ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1664 กลโกง

ความเร็วของเฮลิคอปเตอร์ช้าเกินไป โชคยังดีที่เครื่องบินกีฬาของบิลลี่ยังจอดอยู่ที่ฟาร์มปลา ฉินสือโอวจึงใช้เครื่องบินของเขา เบิร์ดขับบินตรงไปสู่แฮมิลตัน
เหน็ดเหนื่อยตลอดทางจนไปถึงไร่ฟาร์มในเมืองเล็ก มือซ้ายของหลิวซูเหยียนจูงมือขวาของตั๋วตั่วไว้ และอีกมือก็อุ้มลูกน้อยรอที่หน้าประตู มีสุนัขพันธุ์บูลลี่ที่แข็งแรงสองสามตัวอยู่แถวเท้า
สุนัขพันธุ์บูลลี่เติบโตเต็มวัยแล้ว เปลี่ยนจากสุนัขตัวน้อยน่ารักๆ เมื่อก่อน เป็นสุนัขโตเต็มวัยที่มีความน่าเกรงขาม พวกมันนอนแลบลิ้นอยู่ล้อมรอบหลิซูเหยียนแม่ลูกไว้เหมือนกำลังปกป้อง ซึ่งทำให้คนรู้สึกปลอดภัยไปโดยธรรมชาติ
หลังจากฉินสือโอวลงจากรถก็เข้าไปอุ้มตั๋วตั่ว เธอจึงเรียน ‘ปาป๊า’ มาหนึ่งคำ เด็กน้อยดูหวาดกลัว ใบหน้าที่สวยงามของเธอซีดขาว ตาโตทั้งสองของเธอดูว่างเปล่า หลังจากกอดคอฉินสือโอวกลับ ก็ร้องเสียง ‘แว้’ ขึ้นมาแล้วร้องไห้อย่างทรมาน
“เป็นอะไรฮะเรา? โตขนาดนี้แล้วยังขี้แยอยู่นะเรา? ” ฉินสือโอวใช้นิ้วชี้เขี่ยไปที่จมูกน้อยๆ ของเธอแล้วยิ้มอย่างมีความสุขขึ้นมา
ตั๋วตั่วร้องไห้สะอื้นขณะกอดเขาไปด้วย แล้วพูดขึ้นว่า “พ่อ พ่อโดนพวกเขาจับตัวไปแล้ว!”
หลังจากได้ยินเรื่องนี้ใบหน้าของฉินสือโอวก็ดูเหยเก เขาถามว่า “ตำรวจท้องที่บังคับใช้กฎหมายอย่างรุนแรงแล้วเหรอ?”
หลังจากเขามาที่แคนาดาเขาก็ตระหนักถึงความจริงข้อหนึ่งว่า ไม่ว่าผู้หาประโยชน์หรือผู้กดขี่จะอยู่ประเทศไหนก็ตามก็เลวร้ายเหมือนกันทั้งนั้น เมื่ออยู่ในประเทศจีนประชาชนจะโจมตีเฉพาะตำรวจในประเทศและผู้บริหารในเมืองที่ไม่มีอารยะในการบังคับใช้กฎหมาย ในความเป็นจริงการบังคับใช้กฎหมายของตำรวจต่างประเทศมีความรุนแรงกว่ามาก!
ในแถบอเมริกาเหนือ ประเทศที่มีการอพยพมีความร้ายแรงเป็นพิเศษ ตำรวจในแคนาดาและสหรัฐอเมริกาส่วนใหญ่เป็นคนผิวขาว พวกเขาจะมีความรุนแรงในการบังคับใช้กฎหมายโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาจัดการกับคนผิวสี เช่นคนผิวดำ ชาวเม็กซิกัน ลาตินอเมริกา และเอเชีย
แม้แต่แคนาดาก็จงใจนำกฎข้อบังคับบางประการมาใช้เมื่อต้นปีนี้ โดยมีจุดประสงค์คือเพื่อยับยั้งความรุนแรงและภาพอนาจารของเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย บางครั้งพวกตำรวจที่ออกลาดตระเวนโดยมอเตอร์ไซค์ก็ถือโอกาสดูหมิ่นผู้ต้องสงสัยหญิง
หลิวซูเหยียนพยักหน้าแต่เดี๋ยวก็ส่ายหน้า แล้วพูดขึ้นว่า “ก็ไม่เชิง บอกได้แค่ว่าโดนบังคับเอาตัวไป ตอนแรกก็ไม่ได้มาในลักษณะไม่ดี แต่ตอนหลังพวกเจ้าหมาจะกัดพวกเขา เลยเกิดการขัดแย้งกันนิดหน่อย”
ฉินสือโอวตอบว่า “ถ้าอย่างนั้นผมก็เข้าใจล่ะ โอเค เรื่องนี้ปล่อยให้ผมจัดการเอง คุณดูแลเด็กให้ดีก็พอ ผมพาตั๋วตั่วไปดูสักหน่อย”
เขาไปที่สถานีตำรวจในตัวเมืองแฮมิลตัน พร้อมกับเออร์บัก ที่นี่เป็นอาคารแบบยุโรปดั้งเดิมที่เก่าแก่มาก มีรถตำรวจจอดอยู่เรียงรายบนถนน ในบางครั้งจะมีคนลากคนหนึ่งหรือสองคนออกจากรถตำรวจเข้าไปในสถานีตำรวจ
ฉินสือโอวถามด้วยความสงสัยว่า “ไหนบอกว่าการดูแลปกครอง ระเบียบวินัยที่แฮมิลตันดีที่สุดไง แต่ทำไมมาที่สถานีตำรวจแค่ที่เดียว กลับเจอหลายเคสขนาดนี้ได้ล่ะ?”
ระหว่างทางเออร์บักโทรศัพท์สองสามสาย หลังจากนั้นก็นิ่งเงียบมาตลอด พอได้ยินคำถามที่ฉินสือโอวถามจึงตอบว่า “ตั้งแต่เมื่อวานนี้แฮมิลตันได้เริ่มปฏิบัติการจัดการอาชญากรรมพวกยาเสพติดและคนเหล่านี้ล้วนเกี่ยวข้องกับปฏิบัติการนี้”
ฉินสือโอวรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ถามขึ้นว่า “การปฏิบัติการครั้งนี้คงจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับเด็กผู้เคราะห์ร้ายเรื่องสารเฟนทานิลหรอกนะ?”
เออร์บักพยักหน้า “ใช่แล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงแต่ก็มีความเกี่ยวพันกันอยู่”
รถจอดอยู่หน้าสถานีตำรวจ ฉินสือโอวไม่ได้ลงรถในทันที เขาคิดอยู่สักพักแล้วพูดขึ้นว่า “ถ้าอย่างนั้น เราไปเยี่ยมเด็กน้อยคนนั้นที่โรงพยาบาลก่อนดีกว่า ปู่หาที่อยู่ที่โรงพยาบาลเจอไหมครับ?”
เออร์บักตอบ “ฉันโทรถามก่อน ”
เบิร์ดที่นั่งข้างคนขับเขย่ามือถือไปมาแล้วพูดว่า “ไม่ต้องหรอกครับ มีรายงานในข่าวอยู่”
รถกลับลำมุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาลแห่งแรกของโรงเรียนแพทย์ในแฮมิลตัน ฉินสือโอวซื้อช่อดอกไม้และตะกร้าผลไม้ที่สวยงามหน้าประตูทางเข้า เมื่อเขาพบเคาน์เตอร์บริการเขาก็ถามเกี่ยวกับห้องพักของเด็กชายที่เข้าโรงพยาบาลเพราะสารเฟนทานิล
ห้องพักของเด็กชายค่อนข้างหรูหรา เป็นห้องเดี่ยวใหญ่ ดอกไม้และกระดาษจดหมายอวยพรจำนวนมากวางอยู่ที่หน้าประตู บางคนกุมมือและอธิษฐานอวยพรให้กับเขา
พอเป็นแบบนี้เขาก็ยิ่งงุนงง เด็กที่เสพสารเสพติดพวกนี้ทำไมถึงเหมือนฮีโร่แบบนี้? พวกเขาทำผิดกฎหมาย แม้ว่าจะไม่สามารถถูกจำคุกได้ด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ แต่ก็ควรถูกกักบริเวณไม่ใช่เหรอ?
เมื่อมาถึงหน้าประตู เขาก็บอกความตั้งใจที่มาหา ชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่ดูซีดเซียวเดินเข้ามาหา จับมือกับเขาแล้วพูดขึ้นว่า “ขอบคุณมากๆ ครับที่มาเยี่ยมคาร์ล ตอนนี้สภาพเขาดีกว่าตอนแรกมากเลยครับ”
ฉินสือโอวมองเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่าง มองเห็นเด็กชายผอมสูงที่มีสีหน้าซีดขาวนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย แค่เห็นสีผิวของเขาก็รู้แล้วว่าร่างกายมีปัญหาอยู่ ผิวของเขาไม่ได้ซีดเพียงอย่างเดียว แต่ยังออกสีฟ้าเล็กน้อย ในเวลานี้เขาใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือในการหายใจ ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะแย่ลง
ชายวัยกลางคน คนเป็นพ่อที่ยืนอยู่ข้างๆ ฉินสือโอว แววตาเต็มไปด้วยความโศกเศร้า เขาพูดขึ้นว่า “ตอนนี้เขาควรจะเรียนหนังสือและเล่นกีฬาอยู่ที่โรงเรียนถึงจะถูก แต่น่าเสียดายที่เขาทำสิ่งพวกนี้ไม่ได้อีกสักระยะ ยังต้องอยู่ที่โรงพยาบาลอีกนาน อีกอย่างก็ไม่รู้ว่าจะกลับมาแข็งแรงปกติได้หรือเปล่า พระเจ้า นี่ช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวเสียจริง!”
ฉินสือโอวตบไปที่บ่าของเขาแล้วพูดว่า “ต้องดีขึ้นอยู่แล้วครับ บอกผมหน่อยได้ไหมครับว่าเกิดอะไรขึ้น?”
ชายวัยกลางคนบอกว่า “ได้สิ ผมก็ได้ข่าวมาจากเพื่อนของเขาน่ะ ประมาณหนึ่งอาทิตย์ที่แล้วในตอนเย็นวันหนึ่ง หลังจากที่เขาเลิกเรียนก็ไปหาพ่อค้ายาที่เฮงซวยนี่กับเพื่อนเขา หลังจากนั้นก็ซื้อยามาจากเขาจำนวนหนึ่ง ซึ่งในยาเหล่านี้มีส่วนประกอบของสารเฟนทานิลอยู่ แล้วตอนนั้นพวกเขาไม่รู้ จนถึงเมื่อวานซืนตอนเย็นเจ้าเด็กนี่ก็อยู่ดีๆ พุ่งออกมาจากห้อง สีหน้าออกฟ้าๆ เขียวๆ หายใจลำบาก…”
ขณะที่เล่าไป ความเศร้าของชายวัยกลางคนก็ทะลักล้นออกมา คุกเข่าลงไปกับพื้นเอาสองมือปิดหน้าแล้วร้องไห้ออกมา “โธ่ ไอ้เลวพวกนั้นสมควรลงนรก! พวกเขาขายยาเสพติดให้กับเด็กๆ ได้อย่างไรกัน? พวกมันไม่มีลูกหรือไง?! คาร์ลที่น่าสงสารของฉัน คาร์ลที่น่าสงสารของฉัน!”
เออร์บักจับมือเขาแน่นแล้วพูดว่า “เชื่อผมเถอะ เพื่อนผอง ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น สถานการณ์ของเด็กคนนี้ก็ควบคุมไว้ได้แล้ว หลังจากนี้สิ่งที่คุณควรทำก็คือคอยอยู่ข้างๆ เขา ให้ความรักกับเขามากขึ้น!”
ชายวัยกลางคนสะอื้นและพูดว่า “ผมเข้าใจ ผมเข้าใจทุกอย่าง แต่สถานการณ์ของเราไม่ค่อยดี ผมไม่มีงานทำ ผมต้องอาศัยงานพาร์ทไทม์เพื่อเลี้ยงดูครอบครัว ผมดูแลเขาน้อยเกินไป ต้องโทษตัวผมเอง! พระเจ้า โทษที่ผมเอง ลงโทษผมแทนเถอะ ทำไมต้องลงโทษเด็กน้อยที่น่าสงสารด้วย?”
ฉินสือโอวและเออร์บักปลอบประโลมชายวัยกลางคนสักพัก หลังจากนั้นพวกเขาทั้งสองก็จากไป
พอเดินออกมานอกโรงพยาบาล ฉินสือโอวชะงักฝีเท้า ถามขึ้นว่า “ปู่ คุณคิดว่าผมต้องพูดอย่างไรถึงจะให้เขาช่วยพูดคำให้การที่เป็นประโยชน์กับโคโกโร่ได้?”
เออร์บักตอบว่า “เรื่องนี้ให้ฉันจัดการเอง เห็นได้ชัดว่า เพื่อนคนนี้ต้องการงานทำ พันธมิตรการประมงนิวฟันด์แลนด์ของนายยังขาดคนไม่ใช่เหรอ?”
พอได้ยินคำพูดนี้ฉินสือโอวก็ยิ้มอย่างขมขื่น นี่เป็นการใช้อำนาจในทางที่ผิดแล้ว
การเจรจาประสบผลสำเร็จด้วยดี หลังจากทุกคนไปที่ร้านอาหาร เออร์บักก็พูดตรงๆ ว่า “เพื่อน ตอนนี้คุณต้องการงานทำใช่ไหม? คืออย่างนี้ พวกเราหางานให้คุณทำได้ งานที่เป็นทางการและเหมาะสมที่สามารถจ่ายเงินประกันสังคมได้”
“จริงเหรอ?” พ่อวัยกลางคนถามขึ้นด้วยความดีใจ
เออร์บักแนะนำ “ท่านที่อยู่ข้างผมตอนนี้คือประธานที่พันธมิตรการประมงนิวฟันด์แลนด์ เขาสามารถช่วยคุณได้ แต่พวกเราก็อยากได้ความช่วยเหลือจากคุณเช่นกัน…”
ฉินสือโอวที่อยู่ข้างๆ นิ่งอึ้งไป ปู่เราทำแบบนี้จะดีเหรอ? นี่มันเป็นข้อตกลงส่วนตัวอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่เหรอ? นี่เป็นสิ่งที่กฎหมายห้ามอย่างเคร่งครัดไม่ใช่เหรอ?
…………………………………
Related

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset