ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1697 มีลูกแล้ว

ไม่น่าเชื่อว่าคนจะชอบข้าวโพดย่างยิ่งกว่าเนื้อย่างกับปลาย่างเสียอีก ฉินสือโอวย่างเสร็จแล้วก็ยกไป พอพวกเขาชิมเสร็จก็พากันทิ้งเนื้อในมือทันทีแล้วก็แย่งข้าวโพดมาเริ่มแทะ
รสนิยมแต่ล่ะคนแตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์มาก เกิงจุนเจี๋ยพวกคนจีนสิบคนกินรสเผ็ด เด็กๆ กินรสหวาน พวกชาวประมงเกาะแฟร์เวลกินรสหอม ส่วนพวกผู้หญิงกินรสเปรี้ยว ต่างรสกันไป
ที่จริงจานหลักวันนี้ก็คือปูดันเจเนสส์ ตอนเพิ่งจับขึ้นมาเรคไม่ได้สนใจ ตอนฉินสือโอวเตรียมนึ่ง เรคเห็นก็ตกใจขึ้นมา “โห ปูดันเจเนสส์? แอตแลนติกเหนือมีปูดันเจเนสส์ด้วยเหรอ? ผมดูผิดหรือว่าผมดูผิด?”
ปูดันเจเนสส์เป็นปูหายากในหมู่ปูทะเล จากชื่อก็ดูออก ปกติจะคิดว่าพวกมันอาศัยในแถบหมู่เกาะอะลูเชียนของอะแลสกาไปจนถึงมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออกเฉียงเหนือของทางใต้ของแคลิฟอร์เนีย มหาสมุทรแอตแลนติกไม่มีปูแบบนี้
ฉินสือโอวพูดยิ้มๆ “นี่คือพลังของเทคโนโลยีเพื่อน ผมว่าตอนนี้คุณคงรู้แล้วว่าทำไมผมถึงต้องจ้างศาสตราจารย์แซนเดอร์สมาทำงานด้วยเงินเดือนสูงขนาดนี้?”
สีหน้าของเรคเต็มไปด้วยความนับถือ เขาก็เกิดในครอบครัวชาวประมง รู้ดีว่านี่หมายถึงอะไร “ศาสตราจารย์แซนเดอร์สทำสำเร็จจริงๆ? ถ้าปูดันเจเนสส์สามารถเพาะเลี้ยงในมหาสมุทรแอตแลนติกได้ เรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดยอดมาก!”
ปริมาณการผลิตปูดันเจเนสส์กำลังลดลงทุกปี สิบปีมานี้ปริมาณผลิตประจำปีของปูชนิดนี้ลดลงเหลือปริมาณผลิตที่อยู่ในเกณฑ์ต่ำที่หนึ่งหมื่นห้าพันตันจากปริมาณการผลิตเกณฑ์สูงสามหมื่นตัน ปริมาณผลิตลดฮวบเหลือครึ่งหนึ่ง!
แน่นอนว่าเทียบกันแล้วราคาของปูดันเจเนสส์ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี ราคาของมันไม่ได้แค่เพิ่มมา 50% แต่จากสิบปีก่อนมาวันนี้เพิ่มขึ้นมาสิบเท่าแล้ว ดังนั้นถ้ามหาสมุทรแอตแลนติกก็สามารถผลิตปูดันเจเนสส์หายากเลิศรสได้ งั้นก็จะส่งผลต่อการประมงท้องถิ่นอย่างมาก
ฉินสือโอวไม่ถือที่ทุกคนจะเลี้ยงปูดันเจเนสส์ด้วย แต่ไม่มีพลังโพไซดอนมาหนุน ปูพวกนี้ก็ไม่แน่ว่าจะรอดมาได้ ต่อให้รอดมาได้ก็ไม่ได้โตไวเหมือนของฟาร์มปลาต้าฉิน
เทียบกับพวกปูจักรพรรดิ ปูยักษ์แทสเมเนีย ปูสีน้ำตาล ขนาดตัวของปูดันเจเนสส์ถือว่าเล็ก ต่อให้มีพลังโพไซดอนเสริมความแกร่งก็แค่ประมาณกิโลกว่าๆ เท่านั้น ที่โตได้ถึงสองกิโลกรัมมีน้อยมาก
ปูหนึ่งกิโลกรัมก็ใหญ่ประมาณจานธรรมดาหนึ่งจาน พอแบ่งเป็นสองซีก ก็ใส่ปูชิ้นล่ะจานพอดี
เพียงแต่แม้ว่าปูดันเจเนสส์จะตัวเล็กแต่ผลผลิตเนื้อกลับสูงมาก ไข่ก็เยอะกว่า กรกฎาคมก็เป็นช่วงที่ดีที่จะกินปูดันเจเนสส์แล้ว กันยายนกับตุลาคมเป็นฤดูผสมพันธุ์ของปูดันเจเนสส์ ปูดันเจเนสส์ในเดือนกรกฎาคมกับสิงหาคมไข่ปูดันเจเนสส์จะใหญ่ที่สุด
ในน่านทะเลมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือ ช่วงนี้ไม่สามารถจับปูดันเจเนสส์ได้ ต่อให้ถึงฤดูที่จับได้ ตอนนี้แคนาดากับอเมริกาก็ออกกฎห้ามจับปูตัวเมีย แน่นอนว่าที่จริงปูตัวเมียก็เข้าสู่ตลาดแล้ว เพียงแต่เอาไว้สำหรับคนรวยและผู้มีอำนาจ คนทั่วไปไม่มีทางหามาได้ ไม่ต้องพูดถึงปูตัวเมียหรอก เจอสักตัวยังยากเลย
ที่ฉินสือโอวจับขึ้นมาครั้งนี้ก็มีแต่ปูตัวเมีย ไข่ปูใหญ่อย่างกับถ้วยน้ำชา พอนึ่งเสร็จกลายเป็นสีเหลืองทองออกแดงส้ม พอแกะออกกลิ่นหอมหวนก็คลุ้งขึ้นปะทะจมูก
“ให้ตาย กลิ่นหอมสุดยอดเลย!” ฮิลตันคนน้องที่ได้กลิ่นหอมก็อดสบถคำหยาบออกมาไม่ได้ เธอรู้ตัวหลังจากนั้นจึงมองเบิร์ดด้วยสีหน้ากังวลเล็กน้อย เบิร์ดพูดด้วยเสียงที่ดังกว่า “ให้ตาย กลิ่นหอมมากจริงๆ ด้วย!”
ฮิลตันคนน้องหัวเราะออกมาแบบคนมีอาการทางจิตนิดๆ ฉินสือโอวส่ายหน้า ดูท่าความรู้สึกที่สาวน้อยคนนี้มีให้เบิร์ดจะไม่ได้เล่นๆ นะเนี่ย
ปูดันเจเนสส์นำมาปรุงได้หลายวิธี เวลาคนอเมริกากับแคนาดากินจะชอบปรุงโดยการย่างซอส แต่ฉินสือโอวคิดว่าการกินปูโดยเฉพาะปูสดๆ จะต้องนึ่ง และต้องนึ่งแบบปิดฝาด้วย ปูที่นึ่งแบบนี้ถึงจะได้รสชาติสดๆ
ต่างกับปูอื่นนิดหน่อย ปูดันเจเนสส์ไม่ได้แค่หอมเท่านั้น ยังมีรสหวานด้วย การผสมผสานระหว่างรสหวานกับหอมแบบนี้แหละถึงมี ‘รสชาติราวสมบัติ’ เป็นเอกลักษณ์ออกมา รสชาติแบบนี้ก็คือที่มาของชื่อปูชนิดนี้ ไม่ใช่เพราะมันแพงราวสมบัติล้ำค่า
ว่ากันว่าโจรสลัดกลุ่มหนึ่งเป็นคนตั้งชื่อให้กับปูชนิดนี้ คนพวกนั้นล่องทะเลปล้นสมบัติกับเหรียญทองทั้งปี ภายหลังจับปูชนิดนี้ได้ในแถบทะเลอะแลสกาเอามาต้มกินแล้วพวกเขารู้สึกว่ารสชาตินี้เหมือนรสชาติเวลาปล้นสมบัติ
ฉะนั้นวิธีที่ดีที่สุดที่จะกินปูนี้ก็ไม่ใช่การใช้มีดกับส้อมหั่นกินทีล่ะนิดเหมือนที่พวกชนชั้นสูงในอเมริกากับยุโรปทำ แต่เป็นการใช้มือหักเป็นสองท่อน จากนั้นก็ใช้มือแคะแกะกิน เพราะคนค้นพบปูดันเจเนสส์ในตอนนั้น พวกโจรสลัดก็กินกันแบบนี้
ฉินสือโอวแกะเอาไข่ปูมันวาวออกมาอย่างระมัดระวังแล้วแบ่งเป็นสองครึ่ง ครึ่งหนึ่งแบ่งให้วินนี่อีกครึ่งให้ลูกสาว เพราะประสบการณ์ที่แม่แทะข้าวโพด สาวน้อยทีนี้เลยฉลาดขึ้นมา ได้ไข่ปูมาก็รีบยัดเข้าปากทันที
ทุกครั้งที่เห็นลูกสาวกินข้าว ท่านชายฉินก็แปลกใจทุกครั้ง ปากจีบเล็กๆ แบบนี้จู่ๆ กลายเป็นใหญ่ปานนั้นได้ไง? ไข่ปูครึ่งชิ้นไม่เล็กเลย แต่สาวน้อยก็ยัดเข้าไปจนได้…
หมีโลลิได้กลิ่นหอมหวานของปูดันเจเนสส์ มันเลยสาวเท้าถี่ยิบวิ่งมาหาแล้วจ้องปากจีบเล็กของเถียนกวาด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็นอย่างตั้งใจ เถียนกวาก็รู้ว่ามันอร่อยเลยใช้มือป้องปากแล้วรีบเคี้ยวราวกับหนูที่มาแอบขโมยของกิน
วินนี่หัวเราะเบาๆ รอจนเธอกินเสร็จแล้วก็เอาอีกครึ่งในมือให้ คราวนี้สาวน้อยไม่ได้กิน แต่หันหัวไปหาแมวน้ำลายพิณที่เล่นเป็นเพื่อนเธอเมื่อบ่ายแล้วก้าวขาสั้นเล็กออกไปแบ่งให้แมวน้ำตัวล่ะคำ
คราวนี้วินนี่โมโหแทบบ้า แม่เหลือไว้ให้ลูกกินนะ!
ฉินสือโอวหัวเราะพลางหาไข่ปูอีกชิ้นให้วินนี่ แต่วินนี่กินไปคำเดียวจู่ๆ ก็เอี้ยวตัวอ้วกออกมา ฉินสือโอวตกใจจึงเอ่ยถาม “กลิ่นมันคาวมากเลยเหรอ?”
วินนี่มองมาทางเขาช้าๆ แล้วส่ายหน้า ฉินสือโอวเริ่มกลัว เขาถามว่า “งั้นวันนี้ไปกินอะไรมาที่เมือง? ท้องเสียหรือเปล่า?”
ฮิลตันคนน้องพูดเนิบๆ “คงจะท้องล่ะมั้ง? จริงไหม ก็เป็นไปได้”
เธอพูดเล่นเฉยๆ ปรากฏว่าวินนี่ยักไหล่ บุ้ยปากทำหน้าประมาณว่าก็แบบนั้นแหละ
ฉินสือโอวเปลี่ยนท่าทางทันที “เฮ้ย!”
ในตอนนั้นมีเพียงคำนี้ที่บรรยายความรู้สึกเขาได้!
ครู่ต่อมาเขาก็ดีอกดีใจยกใหญ่ โห่ร้องว่า “จริงๆ เหรอเนี่ย? ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
วินนี่พยักหน้าแล้วพูดว่า “ตอนแรกอยากจะเซอร์ไพรส์คุณ ตอนนี้ดูท่าคงต้องเป็นวันนี้แล้วล่ะ ใช่ ฉันก็เพิ่งรู้สึกตัวตอนที่กลับมาจากงานบริจาคของโรงเรียน”
ฉินสือโอวโยนปูดันเจเนสส์ในมือทิ้งแล้วกอดวินนี่หมุนรอบด้วยความดีใจสุดขีด ปูดันเจเนสส์ที่ตกพื้นทำให้เกิดสงครามเล็กๆ ขึ้น หู่เป้าฉงหลัวได้กลิ่นหอมหวานจึงพุ่งเข้ามาแย่งกัน แม้แต่พี่น้องเฟอเรทกับราชาซิมบ้าที่ปกติไม่ยุ่งก็เข้ามาแย่งด้วย
“บอส เป็นอะไรครับ?” เหล่าชาวประมงลิ้มรสปูดันเจเนสส์แสนอร่อยพลางถามด้วยความสงสัย
“ไม่รู้สิ”
“มีลูกน่ะสิ” เบิร์ดพูดขึ้น
“เฮ้ย!” พวกชาวประมงก็ตะลึงกันหมด
…………………………
Related

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset