ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1699 ขี่วาฬด้วยกัน

การเป็นชาวประมงลำบากมากๆ ตั้งแต่เช้าฟ้ายังไม่สว่างจู่ๆ เรือฮาวิซทกับเรือนกนางนวลก็แล่นไปจับปลาในเขตทะเลลึกทั้งวัน
แต่ที่ลำบากก็คือคนงาน นายทุนก็สบายไป ฉินสือโอวตื่นตั้งแต่ตอนตะวันเพิ่งขึ้น ออกข้างนอกถ่ายรูปหันเข้าหาพระอาทิตย์สองใบแล้วอัปเดตลงโซนกับโมเมนต์จากนั้นก็ทำเป็นพิมพ์สร้างภาพไร้สาระว่า ‘รักแสงอาทิตย์ยามรุ่ง’ ‘การดิ้นรนเริ่มตั้งแต่วินาทีแรกของทุกวัน’ วันดีๆ กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
แต่ว่างานที่เขาต้องทำก็ไม่น้อย วิ่งออกกำลัง ทำความสะอาดคอกม้า เปากงกับตี้หลูโตแล้ว กินเก่งถ่ายหนักขึ้นทุกวัน ทุกครั้งที่ท่านชายฉินเห็นอึกองโตก็อนาถใจทุกที
ทำธุระทั้งหมดนี้เสร็จเขาก็นึกถึงข้อเสนอของเหล่าชาวประมงเมื่อคืน บอกว่าจะจัดสงครามผู้กล้า แบบนี้เขาต้องลงมือทำเกราะแล้วก็อาวุธชุดหนึ่ง เสน่ห์ของกิจกรรมก็อยู่ตรงนี้แหละ ของของผู้เข้าร่วมล้วนทำขึ้นด้วยตัวเอง
ฉินสือโอวเกาคาง ด้านนี้เขาไม่ค่อยถนัด แต่บิลลี่งมเกราะลามินาร์ชุดหนึ่งขึ้นมาจากซากเรือโจรสลัดขวานดำไม่ใช่เหรอ? งั้นก็ทำเลียนแบบชุดหนึ่งก็จบ ขอแค่มีแผ่นเหล็กจำนวนมากพอเท่านั้น
คิดมาถึงตรงนี้ตาของเขาก็เปล่งประกาย ก่อนหน้านี้ได้ปลาจระเข้จากคฤหาสน์ตระกูลฮิลตันมา ตอนฆ่ามันเขาถอดเกล็ดปลาแวววาวชิ้นโตไว้เพียบ เอามาใช้ทำเกราะได้ ชาวอินเดียแดงสมัยก่อนก็ทำอย่างนี้
ต้องขอบคุณเสี่ยวเถียนกวาที่ตอนนั้นอยากดูปลาจระเข้ ฉินสือโอวเก็บสะสมไว้กะว่าจะให้เธอเป็นของเล่น ตอนนี้ดูท่ามันจะทำประโยชน์ได้มากกว่า นั่นคือทำเกราะลามินาร์ชุดหนึ่ง
ตอนสิบโมงอุณหภูมิสูงขึ้น ฮิลตันคนน้องก็ออกมาหาฉินสือโอวให้พาเธอไปขี่วาฬหัวทุย
เด็กสาวคนนี้สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว ดูจากขนาดและสไตล์แล้วคงเป็นของเบิร์ด นอกจากขาขาวๆ เกลี้ยงเกลาแล้วก็เป็นเท้าเปล่า พอฉินสือโอวเห็นก็ส่ายหน้ารัวแล้วพูดว่า “ศีลเสื่อมแล้ว! แย่แล้ว! แย่แล้ว!”
แต่พูดกันจริงๆ สาวสวยๆ ใส่เสื้อเชิ้ตผู้ชายก็ดูดีไปอีกแบบ ท่านชายฉินส่ายหน้าพลางชื่นชมขณะที่ตัดสินใจไปด้วย ต่อไปเวลาอยู่บ้านเขาจะให้วินนี่ใส่แบบนี้ให้ดู
ฮิลตันคนน้องบอกว่าจะไปขี่วาฬและถ่ายรูป ฉินสือโอวขมวดคิ้วและพูดว่า “แล้วคุณใส่ชุดแบบนี้น่ะนะ?”
เขาแสดงท่าทางของเจ้าของฟาร์มปลาออกมา ใช้แววตาจริงจังเคร่งขรึมมองลงมาที่ฮิลตันคนน้อง ต้องให้เธอเข้าใจว่าอยู่ถิ่นใครก็ต้องทำตามธรรมเนียมถิ่นนั้น
ถึงฟาร์มปลาจะมีหนุ่มโสดไม่เยอะ แต่หลายคนภรรยาก็ไม่ได้อยู่ข้างๆ ตัว อย่างพวกแบล็คไนฟ์ พวกเขาต่างบอกว่าตั้งแต่ที่ฮิลตันคนน้องมาก็ใช้เงินเยอะกว่าเดิมมาก ทุกวันพอเลิกงานก็จะไปเซนต์จอห์นระบายความรุ่มร้อน
ฮิลตันคนน้องยักไหล่พลางพูดขึ้น “ใส่แบบนี้ทำไมเหรอ? การโชว์ความสวยไม่ใช่สิทธิของฉันเหรอ?”
ฉินสือโอวตอบ “มันก็จริงที่เป็นสิทธิของคุณ แต่คุณใส่เสื้อเชิ้ตลงน้ำแบบนี้พอเสื้อเชิ้ตโดนน้ำทะเลจนเปียกคุณคิดว่าเบิร์ดจะอยากเห็นอะไรแบบนั้นไหม?”
ฮิลตันคนน้องมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ จากนั้นก็หัวเราะออกมา เธอสะบัดผมสลวยแล้วปลดกระดุมเสื้อเชิ้ต ท่านชายฉินเจอแบบนี้ก็หน้าเปลี่ยนสีทันที นี่ยั่วกันเห็นๆ เลยนี่นา!
ช่างน่าสงสารจริง ท่านชายฉินรอวันนี้มาสิบกว่าปี น่าเสียดายที่มาถึงช้าไป เขาแต่งงานแล้ว ต้องรับผิดชอบต่อวินนี่และครอบครัว ตอนนี้มีสิ่งยั่วยวนเขาก็ได้แต่ต้าน
ปรากฏว่าพอฮิลตันคนน้องถอดเสื้อเชิ้ตออกก็เผยให้เห็นบิกินี่ข้างใน เธอหัวเราะคิกคักพลางพูดว่า “คุณคิดอะไรน่ะ? คุณคงไม่คิดว่าฉันจะใส่เสื้อเชิ้ตแค่ตัวเดียวลงทะเลหรอกนะ?”
คำว่าลงทะเลนี้ใช้ได้ดี ท่านชายฉินกำลังนึกในใจ ต่อไปชีวิตครอบครัวของเบิร์ดคงไม่ค่อยราบรื่นเท่าไรแล้ว
ในเมื่อแบบนี้เขาก็ไม่มีอะไรจะพูด เมื่อกี้เขากลัวจริงๆ ถ้าฮิลตันคนน้องใส่แค่เสื้อเชิ้ตลงน้ำเขาได้ยุ่งแน่ แม้ว่ามันจะดูบ้าบอ แต่เรื่องบ้าบอที่สองพี่น้องนี่ทำน้อยเหรอ?
ถึงตอนกลางวัน ฝูงวาฬหัวทุยที่กินอิ่มก็ขึ้นมาอาบแดดที่ผิวน้ำอีก คราวนี้ยังมีร่องรอยของวาฬหัวคันศรปะปนมาด้วย ขณะที่ฉินสือโอวขับเรือเข้าไปใกล้ พวกมันก็พลิกตัวซ่อนลงไปในน้ำทันที โผล่มาเพียงตาดวงเล็กคอยสังเกตผู้มาเยือน ส่วนวาฬหัวทุยก็ยังคงทำท่าทางสบายๆ
เงาร่างของลูกพี่ชัดเจนเป็นพิเศษ เพราะมันว่ายบนผิวน้ำ และอานวาฬก็โผล่เหนือผิวน้ำเหมือนกับว่ามีอานไม้ปรากฏขึ้นบนผิวน้ำทะเล
อานวาฬนั้นใหญ่พอ เพราะเป็นทรงโค้งจึงวัดความยาวได้ยาก แต่เอามายืดตรงความยาวก็ถึงหกเมตร ความกว้างถึงแปดเมตร พื้นที่ค่อนข้างใหญ่ทีเดียว
แบบนี้จำนวนคนที่อานวาฬรับได้ก็เยอะตามไปด้วย สมัยยุคกลางที่คนฝึกวาฬให้เป็นทหารเรือ เดิมทีวาฬตัวหนึ่งจะแบกคนหลายคนเลยทีเดียว
ฉินสือโอวพาเด็กๆ กับฮิลตันคนน้องให้พวกเขาขึ้นอานวาฬด้วยกันพลางตะโกนไม่หยุดว่าระวังหน่อย เด็กๆ น่ะซนเป็นปกติ เขากลัวว่าจะยุกยิกมากไปจนทำให้วาฬหัวทุยตกใจ
ลูกพี่จ้องดวงตาโตมาที่ฉินสือโอวอย่างเกียจคร้าน การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยแค่นั้นของเด็กๆ สำหรับสัตว์ตัวโตอย่างมันแล้วแทบไม่รู้สึกอะไร
วินนี่กอดเถียนกวาจะขึ้นไปด้วย แต่ฉินสือโอวไม่ให้ เขาพูดว่า “ตอนนี้คุณท้องอยู่นะที่รัก คุณต้องปกป้องอนาคตของบ้านฉินเรานะ!”
วินนี่หงุดหงิด เธอพูดว่า “งั้นต่อไปฉันต้องกินพริกไม่ได้ ทำงานไม่ได้ ใช้เครื่องสำอางก็ไม่ได้? งั้นทุกวันก็ต้องฟังเพลง ทุกวันต้องดูคลิปความรู้เรื่องการตั้งครรภ์?”
ฉินสือโอวยิ้มหวานพลางพูดว่า “ไม่ ต้องฟังดนตรีเบาทุกวันต่างหาก!”
วินนี่อับจนคำจะพูด เถียนกวายื่นแขนออกมาทำท่าอยากขึ้น ฉินสือโอวดึงเธอกลับมา เธอเลยตะโกนแบบไม่เต็มใจว่า “ปายๆๆ!”
“เขาพูดว่าไปๆๆ ไม่ใช่ปายๆๆ!” ฉินสือโอวแก้คำผิดให้ลูกพลางหัวเราะไปด้วย ส่วนสาวน้อยนั้นโกรธแทบร้องไห้
วินนี่พูดแบบจนใจ “คุณอย่าบ้าให้มากนักได้ไหม ก็ใช่ฉันท้องแล้ว แต่ฉันดูแลตัวเองไม่เป็นหรือไง? ขี่วาฬหัวทุยก็ไม่ใช่การออกกำลัง ฉันแค่อยากจะขึ้นไปถ่ายรูปสักหน่อย”
ฉินสือโอวคิดๆ ดูเลยตัดสินใจยอมอ่อนข้อ อย่างไรความสงบในบ้านก็พึ่งการรอมชอม เขาเลยชูนิ้วขึ้นแล้วพูดว่า “งั้นฟังเงื่อนไขผม ตอนนี้คุณขึ้นไปไม่ได้ เดี๋ยวรอพวกเขาลงมา ผมอุ้มคุณขึ้นไปเอง!”
ฮิลตันคนน้องที่ขี่อยู่หลังวาฬกำลังถือไม้เซลฟี่ถ่ายรูปเป็นบ้าเป็นหลัง พอหนำใจแล้วก็ลงมาก่อนจะพูดกับวินนี่ว่า “ที่รัก นี่ก็คือเหตุผลที่ฉันไม่อยากแต่งงาน อย่างกับโดนพันธนาการไว้”
วินนี่ยักไหล่แล้วพูดว่า “ตอนนั้นดูเหมือนจะไม่ใช่พันธนาการ ดูเหมือนผ้าห่มแสนอบอุ่น”
ฉินสือโอวขับเรือนำลูกพี่อยู่ข้างหน้า ลูกพี่ตามอยู่ด้านหลังอย่างเกียจคร้าน มันจะมุดลงน้ำบ้างเป็นบางครั้งแต่ก็ตื้นมาก เด็กๆ จับอานวาฬไว้ ทุกครั้งที่โผล่ออกเหนือน้ำก็จะกรีดร้อง ดูตื่นเต้นสนุกสนานมาก
วินนี่ช่วยถ่ายรูปและวิดีโอให้พวกเขาเยอะแยะ พอถึงตาเธอบ้าง คนด้านล่างก็ไม่มีใครช่วยเธอถ่ายรูปเลย มีแต่คนใช้ไอแพดแต่งรูปอยู่
ฉินสือโอวรับกล้องมาแล้วพูดยิ้มๆ ว่า “เป็นไง ตอนนี้ก็ต้องการพันธนาการอยู่ดีใช่ไหมล่ะ”
…………………
Related

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset