ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1733 ปูล่อคน

สแตนลีย์ทำได้แต่พับแขนเสื้อเข้าสนาม เขาปลอบใจตัวเองในใจ ไม่เป็นไร คนสามสิบกว่าคนเอง ตัวเราพยายามอีกนิด ประมาณหนึ่งชั่วโมงก็สามารถจัดการอาหารมื้อนี้เสร็จแล้ว
จากนั้นเขาก็เห็นฉินสือโอวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา “ฮัลโหล ที่รัก วันนี้กลางวันกลับมากินข้าวนะ มีเชฟใหญ่ระดับมิชลินสามดาวลงครัวเองเลย จุ๊บ อื้ม ผมก็รักคุณครับ”
“ฮัลโหล ปู่เออร์เหรอ? คุณไปไหนครับ? ให้อาหารโลมาน้อยอยู่เหรอ? อ้อๆ ไม่มีอะไรครับ แค่อยากให้คุณกลับมากินมื้อกลางวันแค่นั้น ผมหาเชฟมิชลินสามดาวมาได้คนหนึ่ง อาหารที่เขาทำอร่อยมากเลย อะไรนะ ศาสตราจารย์แซนเดอร์สกลับมาแล้วเหรอ? อื้มๆ ได้ครับ งั้นคุณพาเขากับคุณอันเดร์รีบกลับมาแล้วกันครับ”
หลังวางสายแล้วคิดทบทวนสักพัก ท่านชายฉินก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาอีกรอบ “ฮัลโหล ทิญา? คุณทำงานอยู่ที่ CBD หรือเปล่า? โอเค ตอนนี้เลิกงานเลย ผมให้เบิร์ดขับเฮลิคอปเตอร์ไปรับคุณ กลางวันนี้มากินมื้อกลางวันกับบอสแล้วกัน ไม่ต้องถามมาก มีของดีของอร่อย”
สแตนลีย์จ้องมองฉินสือโอวต้าค้าง ฝ่ายหลังยักไหล่อย่างเกรงใจ พูดว่า “ผมนัดเพื่อนสนิทมา คนไม่เยอะ แค่สิบกว่าคนเท่านั้นครับ”
เชฟใหญ่ยิ้มขืนๆ ไปที ให้ตายเถอะนี่คนประเภทไหนกัน นิสัยไม่ค่อยดีเลยนะเนี่ย
แต่ว่าคนสี่สิบกว่าคนก็ยังดี เขาปลอบใจตัวเอง ตอนนี้เหล่าชาวประมงที่เอาพวกของทะเลไปล้างทำความสะอาดได้ออกมาแล้ว พวกเขาพากันทยอยหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาที่บ้าน “เมียจ๋า ไม่ต้องยุ่งแล้ว กลางวันนี้ไม่กลับบ้านไปกินข้าวแล้ว คุณพาลูกมาที่บอสนี่ เดี๋ยวผมพาคุณกินสุดยอดมื้ออาหาร!”
เมื่อเห็นแบบนี้แล้ว สแตนลีย์ที่หายใจไม่ทัน ดวงตาดำมืดฉับพลันจนแทบจะล้มลง
ดีที่ข้างๆ มีพวกชาร์คอยู่ จึงยื่นมือออกไปประคองเขาไว้ แล้วถามอย่างเป็นห่วงว่า “เชฟคาร์ลเบิร์ต คุณโอเคไหมครับ? เพราะพวกผมทำให้คุณกลัวหรือเปล่าครับ? ขอโทษด้วยนะครับ ความจริงแล้วนี่แหละถึงจะเป็นมื้ออาหารทะเลรสเลิศของชาวประมง พวกผมชอบเรียกเพื่อนๆ มาเพื่อแบ่งปันของดีของอร่อยกัน”
สแตนลีย์ฝืนยิ้ม พูดว่า “ไม่เป็นไร เพื่อน ผมไม่ได้ตกใจ ก็แค่ พวกคุณอย่าเรียกผมว่าเชฟเลย เรียกชื่อผมเถอะ สแตนลีย์”
ยังถือว่าฉินสือโอวมีหัวใจอยู่บ้าง ที่ให้พวกชาวประมงไปเป็นลูกมือของสแตนลีย์ มีทักษะการใช้มีดของเบิร์ดกับความอดทนและละเอียดอ่อนของนีลเซ็น แล้วก็ยังมีอีวิลสันที่ขยันขันแข็งอีก ทางฝั่งสแตนลีย์แค่เป็นคนคุมก็พอแล้ว
วินนี่ขับรถกลับมา จากนั้นคนอื่นๆ ก็ตามมาถึงด้วย พวกแบล็คไนฟ์ถอดเสื้อซ้อมมวยส่งเสียงฮึบฮ่ากันที่ชายหาด วินนี่ถามอย่างแปลกใจว่า “จะกินมื้อกลางวันกันอยู่แล้ว ทำไมยังออกกำลังกายกันอยู่อีกล่ะ?”
แบล็คไนฟ์หายใจหอบแล้วพูดว่า “มื้อเช้ากินเยอะไปหน่อย ทำให้ตอนนี้ไม่ค่อยหิวครับ พวกผมต้องเอาพลังงานออกไปหน่อย เดี๋ยวตอนกินจะได้กินเยอะได้ครับ”
ฉินสือโอวหัวเราะเหอๆ ช่างเป็นกลุ่มคนบ้านนอกเสียจริง เขารู้สึกไม่คุ้มแทนสแตนลีย์ นี่น่ะเป็นถึงเชฟใหญ่มิชลินสามดาวเชียวนะ แม้จะเป็นงานเลี้ยงของนายกรัฐมนตรีของแคนาดาก็ยังเชิญเชฟระดับนี้มาไม่ได้เลย ระดับอย่างพวกเขา ล้วนให้บริการแต่พวกชนชั้นสูงและสังคมระดับสูงทั้งนั้น ให้มาทำอาหารให้ชาวประมงแบบนี้ไม่สมฐานะพวกเขาเลย
จากนั้นเขาก็ไปซ้อมมวยเพื่อเผาผลาญพลังงาน แถมยังพาหู่เป้าฉงหลัวไปด้วย ให้ทุกคนเผาผลาญพร้อมกัน อีกเดี๋ยวจะได้กินพร้อมกัน
สแตนลีย์ไม่ชอบการทำอาหาร แต่กลับมาฝีมือระดับเทพเลย ไม่นานอาหารแบบเย็นสไตล์ตะวันตกที่สวยงามน่าทานก็ถูกยกออกมาวางบนโต๊ะยาวแบบบุฟเฟต์ แล้วก็ตามมาด้วยซุปทะเลข้นหม้อแล้วหม้อเล่า
ฉินสือโอวเข้าไปดู เชฟมิชลินสามดาวไม่เพียงแต่มีฝีมือทำอาหารที่ดีเท่านั้น ยังมีความสามารถในการขยายขีดจำกัดของอาหารแต่ละชนิดอีกด้วย ฉินสือโอวเห็นว่าสแตนลีย์ไม่ปล่อยให้แม้แต่ปูถั่วสิ้นเปลืองไปเปล่าๆ เขานำไปใส่ในซุปข้าวโพดข้นเพื่อทำเป็นซุปอีกหนึ่งชนิดอีกด้วย
ปูถั่วเป็นปูที่ไม่มีค่าเลย พวกมันตัวเล็กมาก ตามชื่อเรียก มีขนาดเท่ากับถั่วเท่านั้น ฉินสือโอวเคยเห็นตั้งแต่ตอนอยู่ที่ประเทศจีนแล้ว บางครั้งเวลากินหอยที่ตัวค่อนข้างใหญ่ ก็จะสามารถเจอกับปูสีแดงตัวเล็กๆ ข้างในหอยนั้น ซึ่งก็คือปูถั่วนี่เอง
ปูถั่วเปลือกนิ่มมาก ทำให้ไม่สามารถเติบโตได้ สำหรับมนุษย์แล้วพวกมันไม่ค่อยมีประโยชน์อะไร แต่สำหรับสิ่งมีชีวิตในท้องทะเลแล้ว กลับเป็นอาหารที่ดีมากชนิดหนึ่ง แม้แต่ปลาแฮร์ริ่งกับปลาซาบะก็สามารถล่าปูถั่วได้
ฟาร์มปลาต้าฉินไม่ได้เพาะเลี้ยงปูถั่วโดยเฉพาะ ไม่รู้ว่าเจ้าตัวเล็กพวกนี้มาถึงฟาร์มปลาต้าฉินตอนไหน พอมาถึงแล้วพวกมันก็อยู่ต่อแล้วทำการขยายพันธุ์ พวกมันตัวเล็ก ความสามารถในการขยายพันธุ์แข็งแกร่งมาก ปูถั่วตัวหนึ่งสามารถวางไข่ได้ถึงห้าล้านฟองในการผสมพันธุ์เพียงครั้งเดียว…
ฉินสือโอวใช้ช้อนตักซุปข้าวโพดปูถั่วขึ้นมาดู ซุปหม้อนี้ภายนอกเป็นชั้นน้ำมันชั้นหนึ่ง มันวาวสวยงาม พอใช้ช้อนตักดู หลังจากชั้นน้ำมันแตกออกแล้วก็มีกลิ่นหอมอุ่นๆ โชยออกมา
ซุปเพียงถ้วยเดียวก็บ่งบอกถึงความสามารถของสแตนลีย์ได้แล้ว เมล็ดข้าวโพดกับปริมาณปูถั่วต่างก็ไม่เยอะ แต่ละช้อนที่ตักขึ้นมา ล้วนมีข้าวโพดและปูถั่วอยู่ในนั้น กระจายตัวได้อย่างสมดุลมาก
ของพวกนี้เหมาะกับการใช้ขนมปังมาจิ้มกิน ยัยตัวเล็กอุ้มถ้วยเล็กแล้วก็เอาครัวซองจุ่มลงไปข้างใน จากนั้นไม่ได้กินเอง แต่ป้อนให้เด็กอ้วนที่อยู่ข้างๆ ก่อน
เด็กอ้วนไม่เชื่อว่าจะมีเรื่องดีๆ แบบนี้ด้วย จึงเบิกตาโตน้ำลายไหลมองไปที่เถียนกวา ยัยตัวเล็กเผยสีหน้าอ่อนหวานออกมา แล้วพูดว่า “หนิวๆ กิน”
พอเป็นแบบนี้เด็กอ้วนจึงไม่เกรงใจแล้ว อ้าปากกว้างแล้วกินทันที ครัวซองครึ่งอันหายไปแล้ว ฉินสือโอวนึกว่าเสี่ยวเถียนกวาอยากแกล้งเด็กอ้วน แต่ไม่คาดคิดเลย เสี่ยวเถียนกวาเอาครัวซองมาจุ่มซุปแล้วป้อนให้เด็กอ้วนอย่างใจเย็นชิ้นแล้วชิ้นเล่า
แอนนี่กับวินนี่หัวเราะฮี่ๆ แล้วถ่ายรูปอยู่อีกฝั่ง วินนี่พูดว่า “ต่อไปให้บูลน้อยขอเถียนกวาแต่งงานเถอะค่ะ คุณดูสิ พวกเขาในตอนนี้เหมาะสมกันแค่ไหน”
ไม่รอแอนนี่ตอบ บูลรีบพูดด้วยเสียงตกใจว่า “ไม่ได้ครับ ผมไม่อยากเป็นคนแก่ที่ตายหลังคนหนุ่มครับ ถ้าอยู่ในมือเถียนกวาแล้ว บูลน้อยของผมไม่น่าจะอยู่ถึงสามสิบปี…”
คุณแม่ทั้งสองพากันใช้สายตาที่เยือกเย็นจ้องไปที่เขา แอนนี่พูดอย่างโกรธเคืองว่า “ไสหัวไปให้ไว!”
คนในฟาร์มปลาล้วนพากันเรียนภาษาจีน แอนนี่ไม่มีงานทำ พอว่างจากเลี้ยงเด็กแล้วก็จะไปเรียนด้วย มีคำภาษาจีนหลายเขาที่พวกเขาสามารถใช้กันได้คล่องแล้ว
ปูดันเจเนสส์ทำโดยเลือกใช้วิธีอบแห้ง ปูตัวใหญ่สีแดงทั้งตัวถูกวางไว้ในเตาอบเพื่ออบให้สุก เครื่องปรุงคือเนยและซอสที่ปรุงเสร็จแล้ว เริ่มจากใช้ค้อนทุบเปลือกปูให้แตกออก แล้วค่อยเทเครื่องปรุงลงไปเขย่าเล็กน้อย จากนั้นก็สามารถลิ้มรสความอร่อยได้แล้ว
ฉินสือโอวหยิบปูดันเจเนสส์มาตัวหนึ่งแล้วมองดู เอาเจ้าตัวนี้ไปอบเหมือนจะดีกว่าเอาไปนึ่งนะเนี่ย การนึ่งสามารถรักษาความสดหอมของปูดันเจเนสส์ไว้ได้ แต่ว่าจะทำให้เปลือกนิ่มและแข็งแรงมาก แต่การอบไม่เหมือนกัน การอบทำให้เปลือกกรอบและบาง ใช้นิ้วก็สามารถเคาะให้แตกได้
เหล่าชาวประมงกรูกันเข้าไปแย่งกันมาคนละหนึ่งตัวเพื่อเอากลับไปชิมพร้อมกับคนในบ้าน ปูดันเจเนสส์พวกนี้ตัวไม่เล็ก กินครอบครัวละหนึ่งตัวก็เพียงพอแล้ว
ฉินสือโอวชอบการกินปูพร้อมกันกับพวกชาวประมง เพราะว่าพวกเขามักเลือกกินตัวผู้เสมอ คนแคนาดาคิดว่าปูตัวผู้เนื้อจะเยอะและสดกว่า ส่วนปูตัวเมียเนื้อน้อยเกินไป แถมไม่มีสารอาหารอีกด้วย เพราะสารอาหารทั้งหมดของปูถูกนำไปเลี้ยงให้ไข่ปูหมดแล้ว
แต่สำหรับคนจีนแล้วไข่ปูสิถึงจะอร่อยที่สุด และความจริงก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ แต่ว่าคนแคนาดาหลายคนไม่กินของพวกนี้ เพราะคิดว่าคอเลสเตอรอลสูง ไม่ดีต่อสุขภาพ…
ดังนั้นฉินสือโอวจึงได้กินไข่ปูเป็นจำนวนมากในทุกครั้ง
………………
Related

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset