกมันซะ!”
ทันใดนั้น พวกเต่ามะเฟืองต่างหยุดกินแมงกะพรุน พวกแมวน้ำก็ไม่อาบแดดต่อ แต่พวกมันสองฝั่งเริ่มการต่อสู้กันอย่างจริงจังแล้ว
แม้จำนวนของเต่ามะเฟืองจะน้อยกว่าแต่ลำตัวของมันใหญ่และได้เปรียบ อย่างลุงกูสตัวมันใหญ่เท่าเรือเล็กลำหนึ่ง อีกทั้งบนลำตัวมันยังมีกระดองเหล็กปกป้องไว้อีกชั้น ซึ่งสิ่งนี้เหมือนกับการฝึกวิชาภูษาเหล็ก ความสามารถในการป้องกันตัวแข็งแกร่งมาก
นอกจากนี้แล้ว บนหลังของแม่เต่ามะเฟืองยังมีลูกเต่าน้อยๆ ซึ่งก็เปรียบเสมือนเรือบรรทุกเครื่องบิน ที่พวกมันไม่เพียงแต่จะต่อสู้ด้วยตัวเอง แต่ยังสามารถจู่โจมด้วยเครื่องบินเล็กๆ เหล่านี้ได้ตลอดเวลาอีกด้วย
ไม่ต้องดูก็รู้ว่า แมวน้ำหลายตัวถูกโจมตี พวกมันถูกลูกเต่ากัดด้านหลัง เจ็บจนแยกเขี้ยวแสยะ ไม่สนุกเลยสักนิด
แต่จำนวนของแมวน้ำมีมากแล้วพวกมันก็ว่องไว ดังนั้นหลังจากที่ผ่านความโกลาหลในครั้งแรกมาแล้ว พวกมันก็เริ่มสงบลง ใช้จำนวนที่มากกว่าล้อมพวกเต่ามะเฟืองไว้ พยายามกระโดดขึ้นๆ ลง ไม่ยอมแพ้เด็ดขาด
เมื่อเป็นเช่นนี้ ความวุ่นวายยุ่งเหยิงก็ก่อตัวขึ้นที่ฟาร์มปลา
………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset