ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1712 ตั้งโรงงานแล้ว

สำหรับเพื่อนร่วมชาติจากประเทศจีนที่มาทำงานแล้ว พวกเขาไม่ได้คาดหวังสูง พวกเขาไม่กลัวหาเงินได้น้อย แค่อย่าถูกหลอกก็เป็นพอ ดังนั้นเมื่อเข้ามาสัมภาษณ์แล้วเห็นว่าผู้สัมภาษณ์สองในสามคนเป็นเพื่อนร่วมชาติเดียวกับเขาแล้ว ก็รู้สึกวางใจขึ้นมาอย่างมาก
การสัมภาษณ์ประเภทนี้ง่ายมาก ก็แค่ถามคนเหล่านี้ว่าเมื่อก่อนตอนอยู่จีนเคยทำงานอะไรมาก่อน แล้วก็บอกว่าฟาร์มปลาต้าฉินสองที่พวกเขาจะไปนั้นค่อนข้างเงียบเหงา ไม่ค่อยมีกิจกรรมสันทนาการอะไร ถามพวกเขาว่าสามารถทนความเหงาได้ไหมเท่านั้น
เครื่องจักรที่ใช้ผลิตอาหารปลานั้นเป็นเครื่องจักรที่อัจฉริยะมาก ใช้งานค่อนข้างง่าย แต่ก็ยังจำเป็นต้องใช้คนงานที่มีทักษะในการคุมเครื่องอยู่บ้าง ดังนั้นจึงต้องดูประวัติการศึกษาด้วย มาตรฐานที่ฉินสือโอวตั้งไว้คือต้องจบมัธยมปลาย อายุตั้งแต่ยี่สิบห้าถึงสามสิบห้าปี คนอายุวัยนี้นอกจากจะสามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้แล้ว ยังมีความรับผิดชอบที่ค่อนข้างสูงอีกด้วย
ตลอดการสัมภาษณ์ฉินสือโอวถามคำถามไม่มาก ส่วนมากจะเป็นเกิงจุนเจี๋ยมากกว่าที่แสดงฝีมือ เขาวางมาดเหมือนกับตอนที่เป็นหัวหน้ากองทหาร ก็คือเริ่มจากใช้ท่าทีสุขุมและสายตาที่ดุดันคุมเชิงคนมาสัมภาษณ์ก่อน จากนั้นค่อยทำการพูดคุย ไม่น่าเชื่อว่าสามารถคุยจนได้รู้เรื่องมากมายด้วย
เนื่องจากมีที่ว่างอยู่ที่หนึ่งพอดี ฉินสือโอวจึงเปลี่ยนให้เกิงจุนเจี๋ยไปนั่งตรงที่นั่งผู้สัมภาษณ์หลักตรงกลาง แล้วชมว่า “ไม่น่าเชื่อจริงๆ นะเกิงว่านายจะมีความสามารถด้านนี้ด้วย โอเค การไปฟาร์มปลาตาฉินสองในครั้งนี้ นายก็คือหัวหน้างานแล้วกัน ทั้งทัศนคติและงานของคนงานนายต้องจัดการให้ดีนะ”
เกิงจุนเจี๋ยหัวเราะเหอๆ แล้วพูดว่า “ได้เลยครับบอส คุณวางใจได้ ผมจะดูแลทีมนี้ให้ดีที่สุดเลยครับ”
สัมภาษณ์คนงานไปเก้าสิบหกคน ในจำนวนนั้นมีแรงงานที่มาจากประเทศจีนแปดสิบสี่คน มีแค่สิบสองคนที่เป็นคนท้องถิ่นของแคนาดา และแน่นอนว่าล้วนเป็นคนที่อพยพมาทั้งหมด
เมื่อเป็นแบบนี้ทั้งสามคนจึงปรึกษากันแล้วทำการคัดเลือกแบบง่ายๆ กัน จนเหลืออยู่เจ็ดสิบคน แต่ฟาร์มปลาไม่ต้องการคนเยอะขนาดนี้ เกิงจุนเจี๋ยจึงเสนอว่าให้จัดการแข่งขันเพื่อคัดคนออกขึ้นมา เวลาทดลองงานสามเดือน เดือนแรกจะคัดออกห้าคน เดือนที่สองคัดออกสามคน เดือนที่สามคัดออกสองคน สุดท้ายก็จะเหลือหกสิบคนที่เป็นพนักงานอย่างเต็มตัว
เมื่อเป็นแบบนี้ ในช่วงทดลองงานสามเดือนเหล่าพนักงานก็จะแสดงศักยภาพการทำงานที่เยี่ยมยอดออกมา พอเวลาผ่านไปสามเดือนแล้ว ถึงแม้จะไม่ถูกคัดออก แต่เพราะก่อนหน้านี้พวกเขาได้ฝึกนิสัยที่ดีให้ตัวเองแล้ว ภายหลังก็จะดูแลจัดการได้ง่ายขึ้น ประสิทธิภาพการทำงานก็จะดีขึ้นอีกด้วย
พอทำการเลือกรายชื่อพนักงานแล้ว เถ้าแก่ชาวยิวบรันท์ คาร์ลก็เข้ามาแสดงความยินดีพร้อมกับเก็บเงิน หนึ่งหัวเก็บที่สองร้อยดอลลาร์แคนาดา เท่านี้ก็เท่ากับว่าเขาได้เงินกว่าหนึ่งหมื่นสี่พันดอลลาร์แคนาดาไปได้อย่างง่ายดายเลย
การเซ็นสัญญาก็เซ็นกับเถ้าแก่ชาวยิวด้วย คนงานเหล่านี้ไม่ได้ขึ้นตรงกับฟาร์มปลา เรื่องจำพวกประกันสังคมและจ่ายภาษีก็เป็นบริษัทจัดหางานรับผิดชอบเช่นกัน บรันท์ คาร์ลบอกว่าเขาเปิดบริษัทตัวแทนจัดหางานด้วยเช่นกัน และยินดีที่จะเป็นตัวแทนดูแลพนักงานให้ฉินสือโอว
การทำแบบนี้มีข้อดีสองข้อ ข้อแรกคือถ้าพนักงานมีปัญหาจะไม่เกี่ยวอะไรกับฉินสือโอว เขาไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ ข้อสองคือหากว่าเขาไม่พอใจกับพนักงานคนไหน สามารถเปลี่ยนได้ทุกเมื่อ บรันท์ คาร์ลจะเปลี่ยนคนให้เขาฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย สรุปก็คือ ฉินสือโอวกับคนงานเหล่านี้จะไม่มีปัญหาทางด้านกฎหมาย เงินเดือนพนักงานเขาจะส่งผ่านให้บรันท์ คาร์ล แล้วให้บรันท์เป็นคนจ่ายให้คนงาน
ฉินสือโอวรู้สึกว่าการร่วมงานกันแบบนี้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว จึงทำการเซ็นสัญญาตัวแทนดูแลพนักงาน บรันท์รับปากว่าวันถัดไปจะทำการส่งพนักงานไปให้เขาเลย เขากับพวกเกิงจุนเจี๋ยจึงเดินทางกลับไปที่ฟาร์มปลาต้าฉินสองก่อน
การจะเปิดโรงงานใหม่มีงานที่ต้องเตรียมมากมาย แต่ว่างานหลักๆ ได้มีผู้ช่วยของเขาทิญากับผู้เชี่ยวชาญของพันธมิตรการประมงนิวฟันด์แลนด์ช่วยเขาจัดการแล้ว อย่างเช่นพวกยื่นเรื่องขอใบอนุญาตทำการ เปิดบัญชีสำหรับประกันสังคม และภาษีในการเปิดโรงงานเป็นต้น
ความจริงฉินสือโอวคิดจะให้ทางพันธมิตรสภาการประมงเป็นคนจัดการเรื่องการรับสมัครคนงานเสียด้วยซ้ำ แต่พอกลับมาคิดแล้วก็รู้สึกว่าการทำแบบนั้นออกจะเกินไปหน่อย จึงไม่ได้ทำ เขาเพียงแค่ให้ทิญาหาคนไปช่วยเขาจัดการเดินเรื่องเกี่ยวกับการเปิดโรงงานเท่านั้น
ตอนนี้เขาได้หาคนมาครบแล้ว ได้เวลาเตรียมขั้นต่อไป เนื่องจากงานเตรียมการต่างๆ ได้ทำเสร็จหมดแล้ว ที่เหลืออยู่ก็แค่ผลิตผลิตภัณฑ์ออกมาเพื่อให้กระทรวงการเกษตรและกระทรวงสาธารณสุขมาตรวจสอบเท่านั้น พอทุกอย่างไม่มีปัญหา ก็สามารถปล่อยขายในตลาดได้แล้ว
ฉินสือโอวเดินทางไปฟาร์มปลาต้าฉินสองวันนั้นเลย ฟาร์มปลาต้าฉินสองในตอนนี้ไม่ใช่ที่เก่าผุพังเหมือนกับตอนแรกที่เขาซื้อมาแล้ว เริ่มจากน้ำทะเลที่สะอาดขึ้น แล้วก็มีบ้านอยู่ริมชายฝั่งหลายหลัง แถมยังเป็นบ้านใหม่อีกด้วย
นอกจากห้องปฏิบัติการแล้ว เขายังได้ทำการสร้างอพาร์ตเมนต์ของพวกชาวประมงตรงฝั่งทิศใต้ของฟาร์มปลาอีกด้วย ตึกเล็กเก็บไว้ให้เขากับคนสนิทพัก ส่วนเหล่าคนงานผลิตอาหารให้ไปพักในอพาร์ตเมนต์ของชาวประมง
ในทางตรงกันข้าม ตรงฝั่งทิศเหนือได้สร้างโกดังสูงใหญ่หลายหลังไว้ แถมยังมีที่กำลังก่อสร้างอยู่อีกด้วย เพราะสิ่งที่จำเป็นอย่างมากในการผลิตอาหารปลาก็คือโกดังนี่แหละ สาหร่ายทะเลที่ตากแห้งแล้ว วัตถุดิบจำพวกผงสกัดจากกระดูกสัตว์และแป้งที่ขนมา อาหารปลาที่ผลิตเสร็จแล้วล้วนจำเป็นต้องส่งไปเก็บไว้ในโกดังทั้งนั้น
บนท้องทะเล เรือเก็บสาหร่ายทะเลสองลำที่เขาจ้างมากำลังเดินเครื่องทำงานกันเสียงดังอึกทึก บนชายหาดได้มีการแบ่งเขตไว้หลากหลาย สาหร่ายทะเลเป็นเส้นๆ ที่รูปร่างราวกับงูตัวยาวที่เลื้อยไปมาอยู่ด้านบน วางเรียงรายไปทั่ว สวยตระการตามาก
เรือเก็บสาหร่ายสองลำเป็นเรือคนละรุ่น เขาไม่ได้ซื้อ แค่จ้างมาก่อนเท่านั้น เพื่อดูว่ารุ่นไหนใช้งานได้ดีกว่าแล้วค่อยซื้อรุ่นนั้นทีหลัง
แม้บอกว่าเป็นเรือเก็บสาหร่าย แต่ความจริงน่าจะเรียกว่าเป็นเรือเก็บสาหร่ายคอมบุมากกว่า การเพาะสาหร่ายคอมบุเป็นธุรกิจที่เติบโตได้ดีที่สุดในอุตสาหกรรมการเพาะสาหร่ายทะเลในแคนาดา แต่ละปีมีสาหร่ายคอมบุกว่าหลายแสนตันเลยที่ถูกส่งเข้าไปขายในตลาด
เรือสองลำนี้มีลำหนึ่งที่เป็นเรือท้องแบน อีกลำเป็นเรือท้องหยดน้ำทั่วไป เรือแบบแรกใบพัดของเรือจะอยู่ตรงมุมทั้งสี่ใต้ท้องเรือ ส่วนแบบหลังก็จะเหมือนเรือทั่วไปที่อยู่ตรงท้ายเรือ
จุดที่เหมือนกันก็คือทั้งสองข้างของเรือทั้งสองรุ่นจะมีเครื่องตัดใต้น้ำที่ทั้งยาวและแหลมคมอยู่สองเครื่อง ตรงท้ายเรือสามารถปล่อยของที่เหมือนกับสไลเดอร์ลงมาอันหนึ่ง เท่านี้พอเครื่องตัดทำการตัดสาหร่ายสีน้ำตาลจากใต้น้ำเสร็จแล้ว สาหร่ายสีน้ำตาลก็จะเหมือนถุงลมนิรภัยลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ แล้วก็จะถูกส่งขึ้นเรือผ่านสไลเดอร์อันนี้ เท่านี้งานก็เสร็จสิ้นแล้ว
พอถึงฟาร์มปลาแล้วฉินสือโอวก็ปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนออกไป ทำให้เห็นว่าเรือทั้งสองลำได้ทำงานกันจากทั้งสองฝั่ง เครื่องตัดใต้น้ำได้หมุนทำงานไม่หยุด เมื่อเจอเข้ากับใบและก้านของสาหร่ายสีน้ำตาลแล้วก็จะพันแล้วตัดเลยทันที
อากาศในใบสามารถทำให้ใบลอยขึ้นมาได้ เมื่อสาหร่ายสีน้ำตาลลอยขึ้นมาแล้ว ก็จะถูกเครื่องตักเก็บดักใบที่ทั้งใหญ่และยาวนั้นขึ้นไปวางตรงปากสไลเดอร์แล้วก็จะถูกเลื่อนขึ้นมาบนเรือ
การทำแบบนี้มีข้อดีข้อหนึ่ง  นั่นก็คือของที่เก็บเกี่ยวได้จะเป็นก้านและใบของสาหร่ายสีน้ำตาลเสมอ จะไม่ทำร้ายโดนรากของมัน สามารถป้องกันไม่ให้กระทบต่อชีวิตของมัน ทำให้สามารถเจริญเติบโตได้เรื่อยๆ และมีสาหร่ายสีน้ำตาลให้เก็บได้เรื่อยๆ ด้วย
ฉินสือโอวมองแล้วก็พยักหน้า เรือท้องแบนขับเข้ามา เครื่องยกของได้ยกสาหร่ายสีตาลขึ้นไปบนชายหาดราวกับกำลังยกภูเขาลูกเล็กอยู่ หลังจากแผ่ออกมาแล้วก็เริ่มต้อนรับแสงอาทิตย์ที่แผดร้อน
เมื่อเห็นการมาถึงของเขา ซีมอนสเตอร์ที่เป็นคนนำการทำงานก็ได้กระโดดลงมา พูดว่า “ทุกอย่างราบรื่นดีครับ บอส การเติบโตของสาหร่ายสีน้ำตาลที่นี่ดีมากเลย แถมยังดึงดูดปลามาได้จำนวนไม่น้อยด้วยครับ ลองทายดูสิครับว่าตอนที่เก็บสาหร่ายสีน้ำตาลพวกผมเจอกับอะไรเข้า?”
ฉินสือโอวหัวเราะแล้วพูดว่า “เป็นฝูงปลาค็อดหรือเปล่า?”
ซีมอนสเตอร์ส่ายหัว หรี่ตาแบบมีลับลมคมในแล้วพูดว่า “คุณต้องแปลกใจแน่ครับ เป็นฝูงปลานั่นแหละ แต่ไม่ใช่ปลาค็อด แต่เป็นปลาเก๋าลายจุดอเมริกาครับ!”
พอได้ยินแบบนี้แล้วฉินสือโอวก็แปลกใจจริงๆ จึงถามไปอย่างสงสัยว่า “ปลาเก๋าลายจุดอเมริกา นายแน่ใจนะ? นี่พระเจ้าชอบฟาร์มปลาของฉันมากเลยใช่ไหมเนี่ย?”
………………………………
Related

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset