ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 218 ปลูกสาหร่ายทะเล

บทที่ 218 ปลูกสาหร่ายทะเล
โดย
Ink Stone_Fantasy

หลังจากได้รับเช็คเงินสดจากบริษัทประมงตะขอปลาทองคำแล้ว ฉินสือโอวก็ยื่นทิปจำนวนหนึ่งร้อยดอลลาร์ให้กับชายวัยกลางคนคนนั้น จากนั้นก็เตรียมตัวเดินทางกลับ แต่คราวนี้กลับมีชาวประมงส่วนหนึ่งขับเรือมาขวางทางพวกเขาเอาไว้ คงเพราะอยากจะถามถึงพิกัดของน่านน้ำที่พวกเขาตกปลาตัวนี้มาได้อย่างแน่นอน
ในตอนนี้ทิปที่เขาให้ไปก็เริ่มแผงอิทธิฤทธิ์แล้ว ชายวัยกลางคนที่รับทิปไปตะโกนขึ้นมาว่า “พวกแกรีบหลบทางเดี๋ยวนี้! ไอ้พวกลูกอีตัว ถ้ามีปัญญาก็พากันไปตกจากในทะเลเอาเองสิวะ จะมารบกวนคุณผู้หญิงเขาทำไม? ทำให้ชาวนครเซนต์จอห์นต้องขายขี้หน้าจริงๆ!”
นีลเซ็นก็คันไม้คันมือแล้วเช่นกัน ตอนนี้เขากำลังรอจังหวะอยู่ ขอแค่ให้ฉินสือโอวออกคำสั่ง เขาก็จะไปเก็บกวาดไอ้พวกคนปากสกปรกพวกนั้นทันที
ฉินสือโอวกลับรู้สึกว่าไม่จำเป็นจะต้องลดตัวลงไปยุ่งกับคนพวกนี้ ไม่ใช่ว่าเขาอ่อนแอ แต่มันเป็นเรื่องปกติ เมื่อสักครู่เขาได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดว่า ชาวประมงพวกนี้ออกทะเลไปจับปลาทูน่ากับปลากระโทงสีน้ำเงิน รายได้ที่ดีที่สุดต่อวันก็เท่ากับเศษเงินของวินนี่เท่านั้น แค่แปดพันดอลลาร์
ดังนั้น เมื่อเห็นว่าคนที่ตกปลาเป็นงานอดิเรกแบบวินนี่ได้เงินหนึ่งหมื่นแปดพันดอลลาร์ไปอย่างง่ายๆ ก็เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะรู้สึกเสียอาการ
ชาวประมงกับนักล่าปลามือเก่าต่างก็มีความรู้สึกหวงอาณาเขตของตัวเองกันทั้งนั้น พวกเขารู้สึกว่ามหาสมุทรควรจะเป็นแหล่งทรัพยากรของพวกเขาสิถึงจะถูกต้อง
เมื่อเสียงตะโกนของชายวัยกลางคนสิ้นสุดลง ชาวประมงพวกนี้ก็ยังปิดปากเงียบอย่างเสียไม่ได้ แต่ก็ยังมีบางคนที่ยังคงไม่ยอมเปิดทางให้กับพวกเขา ฉินสือโอวเดินออกไปแล้วพูดกับพวกเขาว่า “เพื่อน เรือลำนี้ของฉันราคาห้าแสนห้าหมื่นดอลลาร์นะ ถ้าพวกนายเฉี่ยวหรือชนมัน ฉันเองก็ไม่รู้ว่าพวกนายจะต้องชดใช้ค่าเสียหายเท่าไรเหมือนกัน”
คำพูดนี้ได้ผล ลักษณะของเรือแฟร์เวลที่ดูใหม่เอี่ยมราวกับเพิ่งออกมาจากโรงผลิต แถมด้านบนยังถูกตกแต่งอย่างหรูหรา จนชาวประมงพวกนี้ไม่อยากจะให้มันเกิดความเสียหายอะไรขึ้น
จึงได้เปิดทางให้กับพวกเขา ฉินสือโอวบอกให้นีลเซ็นขับเรือออกไป วินนี่ที่ยังรู้สึกหวาดผวาอยู่ก็พูดขึ้นมาว่า “พระเจ้า คนพวกนี้บ้าไปแล้วจริงๆ มันก็แค่ปลาตัวเดียวเองนะ ถ้าไม่มีพวกคุณ ฉันว่าพวกเขาต้องฆ่าฉันแน่ๆ”
แฮมเล็ตพูดขึ้นว่า “ที่จริงพวกเขาก็แค่ขู่ให้เธอกลัวน่ะ ถ้าหากพวกเธอเป็นชาวประมงที่มาแถวนี้บ่อยๆ ก็คงไม่มีอะไรหรอก พวกเขาคงไม่กล้าปากมากขนาดนี้”
เรือยอชต์ออกมาจากท่าเรือที่เป็นที่ตั้งของบริษัทประมง แล้วมาจอดเทียบที่ท่าเรือใหญ่ ฉินสือโอวกับวินนี่ขึ้นมาบนฝั่งเพื่อไปขึ้นเช็คที่ธนาคาร แล้วโอนเข้าบัญชีธนาคารของเธอ
วินนี่ตบบัตรเอทีเอ็มเบา แล้วพูดพร้อมรอยยิ้มหวานๆว่า “เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ฉันหากินกับทะเลได้แล้ว นี่ก็เท่ากับว่าฉันเป็นชาวประมงคนหนึ่งแล้วใช่ไหมนะ?”
ฉินสือโอวจูบเธอหนึ่งครั้ง แล้วพูดกับเธอว่า “ใช่แล้วล่ะครับ ที่รัก คุณเป็นชาวประมงที่เก่งกาจมาก ไปห้องผมให้ผมช่วยสอนคุณเพิ่มอีกหน่อยดีไหม?”
วินนี่จึงพูดกับเขาอย่างรำคาญใจว่า “อย่าเอาแต่โยงไปถึงเรื่องใต้สะดือได้ไหมคะ ฉันใกล้จะต้องกลับแล้วนะ พาฉันไปเที่ยวเยอะๆดีกว่าไหม พอกลับไปที่บริษัทฉันอาจจะงานยุ่งมากๆก็ได้นะคะ”
ฉินสือโอวรู้สึกน้อยใจอย่างถึงที่สุด ใครกันที่บอกกับเขาว่าถ้าขึ้นฝั่งแล้วจะได้ทำอะไรสนุกๆ? ไหนล่ะคำสัญญา? ไหนล่ะการรักษาคำพูด? ต่อไปจะยังเล่นสนุกด้วยกันได้อีกไหม?
ขึ้นฝั่งครั้งนี้ครั้งนี้พวกเขายังมีเรื่องอื่นที่ต้องจัดการ วินนี่ใกล้จะกลับโทรอนโตแล้ว ก่อนที่เธอจะเดินทางกลับ พวกเขาทั้งสองคนอยากจะทำอาหารเลี้ยงครอบครัวของชาร์คและซีมอนสเตอร์สักมื้อ ถือซะว่าชดเชยเรื่องเทศกาลผักให้กับวินนี่ด้วย
ถึงแม้ว่าผักในสวนผักของฟาร์มปลาจะมีรสชาติดี ทว่าก็มีของอยู่น้อยเกินไป อีกทั้งผักของตลาดในเมืองก็ยังไม่ค่อยอ่อนนุ่มอีกต่างหาก วินนี่กับฉินสือโอวจึงมาที่นครเซนต์จอห์นเพื่อซื้อผักติดไปด้วย
ทั้งสองคนตรงไปที่ตลาดขายผักที่ใหญ่ที่สุดในนครเซนต์จอห์น ตลาดแห่งนี้มีชื่อว่าเมมโมเรียลซูเปอร์มาร์เก็ต เนื่องจากตลาดแห่งนี้อยู่ใกล้กับอนุสาวรีย์ยุทธนาวีของนครเซนต์จอห์นจึงทำให้ได้ชื่อนี้มา ตลาดแห่งนี้มีพื้นที่กว้างขวาง คุณภาพของผักก็ดีที่สุด
เมื่อเข้ามาในตลาดขายผักแล้ว ฉินสือโอวก็รู้สึกได้ถึงความยิ่งใหญ่และความหลากหลาย ผักสีสันสวยสดหลากหลายมีมากมายจนนับไม่ถ้วน กลิ่นหอมสดชื่นทุกแบบก็ผสมเข้าด้วยกัน ทำให้คนที่ชินกับกลิ่นคาวปลาแบบเขารู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นมา
วินนี่ไปเลือกพริกหยวกมาก่อนสองถุง ผักพวกนี้มีทั้งสีน้ำเงิน สีเหลืองแล้วก็สีขาว ฉินสือโอวไม่ค่อยกล้าทานเท่าไรนัก ใครจะรู้ว่าของพวกนี้เป็นสินค้าที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรมมาแล้วหรือเปล่า? สหรัฐอเมริกาส่งออกสินค้าดัดแปลงพันธุกรรมมาอย่างต่อเนื่อง คนในประเทศของพวกเขาไม่ทานสิ่งนี้ คนแคนาดาก็ยิ่งไม่กล้าทาน
ราคาของพริกหยวกไม่ได้ต่ำเลย พริกหยวกขนาดเท่ากับกำปั้นของผู้ใหญ่หนึ่งลูกมีราคาเท่ากับ 1.42 ดอลลาร์ วินนี่ซื้อมาสองถุงทั้งหมดก็ 10 ลูก รวมราคาแล้วก็เกือบๆสิบห้าดอลลาร์
หลังจากนั้นก็ซื้อกระเทียมต้นมาอีกหนึ่งมัด ชื่อของผักชนิดนี้ทำเอาฉินสือโอวรู้สึกปวดไข่ขึ้นมา แถมรสชาติของมันก็ทำให้เขาปวดไข่เช่นกัน ผักชนิดนี้เป็นพืชที่อยู่ระหว่างหน่อต้นกระเทียมกับต้นหอมใหญ่ ไม่รู้ว่าเป็นต้นหอมใหญ่กับกุ้ยช่ายของจีนที่พอมาอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือแล้วจึงเกิดรวมร่างกันขึ้นมาหรือเปล่า
หน่อกระเทียมและผักประเภทเดียวกันกับกุ้ยช่ายหาซื้อไม่ได้จากในตลาดของแคนาดา ดังนั้นเวลาร้านอาหารจีนจะทำหมูสองไฟเอย กุ้ยช่ายผัดไข่เอย ก็จะใช้ผักชนิดนี้แทน
ผักในตลาดขายผักพวกนี้ล้วนแล้วแต่สดใหม่กันทั้งนั้น วินนี่ซื้อผักมาแล้วสองรถเข็น เต็มไปด้วยผักจำพวก กะหล่ำดาว หน่อไม้ฝรั่ง อาร์ทิโชก ใบโหระพาไทย กระเทียมผง พาสลีย์ สวิสชาร์ท ผักขึ้นฉ่ายแดง ที่ถูกวางไว้อย่างแน่นขนัด
สุดท้ายแล้วจึงนำไปคิดเงิน ผักทั้งสองรถเข็นนี้มีราคาถึงสองร้อยดอลลาร์กว่าๆ แปลงเป็นเงินจีนก็เท่ากับหนึ่งพันหยวน
ฉินสือโอวส่ายหัวไม่หยุด ผักราคาหนึ่งพันหยวนเนี่ยนะ พ่อกับแม่ที่บ้านของเขาไปซื้อผักจากตลาดมาขาย หนึ่งสัปดาห์ยังขายได้ไม่ถึงหนึ่งพันหยวนเลยด้วยซ้ำ
การเดินทางกลับก็เป็นไปอย่างเรียบง่าย ตอนนี้ท่าเรือของฟาร์มปลาสร้างเสร็จแล้ว สามารถขับเรือไปที่ฟาร์มปลาได้โดยตรง โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนไปขึ้นรถในเมืองแล้ว
คราวนี้ฟาร์มปลาถึงได้มีสภาพเหมือนฟาร์มปลาเสียที เรือฮาวิซทจอดไว้ด้านหน้าสุด สีที่ถูกทาเอาไว้ด้านบนแวววาวเป็นประกาย เรือลำใหญ่มหึมาทรงอานุภาพ ฉินสือโอวคิดว่าถ้าขับเรือลำนี้ไปจับปลา คงจะมีความสุขน่าดู
จากเวลาเที่ยงวัน พวกเขาก็เริ่มเตรียมอาหารของมื้อเย็นแล้ว
ครั้งที่แล้วที่ทำอาหารเย็น ฉินสือโอวเห็นว่าวินนี่ไม่ได้เข้ามายุ่งกับการทำอาหารเลยแม่แต่นิดเดียว จึงคิดว่าครั้งนี้เขาคงต้องเป็นคนทำอาหารเอง
แต่ปรากฏว่าเมื่อได้ผักพวกนี้มา เธอกลับแยกผักพวกนี้ออกได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ทั้งยังบอกกับเขาว่าแบบนี้จะต้องจัดการยังไงแบบนั้นต้องจัดเตรียมอย่างไร เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ใช่คนไร้ฝีมือ
ใบหน้าของฉินสือโอวเต็มไปด้วยความสับสนงงงวย “ผักที่คุณปลูก ฉันไม่เคยเห็นพวกมันมาก่อนเลย แต่กับผักพวกนี้ฉันเคยใช้มันทำอาหารมาหมดแล้ว แน่นอนว่าต้องทำเป็นอยู่แล้ว”
แบบนี้จึงสามารถแบ่งงานกันได้ง่ายหน่อย ฉินสือโอวทำอาหารจีนต่อไป ส่วนวินนี่จะเป็นคนทำอาหารตะวันตกเอง
ใบโหระพาไทยนำมาใช้สำหรับทำซอสสปาเกตตี นำใบโหระพาสดและเมล็ดสนมาบดให้ละเอียด จากนั้นจึงใส่น้ำมันมะกอกลงไป เช่นนี้ก็จะได้ซอสใบโหระพาแล้ว
จากนั้นก็นำเบคอนไปผัดกับกระเทียมให้หอม แล้วเติมเส้นสปาเกตตีที่ต้มสุกแล้วกับซอสใบโหระพาลงไป ตามด้วยพริกไทยดำและโรสแมรี ผัดให้เข้ากันก็เป็นอันเสร็จสิ้น
วินนี่แบ่งโคลราบิออกเป็นสองส่วน โคลราบิส่วนหนึ่งนำไปลวกกับน้ำ น้ำมันและเกลือ เพื่อกำจัดรสขมจากนั้นก็นำไปหั่น แล้วจึงนำไปผัดกับน้ำมันเบคอน โคลราบิอีกส่วนก็นำไปหั่น แล้วก็นำไปหมักกับน้ำเชื่อม ทิ้งไว้สักพัก จากนั้นจึงนำไปผสมกับสลัดผัก
หลังจากหั่นผักสวิสชาร์ทแล้วก็นำไปผัดอย่างง่ายๆ ผัดลำต้นจนนิ่มลงเล็กน้อยจากนั้นจึงใส่ใบและเกลือลงไปผัดให้ทั่วกัน หลังจากนั้นก็นำออกจากกระทะทานคู่กับเบคอนและไส้กรอกชิ้นเล็ก ผักชนิดนี้ค่อนข้างสดชื่น ทานคู่กับเนื้อจำพวกเบคอนจะช่วยขจัดความมันเลี่ยนไปได้
และยังมีผักที่คล้ายกับแครอตสีขาวอยู่อีกหนึ่งอย่าง มันมีชื่อว่าพาร์สนิป ผักอันนั้นทำให้หวานหน่อย วิธีทำอย่างง่ายก็คือปอกเปลือกออกแล้วหั่นเป็นเส้นจากนั้นจึงนำเข้าเตาอบ ไม่ต้องใช้น้ำผึ้งหรือน้ำตาลก็ให้ความรู้สึกเหมือนกับมันหวานอบได้
แต่วินนี่ทาเมเปิลไซรัปและเนยถั่วลงไปตรงด้านนอก เมื่อเอาไปอบเนยถั่วก็จะแห้งแล้วกลายเป็นเปลือกแข็งๆ ทว่าพาร์สนิปที่อยู่ด้านในจะถูกอบจนนุ่ม เวลาทานจะให้เนื้อสัมผัสแบบกรอบนอกนุ่มใน รสชาติทั้งหอมและหวาน ฉินสือโอวได้ชิมหนึ่งชิ้นก็หยุดทานไม่ได้แล้ว
กลิ่นหอมของอาหารดึงดูดพวกสัตว์เลี้ยงตัวน้อย เสี่ยวหมิงได้เปรียบที่สุด วินนี่แขวนถุงเล็กๆไว้ที่คอของมัน ใส่เมล็ดสนและถั่วลิสงเอาไว้ข้างใน จากนั้นมันก็วิ่งออกไปหาครอบครัวกระรอกดินอย่างมีความสุข
ฉงต้ากอดขาของฉินสือโอวเอาไว้เพื่ออ้อนขอพาร์สนิปอบ สาเหตุก็มาจากฉินสือโอวหาเรื่องใส่ตัวด้วยการบิดพาร์สนิปอบใส่ปากมันหนึ่งชิ้น จากนั้นมันก็ยิ่งกินไม่หยุด เดินส่ายก้นซ้ายทีขวาที อยากได้ของกินไปเรื่อย
วินนี่พูดว่ามันอ้วนเกินไปไม่ควรให้อาหารมันอย่างไร้การควบคุมแล้ว ฉินสือโอวก็เลยไม่สนใจมันอีก ปรากฏว่าฉงต้าก็ลงไปนอนกับพื้นแล้วส่งเสียงร้องครวญครางออกมาทันที……
หู่จือและเป้าจือจ้องมองมาอย่างไม่วางตา จากนั้นก็ไม่ลังเลที่จะนอนลงที่พื้นแล้วลากเสียงในลำคอส่งเสียงร้องครวญครางออกมาเช่นกัน…
……………………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset