ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1669 การค้นพบที่น่าตกใจ

ทั้งเดินเขาและเก็บผลไม้ป่ากินไปตามทาง
ไม่ได้มีเพียงแต่บลูเบอร์รีเท่านั้น แต่ยังมีแบล็กเบอร์รี เชอร์รีลูกเล็กๆ และองุ่นป่า มีบางชนิดเพิ่งงอกออกมาแต่ยังไม่สุก อย่างเช่นองุ่น ซึ่งต้องรอถึงเดือนสิงหาคมและกันยายนถึงจะสามารถกินได้ แต่องุ่นป่าต่อให้ลูกเล็กก็จะไม่มีรสชาติเปรี้ยว เมื่อเด็กๆ บังเอิญเจอเข้าก็รีบเก็บมากินทันที
วินนี่เจอดอกรักเร่ดอกหนึ่ง จึงหยิบกลีบดอกขึ้นมา แล้วพูดว่ากลับไปจะเอาไปตากแห้งและแช่น้ำดื่ม มันดีต่อการดูแลผิวและการชำระล้างสารพิษในตับ
นี่เป็นเรื่องที่ดี ฉินสือโอวจึงตบหน้าอกเบาๆ ทันทีและพูดว่า “สวนเสร็จเรียบร้อยเมื่อไร เรามาปลูกดอกรักเร่ไว้ในสวนกันเถอะ อยากชงชาดื่มเมื่อไรก็ทำได้ตลอด”
วินนี่ยิ้มแล้วพูดว่า “ตอนเที่ยงลองดูกันเถอะ ฉันก็ยังไม่เคยดื่มมาก่อน อาจจะไม่ชอบก็ได้”
ที่ออกมาคราวนี้ก็เพราะในช่วงต้นฤดูร้อนอากาศจะยังไม่ร้อนมากเกินไป หลังจากถึงบนเขาแล้วก็เดินรอบดูๆ ไม่ใช่เพื่อที่จะปีนเขาสูง ดังนั้นหลังจากเก็บผลเบอร์รีแล้ว พวกเขาก็หาที่หยุดพักตรงหัวมุมของแม่น้ำเจอ จากนั้นก็เริ่มทำความสะอาดริมฝั่งแม่น้ำและเตรียมทำอาหารกินกัน
เตาไม้ของฉินสือโอวมักจะมีส่วนช่วยในเวลานี้เสมอ วินนี่จุดเตาไม้แลเปลวไฟก็ลุกโชนขึ้นฟ้าทันที ไฟแรงมาก กอร์ดอนจึงหยิบไม้ขึ้นมาและแหย่ไม้เข้าข้างในนั้นเพื่อควบคุมไฟ สุดท้ายไม้ที่แหย่เข้าไปยิ่งทำให้ไฟลุกโชนขึ้นกว่าเดิม เขาตกใจกลัวมากจึงรีบขว้างไม้ออกไปไว้ที่ข้างๆ ไวส์
ไวส์ตกใจมาก จากนั้นก็โกรธมากจนอยากจะตีเขา เมื่อเห็นแบบนี้กอร์ดอนก็รีบตะโกนขึ้นว่า “ฝ่ามือเปลวไฟ นายใช้มันฝึกฝนฝ่ามือเปลวไฟได้!”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ไวส์จึงวางมือลงและแก้ไขให้ถูกต้องในทางวิชาการ “นั่นไม่ได้เรียกว่าฝ่ามือเปลวไฟ แต่เรียกว่าดาบเปลวเพลิง! ผมฝึกสำเร็จเมื่อไร ก็ไม่จำเป็นต้องใช้เตาไม้แล้ว!”
เมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินสือโอวก็รู้สึกอยากขอโทษบรูซและภรรยาเล็กน้อย ลูกชายอันมีค่าของพวกเขา แอนดรูว์ คาร์เนกีที่ดูเหมือนจะถูกเขาบังคับ เด็กคนนี้ไม่รู้ว่าต่อไปจะถูกส่งไปโรงพยาบาลจิตเวชไหม
วินนี่ใช้เตาไม้กาน้ำกาแฟ นีลเซ็นจึงโน้มตัวลงมาสูดดมกลิ่นพร้อมกับส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่อร่อยเท่ากาแฟบลูเมาท์เทน”
เบิร์ดผลักเขาออกไปและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นนายก็ไม่ต้องดื่ม งี่เง่าจริงๆ แค่ได้ดื่มกาแฟบลูเมาท์เทนในนิวยอร์กครั้งเดียว แกก็คิดว่าตัวเองได้เข้าสังคมชั้นสูงได้เหรอ?”
นีลเซ็นรู้สึกเสียใจมากและพูดว่า “ฉันแค่บอกว่ากาแฟนี้ไม่ดีเท่าบลูเมาท์เทน ไม่ใช่ว่าฉันจะดื่มไม่ได้ แต่นาย เบิร์ด นายกับแฟนสาวคนสวยคนนั้นเป็นไงบ้าง ยังดีอยู่ไหม?”
เบิร์ดไม่พูดพลางรินกาแฟหนึ่งแก้วแล้ววิ่งไปดื่มอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ
นีลเซ็นยิ้ม เขาก็รินกาแฟหนึ่งแก้ว จากนั้นก็เข้าไปหาฉินสือโอวแล้วพูดว่า “คุณรู้สึกไหมว่าสองวันมานี้ เบิร์ดจิตใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเลย?”
ฉินสือโอวรู้ว่าผู้ชายคนนี้ต้องการพูดถึงอะไร เขาจึงพูดว่า “เอาเถอะ ตอนนี้เบิร์ดก็จิตใจปกติดีแล้วและเขาก็เป็นคนดีอย่างแน่นอน”
หลังจากได้ฟังการประเมินครั้งนี้ เบิร์ดก็มีความสุขมาก จึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ขอบคุณสำหรับคำชมครับบอส”
ฉินสือโอวพยักหน้าและพูดต่อว่า “ลองคิดดูสิ เมื่อสองวันก่อนเขาตามฉันไปที่แฮมิลตันตลอด ฉันจะทำอะไรกับเขาได้? จิตใจของเขาต้องดีแน่นอน แต่พูดตามตรง เมื่อสองวันก่อนตอนที่ฉันพาเขาไปแฮมิลตัน จิตใจของเขาแย่มาก”
เบิร์ดจ้องตาเขม่น “…”
ในขณะที่กำลังพูดเล่นๆ ฉินสือโอวก็กางผ้าปูเตียงกระดาษน้ำมันไปด้วย จากนั้นก็วางเครื่องดื่ม ผลไม้และผลเบอร์รีที่เก็บมา ทุกคนอยากกินอะไรหยิบอันนั้น
เชอร์ลี่ย์นำเครื่องคั้นน้ำผลไม้ขนาดเล็กมาจากบาร์เครื่องดื่มของพวกเขา เธอนำบลูเบอร์รีที่ล้างแล้วใส่ลงไปในน้ำสะอาดอีกครั้ง จากนั้นก็นำมาคั้นเสียงดัง ‘ครืดครืด’ และกลายเป็นน้ำบลูเบอร์รีคั้นสดหนึ่งขวด
ฉินสือโอวแบ่งแก้วให้คนละใบ น้ำบลูเบอร์รีที่เพิ่งคั้นสดออกมาไม่มีรสเปรี้ยว มีเพียงแต่มีกลิ่นหอมหวาน ซึ่งดีกว่าเครื่องดื่มน้ำผลไม้ที่ซื้อมาก
เมื่อพักอยู่ในร่มริมฝั่งแม่น้ำจนถึงบ่ายโมงครึ่ง ในขณะที่กำลังหลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่ร้อนที่สุดของวัน พวกเขาก็ปีนกลับขึ้นไปบนถนนเพื่อเก็บบลูเบอร์รีและแบล็กเบอร์รีอีกครั้ง
ความเร็วจะเร็วมากขึ้นเมื่อลงจากเขา พวกเขาเดินกลับไปตามทางเดิม มีหู่เป้าฉงหลัวเป็นเจ้าถิ่นป่าเขาแห่งนี้และจะไม่มีสัตว์ป่าใดกล้าเข้าใกล้
ในความเป็นจริงตามความตั้งใจของฉินสือโอวที่ขึ้นภูเขาครั้งนี้ ก็เพื่อค้างคืน แต่วินนี่รู้สึกว่ามันเหนื่อยเกินไปที่จะแบกเต็นท์ขึ้นไปบนเขา วันนั้นจึงทำได้แค่เดินรอบไปตามของบนภูเขา
ในช่วงเย็น แสงของพระอาทิตย์จะตกสาดส่องกระทบกับทะเล คลื่นลูกกลมๆ ก็ซัดสาดมาตามสายลมบวกกับกระทบกับแสงจากพระอาทิตย์ พระอาทิตย์ตกจนกลายเป็นสีส้มแดง
ฉินสือโอวสวมกางเกงชายหาดเดินไปตามชายฝั่ง จิตสำนึกแห่งโพไซดอนก็ท่องเที่ยวไปรอบๆ ฟาร์มปลาและเอาพลังงานโพไซดอนป้อนลงโพลิป หอยนางรมลอยและสาหร่ายทะเลอย่างต่อเนื่อง
หลังจากนั้นจิตสำนึกแห่งโพไซดอนก็ย้ายกลับไปฟาร์มปลาต้าฉินสองอีกครั้ง สาหร่ายสีน้ำตาลและสาหร่ายหิมะน้ำแข็งเติบโตได้อย่างรวดเร็วมาก โดยเฉพาะสาหร่ายสีน้ำตาล สิ่งเหล่านี้เติบโตเร็วเป็นพิเศษในฤดูร้อนและสามารถเติบโตได้ถึงวันละ 1-2 เมตร
ฉินสือโอวมองไปที่สาหร่ายจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนใต้น้ำและรู้สึกว่าเกือบจะพร้อมใช้ผลิตอาหารปลาแล้ว
หลังจากออกตระเวนดูฟาร์มปลาต้าฉินสองได้สักพัก เขาก็นึกถึงวาฬหัวทุยที่ส่งมาและต้องการหาร่างของพวกมัน ด้วยเหตุนี้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนจึงไปตามติดอยู่กับวาฬหัวทุย เขาตะลึงเมื่อพบว่าเจ้าพวกนี้ไม่ได้อยู่ในฟาร์มปลาต้าฉินสอง แต่กำลังอยู่ใต้ทะเลลึกในฟาร์มปลาต้าฉิน!
ทรัพยากรประมงของฟาร์มปลาต้าฉินได้รับการพัฒนาเป็นอย่างมาก ความหนาแน่นของปลาและกุ้งที่นี่อาจมีมากที่สุดในโลก แม้ว่าจะอยู่ใต้ทะเลลึกก็ตาม และจะมีการค้าปลาทะเลเชิงพาณิชย์ราคาแพงนับไม่ถ้วน เช่นปลาหัวเมือกและปลาทูน่าครีบเหลือง ส่วนปลาอื่นๆ อย่างปลาค็อดและปลากระโทงสีน้ำเงินก็ยิ่งมีมาก
วาฬหัวทุยขนาดใหญ่หลายสิบตัวอาศัยอยู่ที่นี่ ส่งผลให้ทรัพยากรการจับปลาในทะเลผืนนี้ลดลงอย่างมาก จึงทำให้ฉินสือโอวรู้สึกกังวลใจ
สิ่งที่พวกมันกินอาจจะเป็นเงินทั้งหมด เขาไม่สนใจว่าพวกวาฬและฉลามจะกินปลาเลย แต่พวกคุณก็ไปกินปลาและกุ้งจากฟาร์มปลาสองและสามได้ไม่ใช่เหรอ? มูลค่าการเก็บเกี่ยวของฟาร์มปลาต้าฉินนั้นมีมากเกินไป
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะซักไซ้เรื่องนี้ ฉินสือโอวรู้สึกงงงวย เขาจึงออกคำสั่งย้ายวาฬหัวทุยอย่างชัดเจนและให้พวกมันไปที่ฟาร์มปลาต้าฉินสอง ทำไมเจ้าพวกนี้ถึงมาอยู่ที่นี่?
เมื่อจิตสำนึกแห่งโพไซดอนเข้าใกล้วาฬหัวทุยเหล่านี้ ฉินสือโอวก็ได้ควบคุมหัวหน้าที่เป็นผู้นำที่มีรอยแผลเป็นบนตามตัวของมัน จากนั้นก็พาพวกมันออกไปอีกครั้ง
พูดตามตรง เขาไม่ได้เต็มใจที่จะเลี้ยงเจ้าพวกตัวใหญ่เหล่านี้ด้วยทรัพยากรประมงอันมีค่าในฟาร์มปลา
เมื่อจิตสำนึกแห่งโพไซดอนติดอยู่กับหัวหน้าวาฬหัวทุยแล้ว จิตสำนึกก็ถ่ายทอดออกมา “เกิดอะไรขึ้น? ทาทา ทาทา มานี่…”
ฉินสือโอวหันหน้าและว่ายตามจิตสำนึกไปโดยไม่รู้ตัว แต่ในขณะเดียวกันเขาก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นทันที เมื่อเป็นเช่นนี้เขาจึงตกใจมาก!
นี่มันเรื่องอะไรกัน? เขา เขารู้สึกถึงจิตสำนึกใต้น้ำจริงเหรอ? ใช่ ตอนนี้เหมือนมีใครบางคนกำลังคุยกับเขาอยู่และเขาก็รับรู้ถึงจิตสำนึกนี้ได้อย่างชัดเจน! เมื่อกี้จิตสำนึกนั้นเรียกเขาแล้วยังเรียกเขาว่า ‘ทาทา’ อีกด้วย?
แต่สิ่งนี้ไม่น่าเป็นไปได้ นอกจากมนุษย์แล้ว สิ่งมีชีวิตชนิดอื่นจะมีจิตสำนึกที่เป็นอิสระได้อย่างไร?!
……………………
Related

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset