ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1611 ดังอีกแล้ว

มีลูกน้องมากมายช่วยงานแบบนี้ งานทางฝั่งของฉินสือโอวจึงเร็วขึ้นอย่างมาก
งานเก็บเกี่ยวปลิงทะเลเป็นงานสองขั้นตอนที่เหนื่อยมาก ขั้นแรกคือต้องก้มตัวไปเก็บปลิงทะเล อีกขั้นคือลอยขึ้นไปบนผิวน้ำ สำหรับเขาแล้วงานทั้งสองขั้นตอนนี้ไม่ใช่ปัญหา งานเก็บปลิงทะเลรับผิดชอบโดยกั้ง ส่วนการลอยขึ้นไปบนน้ำ ก็มีวาฬเบลูก้าช่วยพาเขาขึ้นไป ประสิทธิภาพจึงสูงขึ้นอย่างมาก
ฉินสือโอวอยู่เล่นเป็นเพื่อนเจ้าสามตัวเล็กครู่หนึ่ง จากนั้นก็ไปเก็บปลิงทะเลเข้ามาในอวน แล้วก็ขี่วาฬเบลูก้าขึ้นไปข้างบนก็ได้แล้ว
บูลใช้เวลาครึ่งชั่วโมงกว่าจะได้ลอยขึ้นไปด้านบนทีหนึ่ง ส่วนทางฝั่งฉินสือโอวใช้เวลาแค่ครึ่งของครึ่งชั่วโมงเท่านั้น แถมจำนวนปลิงทะเลที่เขาเอาขึ้นไปทุกครั้งก็มากที่สุดอีกด้วย เกิงจุนเจี๋ยมองดูอยู่ไม่กี่ครั้งก็ยอมใจให้เขา พอฉินสือโอวลอยขึ้นมาเหนือน้ำอีกครั้ง เขาจึงถามไปว่ามีเคล็ดลับอะไรหรือเปล่า
ฉินสือโอวยักไหล่พูดว่า “เคล็ดลับหนึ่งเดียวของฉันก็คือวาฬเบลูก้าไปช่วยฉันหาปลิงทะเล แล้วมันยังพาฉันขี่หลังขึ้นมาบนน้ำอีกด้วย นี่น่าจะเป็นเหตุผลที่ฉันทำงานเร็วกว่าบูลนั่นแหละ”
ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร บูลก็เห็นด้วยแถมยังนับถือเขาด้วย ความจริงแล้วไม่ว่าฟาร์มปลาจะทำการเก็บเกี่ยวอะไร ก็ไม่มีใครสู้ฉินสือโอวได้ ในด้านการหากินบนท้องทะเลนั้น เหล่าชาวประมงล้วนยอมรับกันว่าท่านชายฉินเป็นที่หนึ่ง ไม่มีใครกล้ามาแหย็มกับอำนาจของเขาได้
มองดูบูลพยักหน้าอยู่ตรงนั้นแล้ว ฉินสือโอวก็พลันนึกถึงเรื่องปลิงทะเลสีขาวตัวนั้นขึ้นมา จึงถามว่า “เฮ้ บูล เมื่อกี้ทำไมนายไม่ให้ฉันไปจับปลิงสีขาวตัวนั้นล่ะ? มันมีพิษเหรอ? หรือว่ามันเป็นสัตว์ดุร้ายเหรอ?”
บูลหายใจหอบพร้อมกับพูดว่า “แฮกๆ บอส นั่นน่ะเป็นปลิงทะเลสีขาว พวกเราต้องมีความเคารพให้กับมันนะครับ มันเป็นภูติปลิงทะเล คุณไม่เห็นเหรอครับว่ารอบๆ ตัวมันมีปลิงทะเลอาศัยอยู่มากเป็นพิเศษน่ะ?”
ฉินสือโอวพยักหน้าอย่างเข้าใจ ที่แท้ในนี้ยังมีเรื่องเล่าด้วยนี่เอง งั้นเขาจะไม่จับมันแล้ว เพราะชาวประมงและกะลาสีต้องพึ่งท้องทะเลในการหากิน จึงมีกฎค่อนข้างมาก ฟังจากคำพูดของบูลแล้ว ปลิงทะเลสีขาวเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดีอย่างหนึ่ง ไม่สามารถจับได้ เพราะหากปลิงทะเลสีขาวตายไป งั้นต่อไปน่านน้ำแห่งนี้ก็จะไม่มีปลิงทะเลมาอาศัยอยู่อีก เพราะกลิ่นอายความตายของปลิงสีขาวจะปกคลุมไปทั่วน่านน้ำแห่งนี้ แถมจะนำพาความโชคร้ายมาให้กับฟาร์มเพาะเลี้ยงอีกด้วย
ทำงานวันแรกเสร็จแล้ว พวกชาร์คและซีมอนสเตอร์ที่เป็นชาวประมงมืออาชีพได้ลากเอาร่างกายที่เหนื่อยล้าขึ้นฝั่ง แต่ละคนแค่ลากขาเดินก็เหนื่อยแล้ว แต่ว่าทางฝั่งฉินสือโอวยังคงเดินเหินสบายตัว แถมยังสามารถสั่งการเกิงจุนเจี๋ยและพวกให้นำปลิงทะเลแบ่งใส่ไว้ในกล่องเพื่อขนไปเก็บที่ห้องแช่เย็นอีกด้วย
เกิงจุนเจี๋ยพาพวกมาชั่งน้ำหนักทีละกล่อง คนที่จับปลิงทะเลได้มากที่สุดคือฉินสือโอว เขาจับปลิงทะเลได้ทั้งหมดสี่พันกว่าปอนด์ หรือก็คือสองพันกิโลกรัม
เหล่าชาวประมงแทบจะคลั่ง ทุกคนต่างพากันมาถามว่าฉินสือโอวทำได้อย่างไร พวกเขาลงน้ำไปก็แค่สิบชั่วโมงเท่านั้น แต่ฉินสือโอวกลับสามารถจับปลิงทะเลได้สองร้อยกิโลกรัมในหนึ่งชั่วโมง นี่เป็นสิ่งที่เหล่าชาวประมงไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
ชาร์คที่เป็นถึงพี่ใหญ่นำทีม จำนวนปลิงทะเลที่เขาจับได้อยู่อันดับสอง แต่ก็แตกต่างกับของฉินสือโอวมาก คืออยู่ที่ประมาณหนึ่งพันหกร้อยกว่าปอนด์ การที่สามารถจับปลิงทะเลขึ้นมาได้เยอะขนาดนี้ เป็นเพราะฟาร์มปลามีปริมาณปลิงทะเลเยอะ แถมฉินสือโอวยังใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนในการเก็บพวกมันอีก
อ้างอิงจากเงินโบนัสที่ฉินสือโอวตั้งไว้ เท่ากับว่าวันหนึ่งชาร์คสามารถมีรายได้ที่สามพันกว่าเหรียญ ส่วนชาวประมงคนอื่นที่เก็บได้มากบ้างน้อยบ้างนั้น ก็ล้วนได้กันอยู่ที่ประมาณหนึ่งพันปอนด์ ถือว่าได้ผลตอบแทนที่ไม่เลว
หลังจากฉินสือโอวเห็นสรุปตัวเลขแล้วก็พูดว่า “การจับปลิงทะเลก็แบบนี้แหละ หากว่าฟาร์มปลาของเรารายได้ไม่ดี ต่อไปฉันจะพาพวกนายไปจับปลิงทะเลแล้วกัน แม้ว่าจะได้มาแค่หนึ่งพันปอนด์ แต่วันหนึ่งก็ได้สองพันเหรียญแล้วนะ”
เหล่าชาวประมงพากันส่ายหัวอย่างจำใจ ชาร์คถอนหายใจแล้วพูดขึ้นมาว่า “จะง่ายขนาดนั้นได้อย่างไรครับ บอส คุณคิดง่ายเกินไปแล้วครับ ปริมาณปลิงทะเลของฟาร์มปลาเรามีมาก อีกอย่างพูดจริงนะครับ พวกมันอยู่กันชุกชุมมากด้วย ผมไม่เคยคิดเลยว่าปลิงทะเลจะสามารถอยู่กันชุกชุมขนาดนี้ได้ด้วย ฟาร์มเพาะเลี้ยงที่อื่นไม่มีทางที่จะมีปลิงชุกชุมได้อย่างนี้แน่นอน!”
“ใช่ครับ ปลิงทะเลของพวกเราชุกชุมมากจริงๆ พระเจ้า ตอนที่ผมลงไปในน้ำแล้วเปิดไฟบนหัวออกก็ถึงกับตะลึงไปเลยครับ! ผมมองไปข้างหน้า เห็นปลิงทะเล มองไปข้างหลัง ก็ยังเห็นแต่ปลิงทะเล มองไปทางซ้าย ก็ยังคงเป็นปลิงทะเล มองไปทางขวา ให้ตายสิ เป็นหน้าแก่ๆ ของแซ็ก ตอนนั้นผมตกใจจนแทบจะร้องไห้เลยครับ!” ซีมอนสเตอร์พูดพร้อมหัวเราะฮ่าๆ
แซ็กเป็นชาวประมงที่อายุมากที่สุดในนี้ อายุของเขามีสี่สิบสี่สี่สิบห้าปีแล้ว ตามหลักอายุของชาวประมงแล้ว นี่ถือว่าเป็นอายุที่สูงมากเลย เขาในตอนนี้คือมาหาเงินเพื่อใช้ยามเกษียณ ไม่มีทางเลือก เหล่าชาวประมงถูกลมพัดแดดเผาและใช้แรงงานตั้งแต่อายุยังน้อย พอแก่แล้วร่างกายจึงไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นพอพวกเขาอายุห้าสิบปีแล้วก็ต้องเกษียณเพื่อดูแลรักษาร่างกาย
พอเป็นแบบนี้ เท่ากับว่าจากที่อายุมากอยู่แล้ว บวกกับอาชีพชาวประมงที่ทำให้ดูแก่กว่าปกติ จึงทำให้แซ็กมีใบหน้าที่ไม่น่าอภิรมย์เท่าไรนักจริงๆ พอได้ฟังคำของซีมอนสเตอร์แล้ว เขาก็กลอกตาอย่างไม่สบอารมณ์แล้วพูดว่า “เพื่อน อย่าได้ใจไปหน่อยเลย อีกไม่กี่ปีนายจะแย่ยิ่งกว่าฉันอีก ถึงตอนนั้นฉันจะรอดูว่านายจะล้อเลียนฉันอย่างไรอีก”
เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว กลางคืนฉินสือโอวจำต้องตกรางวัลเหล่าชาวประมงสักหน่อย เบียร์ที่เขาหมักเองไม่พอชายฉกรรจ์เหล่านี้ดื่ม จะต้องสั่งเหล้ามาจากร้านเหล้าดวงดาวเปล่งประกายจากในเมืองมาด้วย แถมต้องสั่งแต่เหล้าขาวที่ดีกรีสูงทั้งหมดอีกด้วย จากนั้นเขาก็ขี้เกียจทำอาหารอีก จึงให้วินนี่แวะซื้อกับข้าวจากในเมืองมาด้วยจำนวนหนึ่ง
การเก็บเกี่ยวปลิงทะเลมีเคล็ดให้ถือมากมาย ก่อนหน้านี้บูลได้พูดเกี่ยวกับข้อห้ามในการจับปลิงทะเลสีขาวแล้ว ยังมีข้อห้ามอื่นอีกอย่างเช่นก่อนจับปลิงทะเลห้ามกินอาหารทะเล อย่างเช่นก่อนลงน้ำไม่สามารถดื่มเหล้า แต่หลังจากออกเรือกลับมาแล้วต้องดื่มเหล้าขาวนิดหน่อย
พูดถึงเรื่องถือเคล็ดแล้ว เหล่าชาวประมงก็มีท่าทางแปลกประหลาด แล้วก็เริ่มเล่าเรื่องแปลกลี้ลับของท้องถิ่นให้ฉินสือโอวฟัง
ฉินสือโอวไม่ถือเคล็ดพวกนี้หรอก เขาเป็นเทพของท้องทะเล หากว่าจะมีกฎอะไรในนั้นล่ะก็ ก็ต้องเป็นเขาที่เป็นคนกำหนด!
แต่ทว่าการถือเคล็ดนี้ก็มีการอธิบายในแง่วิทยาศาสตร์อยู่ ยกตัวอย่างเช่นเรื่องการดื่มเหล้าขาวหลังออกทะเลมา ก็เพื่อใช้ความแรงของเหล้าขาวมาต้านความหนาวเย็นของลมทะเล เพื่อรักษาร่างกาย จุดนี้สามารถนำแนวคิดในด้านแพทย์แผนจีนมาใช้ได้ง่ายมาก แต่ว่าที่แคนาดาไม่มีความรู้เรื่องแพทย์แผนจีน จึงใช้เรื่องการถือเคล็ดมาอธิบายแทน
แต่ฉินสือโอวไม่จำเป็นต้องทำตาม ดังนั้นเขาจึงยังคงดื่มเบียร์ต่อ เหล้าขาวดีกรีสูงสำหรับเขาแล้วรสชาติไม่ดีเลย เขาดื่มเบียร์ที่หมักเองจนชิน รู้สึกว่านี่เป็นเครื่องดื่มที่ดีที่สุดในโลกแล้ว
นอกจากกับข้าวที่ซื้อมาจากในเมืองแล้ว ฉินสือโอวยังตุ๋นซุปซี่โครงหมูไว้ด้วยหม้อหนึ่ง กับเนื้อหมูแพะวัวย่างอีกเตาหนึ่ง เหล่าชาวประมงลำบาก เขากับพวกแบล็คไนฟ์จึงเป็นคนย่าง เพราะอย่างไรเสียก็แค่นำเนื้อไปวางไว้บนเตาย่างก็ได้แล้ว พอได้เวลาก็แค่ทาน้ำมันโรยเครื่องเทศก็เป็นอันเสร็จ
หลังจากจับปลิงทะเลมาทั้งวันแล้ว วันต่อมาเหล่าชาวประมงก็ไม่สามารถลงน้ำได้อีก อย่างน้อยก็ต้องพักอีกหนึ่งวัน หากว่าทำงานเป็นเวลานานไป ก็จะทำให้เกิดโรคลดความกดได้เช่นกัน
พอดีกับที่ของเล่นสันทนาการพวกสไลเดอร์กับรถบัมพ์ที่ฟาร์มปลาสั่งไว้ได้มาถึงแล้ว ฉินสือโอวจึงพาเหล่าชาวประมงนำของเล่นพวกนี้ไปวางไว้บนชายหาดที่สะอาดสะอ้าน ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วงทั้งสามฤดูนี้บนชายหาดจะทั้งอบอุ่นและชุ่มชื้น เหมาะแก่การให้เด็กๆ มาเล่นที่นี่มาก
การต่อสไลเดอร์นั้นง่ายมาก มีคู่มือสอนใช้งานอยู่ เหมือนกับการต่อเลโก้นั่นแหละ การต่อชิงช้าจะค่อนข้างยุ่งยากนิดหนึ่ง เพราะจะต้องขุดหลุมลึกเพื่อให้เสาชิงช้ามั่นคง แถมสุดท้ายยังต้องใช้พื้นทรายในการกดให้มั่นคงอีกด้วย พื้นชายหาดมีความอ่อนยวบอยู่แล้ว จึงมีบางครั้งที่ทำให้ตั้งเสาไม่อยู่
ฉินสือโอวกำลังยุ่งอยู่ที่นี่ ฉับพลันวิลก็มาหาเขาอีก พร้อมหัวเราะเหอๆ แล้วพูดว่า “เพื่อน นายดังแล้ว นายดังอีกแล้วนะ!”
………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset