ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1625 เรือเหาะกลางทะเล

หลังจากขึ้นเครื่องบิน เบลคก็ถามเขาออกมาทันทีว่า “ฉิน หาซานโฮเซเจอรึยัง?”
ฉินสือโอวกลอกตาไปมาแล้วพูดว่า “เฮ้อ น้องชาย นายคิดว่าซานโฮเซคืออะไร? โขดหินโสโครกที่โผล่ออกมาจากน้ำเหรอ? ถ้าหากว่ามันหาง่ายขนาดนั้น งั้นก็ถึงตานายแล้วล่ะมั้ง? อีกอย่างเบลูก้าน้อยของฉันพึ่งจะออกจากฟาร์มปลาเอง ฉันต้องหาเวลาที่จะพามันไปหาซานโฮเซ นายคงไม่คิดว่าไอคิวของมันจะสูงจนถึงขนาดที่จะได้ยินคำสั่งของฉันหรอกใช่ไหม?”
เบลคก็รู้สึกว่าตัวเขาเองรีบร้อนพูดจริงๆ เขายิ้มออกมาแล้วพูดว่า “เหอะๆ มันไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนเหรอ? สุภาษิตภาษาจีนของพวกเราพูดว่ายังไงนะ? ยิ่งเป็นห่วงก็ยิ่งกังวลใจใช่ไหม? ฉันรู้สึกกังวลแล้วนิดหน่อย แต่ใครจะไปใจเย็นได้เมื่อเจอกับข่าวแบบนั้น? ประเทศที่ร่ำรวยแต่เป็นศัตรูนะ!”
ฉินสือโอวพูดเปลี่ยนประเด็น เรือซานโฮเซอยู่ที่ไหนกันนะ? เขารู้สึกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างแปลก ข้อมูลที่เบลคให้มาเป็นความจริงอย่างแน่นอน แต่บนน่านน้ำแถวนี้กลับไม่เห็นเงาของเรือซานโฮเซเลยแม้แต่นิดเดียว มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเลย
แน่นอนว่า การกอบกู้มหาสมุทรมักเป็นเช่นนี้ ทะเลนั้นลึกลับและกว้างใหญ่ไพศาล เรือลำนี้เมื่ออยู่บนทะเลก็เป็นเพียงเกาลัดเมล็ดหนึ่งเท่านั้น การจะหามันนั้นไม่ง่ายเลย แต่นี่ก็คือเสน่ห์ของการกอบกู้เรือที่จมลงมหาสมุทร บริษัทกอบกู้เรือเหล่านั้นยืนยันที่จะหาค่าอาหารในทะเล ไม่เพียงเพื่อเงินเท่านั้น แต่เสน่ห์อันลึกลับของมหาสมุทรแห่งนี้ยังดึงดูดพวกเขาอีกด้วย
เรือเหาะเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ใช่เวลาเพียงครึ่งวันเท่านั้น ก็บินมาถึงน่านน้ำบริเวณเรือกอบกู้ของบิลลี่ เบลคสั่งให้นักบินบินวนอยู่เหนือซากเรือ ฉินสือโอวมองออกไปข้างนอก ทำให้เขาเห็นซากเรือขนาดใหญ่ได้ชัดเจน บิลลี่ก็เห็นพวกเขาได้ชัดเจนเหมือนกัน เขากำลังกระโดดไปมาบนดาดฟ้าเรือ
ฉินสือโอวถามออกมาว่า “พวกเราจะลงจอดที่ไหน?”
เบลคตอบกลับว่า “สนามบินที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่คาบสมุทรคัมเบอร์แลนด์ พวกเราต้องไปลงจอดที่นั่น หลังจากนั้นก็นั่งรถไปที่ท่าเรือ แล้วก็ต่อเรือเร็วมาที่นี่ น่าจะใช้เวลาประมาณหกชั่วโมงได้”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินสือโอวก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ฟัค มันไกลขนาดนั้นเลยเหรอ? พวกเราออกมาจากเกาะแฟร์เวลก็ใช้เวลาหกชั่วโมงไม่ใช่เหรอ? ช่างเถอะ ฉันไม่มีอารมณ์จะมาเสียเวลาขนาดนี้ บอกให้นักบินลดระดับลง ฉันจะกระโดดลงทะเล”
เบลคตกใจเป็นอย่างมาก เขาพูดออกมาเสียงสูงว่า “นายล้อฉันเล่นหรือเปล่า? โดดลงไปจากตรงนี้เนี่ยนะ? ให้ตายเถอะ นายรนหาที่ตายหรือยังไง?”
เครื่องบินพีเอเป็นเครื่องบินสปอร์ต มันสามารถบินในระดับต่ำได้ แต่ในสถานการณ์แบบนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่มันชะลอตัวได้ มันจำเป็นที่จะต้องรักษาความสูงไว้ ไม่อย่างนั้นเครื่องบินจะตกอยู่ในอันตราย และการกระโดดออกจากเครื่องบินลงทะเลด้วยความสูงขนาดนี้ ไม่ได้ต่างอะไรกับการตกลงบนพื้นคอนกรีตเลย
แต่ว่าฉินสือโอวไม่ต้องการที่จะเสียเวลาไปอีกหกชั่วโมง เขามองออกไปข้างนอกเมื่อดูระยะความสูง เขาเลียริมฝีปากตัวเองแล้วพูดว่า “แล้วถ้าเป็นการกระโดดร่มล่ะ? ฉันเชื่อว่าบิลลี่จะหาพวกเราเจอ”
แผนการนี้ถือว่าใช้ได้ เบลคพยักหน้า และมองไปยังฉินสือโอวด้วยความสงสัยพลางถามออกมาว่า “เฮ้ เพื่อน นายเคยกระโดดร่มเหรอ?”
ฉินสือโอวยักไหล่ ตอบว่า “แน่นอนว่า…ไม่เคย!”
“ฟัค นายล้อฉันเล่นงั้นเหรอ?” เบลคด่าออกมาด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว “เอาล่ะ อย่าไปคิดถึงวิธีที่พึ่งพาไม่ได้พวกนั้นเลย มาๆ มาช่วยฉันเอาเรือคายัคออกมาเติมลม ก่อนมาฉันได้หาวิธีที่จะลงจอดแล้ว”
ความจุของเครื่องบินพีเอมีไม่มาก แต่ว่ามันก็เป็นเครื่องบินสปอร์ต ข้างในเต็มไปด้วยอุปกรณ์กีฬามากมาย หนึ่งในนั้นก็มีเรือคายัคอยู่ด้วย หลังจากที่เติมลมเข้าไปแล้วก็ยังสามารถติดตั้งในห้องโดยสารได้
เบลคหันไปปรึกษากับนักบินสองสามประโยค หลังจากนั้นนักบินก็พยักหน้าและยกนิ้วโป้งให้บ่งบอกว่าไม่มีปัญหา หลังจากนั้นเครื่องบินก็ค่อยๆ ลดระดับความสูงลง
เบลคหายใจเข้าลึกอยู่สองครั้งจากนั้นก็พูดออกมาว่า “มา เพื่อน ให้ฉันได้พานายไปลิ้มลองรสชาติจองเนวีซีล ฉันกล้าพนันเลยว่ามันไม่สนุกเลย หวังว่านายจะทนไหวนะ”
ระหว่างที่พูด เขาก็เข้าไปนั่งในเรือคายัค แล้วยึดตำแหน่งที่นั่งด้วยการคาดเข็มขัดนิรภัย จากนั้นก็ให้ฉินสือโอวนั่งต่อด้านหลังเขา เบลคสูดลมหายใจเข้าลึกสองสามรอบเพื่อเป็นการทำจิตใจให้สงบ จากนั้นเขาก็ยกนิ้วโป้งให้นักบิน
ประตูท้ายของเครื่องบินค่อยๆ เปิดออก ทันใดนั้นกระแสลมที่รุนแรงก็ปรากฏขึ้น ร่มชูชีพที่ติดอยู่ที่ท้ายเรือคายัค พัดปลิวไปตามแรงลม จากนั้นร่มชูชีพก็ถูกกางออกอย่างรวดเร็ว เมื่อลมพัดไปมาบนร่มชูชีพแบบนี้ ทำให้มันลากเรือคายัคออกมาโดยตรง
ตอนที่เครื่องบินบินเหนือน้ำทะเลเพียงสิบกว่าเมตรเท่านั้น เรือคายัคก็พุ่งออกมาจากเครื่องบิน หัวใจของฉินสือโอวเต้นแรงเร็วโดยไม่รู้ตัว จู่ๆ ก็เกิดความรู้สึกไร้น้ำหนักขึ้นมา เรือคายัคกำลังร่อนลงโดยร่มชูชีพที่กางออกลงมาช้าๆ
ตอนนั้นเองเรือคายัคก็พองตัวมากขึ้น ทำให้มันห่อร่างของคนทั้งสอง ในท้ายที่สุดเรือคายัคก็ตกลงไปในทะเล มันเหมือนกับการขับรถชนก้อนหิน เมื่อร่วงลงมาก็กระเด้งตัวขึ้นมาอีก จากเหตุการณ์นี้ฉินสือโอวรู้สึกว่าตัวเองถูกเตะเข้าที่สะโพกและถูกตบเข่าที่ไหล่ เขารู้สึกโหวงที่หน้าอกและท้องน้อยนิดหน่อย
สภาพของเบลคนั้นแย่ยิ่งกว่ามาก หลังจากที่เรือคายัคทรงตัวได้ ใบหน้าของเขาก็ซีดเผือด เขาเอื้อมมืออันสั่นเทาของตัวเองไปคว้าท่อออกซิเจนมายัดเข้าปาก หลังจากที่สูดลมหายใจเข้าลึก เขาก็ค่อยๆ รู้สึกดีขึ้น จากนั้นเขาก็พึมพำออกมาว่า “ให้ตายเถอะ คราวหน้าฉันจะยอมนั่งรถหกชั่วโมง และจะไม่เสี่ยงชีวิตแบบนี้อีก!”
ฉินสือโอวรู้สึกสนุกเป็นอย่างมก เขาหัวเราะหึหึออกมา “อย่าพูดแบบนั้นเลย เพื่อน ฉันรู้สึกว่ามันไม่เลวเลยนะ”
“ฟัคยู!”
บิลลี่นั่งเรือสปีดโบ๊ตมาหาพวกเขาทั้งสองคน จากนั้นก็ใช้เชือกผูกกับเรือคายัคไว้ จากนั้นก็ขับเรือผ่านคลื่นลากเรือคายัคไปยังเรือกอบกู้
เมื่อขึ้นเรือไป บิลลี่ก็เอื้อมมือมาตบบ่าเบลค แล้วพูดออกมาด้วยความตื่นเต้นว่า “ว่าไงเพื่อน ฉันไม่คิดเลยว่านายจะลงจอดด้วยวิธีนี้  มันน่าตื่นเต้นจริงๆ เมื่อไหร่จะให้ฉันได้ลองสักครั้งล่ะ? ฉันขับเครื่องบินเองได้นะ…อ้อ ไม่สิ ถ้าฉันขับเครื่องบินเองก็ไม่ได้นั่งเรือคายัคน่ะสิ”
“ฟัคยู ฉันจะไม่ทำแบบนี้อีก ฉันยังไม่ได้แต่งงาน ฉันยังอยากลิ้มรสการมีชีวิตอยู่นะ!” เบลคผลักบิลลี่ออกอย่างไม่พอใจพร้อมกับโวยวายออกมา
ฉินสือโอวพูดกลั้วหัวเราะว่า “อันที่จริงนายควรจะแต่งงานได้แล้ว พวกนายทั้งสองคนควรแต่งงานได้แล้ว แบรนดอนกำลังจะแต่งงาน พวกนายไม่อยากตามเขาไปเหรอ?”
บิลลีตอบกลับด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยว่า “ฉันอยากแต่งงาน แต่ฉันหาผู้หญิงที่จะสามารถอยู่กับฉันไปชั่วชีวิตไม่เจอน่ะสิ”
เบลคพูดขึ้นอย่างดูถูกว่า “แต่งงานอะไรกัน? ผู้ชายเลวๆ อย่างนายเป็นโสดน่ะดีแล้ว อย่าไปทำให้ผู้หญิงน่ารักๆ พวกนั้นเสียใจเลย อีกอย่าง อยู่เป็นโสดก็ดี ไม่มีข้อผูกมัด ไม่มีใครมาคอยสั่ง อยากทำอะไรก็ได้ทำ แบบนี้สิถึงจะเรียกว่าชีวิต!”
ฉินสือโอวยกมือห้ามเพื่อบอกให้ทุกคนหยุดเสียเวลากับเรื่องพวกนี้ จากนั้นเขาก็พูดขึ้นว่า “นายบอกว่าเจอของดีไม่ใช่เหรอ? ของดีอะไรเหรอ? รีบเอาออกมาให้ดูเร็ว”
บิลลี่ดีดนิ้วแล้วพูดว่า “ใช่แล้ว ของดีเลยล่ะ มาๆ ตามฉันไปที่ห้องโดยสาร ของดีไม่สามารถเปิดเผยได้ง่ายๆ หรอกนะ”
ห้องโดยสารของเรือกอบกู้มีฟังก์ชันพิเศษต่างๆ มากมาย หนึ่งในนั้นคือการเปลี่ยนห้องโดยสารให้กลายเป็นห้องเก็บรักษาของที่ระลึกทางวัฒนธรรม ข้างในห้องมีเครื่องสุญญากาศต่อเข้ากับตู้นิรภัยทุกตู้ ตู้นิรภัยพวกนี้ฝังเข้าไปในเรือกอบกู้ หากต้องการนำพวกมันออกมา ก็ต้องทำลายเรือทิ้ง
ข้างเครื่องสุญญากาศมีถังไม้วางอยู่หลายถัง ฉินสือโอวรู้ว่าสิ่งที่อยู่ข้างในถังนั้นคือไขมันวาฬ ช่างคุ้นเคยเหลือเกิน!
……………………
Related

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset