ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 229 เหรียญทองคำที่ชายหาดน้ำตื้นจอร์จ

บทที่ 229 เหรียญทองคำที่ชายหาดน้ำตื้นจอร์จ
โดย
Ink Stone_Fantasy

เมื่อเห็นเรือยอชต์อวนลากสุดหรูของฉินสือโอว ชาวประมงในเรือประมงลำอื่นๆ ก็ถึงกับทำตัวไม่ถูก
ไม่นานก็มีคนขับเรือเข้ามาจอดใกล้ๆ ห่างออกไปประมาณหนึ่งส่วนสี่ไมล์ เขาคนนั้นเดินมาที่หัวเรือแล้วพูดใส่โทรโข่งว่า “เฮ้! พ่อเศรษฐี คุณมาพักผ่อนเหรอ? ผมว่าคุณมาผิดที่แล้วล่ะ! ถ้าจะพักผ่อนต้องไปที่ท่าเรือกลอสเตอร์นู่น ที่นั่นมีสาวสวยสุดร้อนแรงกับหาดทรายที่ขาวละเอียด อย่ามารบกวนพวกเราที่นี่เลย”
ถึงแม้ว่าจะพูดเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด แต่สำเนียงแคนาดากับสําเนียงอเมริกันนั้นต่างกันมาก คำศัพท์และไวยากรณ์ก็ต่างกันด้วยเหมือนกัน เพราะฉะนั้นพอหมอนี่เริ่มพูด ฉินสือโอวก็รู้ได้ทันทีว่าเขาเป็นคนอเมริกัน
ฉินสือโอวพยักหน้าแล้วพูดว่า “พวกอเมริกันนี่หยาบคายและเห็นแก่ตัวจังเลยนะ ถ้าผมจะมาอาบแดดที่นี่แล้วมันจะทำไมเหรอ? ทะเลนี้ไม่ใช่สวนหลังบ้านของพวกเขาซะหน่อย”
เขายืนพูดติดตลกอยู่ข้างชาร์ค “แม้ว่าผมจะเกลียดพวกแยงกี้พวกนี้ แต่ผมขออธิบายให้บอสฟังนิดหนึ่งว่าที่พวกเขาให้เราออกไปจากตรงนี้ไม่ใช่เพราะพวกเขาต้องการจะยึดครองที่ตกปลาแห่งนี้หรอก พวกเขากลัวว่าเดี๋ยวพวกเราจะทอดสมอที่นี่ไม่ก็หย่อนเบ็ดตกปลาลงไป เพราะถ้าอยู่ๆ มีคนตกปลาปลาทูน่าได้ พวกเขาทุกคนก็จะเริ่มขับเรือวุ่นไปหมด ซึ่งอาจทำให้เกิดเหตุการณ์เกี่ยวสายสมอเรือหรือสายเบ็ดขาดได้”
ฉินสือโอวยักไหล่แล้วพูดว่า “งั้นหรอกเหรอ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ แล้วค่อยขับเรือประมงกลับมา”
ซีมอนสเตอร์พูดขึ้นมาว่า “มันดูไม่ใช่สไตล์คุณเลยบอส”
ฉินสือโอวตอบว่า “นี่แหละสไตล์ฉัน นายว่าพวกเราจะทำยังไงถ้าเกิดว่าสายเบ็ดของพวกเราถูกเกี่ยวขาดขึ้นมา?”
เรือยอชต์ถูกนำไปเก็บส่วนเรือประมงก็เผยโฉมออกมาแทน ฉินสือโอว ชาร์ค ซีมอนสเตอร์และอีวิลสัน พาหู่จือกับเป้าจือขึ้นเรือประมง ส่วนนีลเซ็นนั้นก็ขับเรือยอชต์ออกจากชายหาดน้ำตื้นจอร์จไป
พอขึ้นเรือประมง ฉินสือโอวก็เอนกายมองไปในทะเลแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองมาถูกที่แล้ว
พออยู่ห่างไกลจากฝั่ง มลพิษทางทะเลก็มีน้อยตามไปด้วย น้ำทะเลตรงเขตทะเลน้ำลึกนั้นใสจนเหมือนว่าจะสามารถมองทะลุลงไปถึงก้นทะเลได้เลยทีเดียว เพียงแต่ว่ามหาสมุทรนั่นลึกมากจนแสงอาทิตย์ส่องลงไปไม่ถึงก้นทะเล ทำให้ไม่สามารถมองเห็นก้นทะเลได้นั่นเอง
แต่ที่ชายหาดน้ำตื้นจอร์จนั้นไม่เหมือนกัน ที่นี่น้ำค่อนข้างตื้น โดยเฉพาะที่ที่ฉินสือโอวจอดเรืออยู่ มั่นใจว่าน้ำตรงนี้ลึกไม่ถึงสิบเมตรอย่างแน่นอน แสงอาทิตย์นั้นส่องทะลุผ่านผิวน้ำลงไปถึงก้นทะเล ทำให้น้ำทะเลสะท้อนแสงวิบวับเป็นประกาย
ด้วยเหตุนี้น้ำทะเลที่นี่จึงใสจนเหมือนโปร่งแสง เมื่อทะเลสงบ ฉินสือโอวจึงลองก้มหัวมองลงไปในน้ำ มันดูเหมือนว่าท้องเรือไม่ได้กำลังลอยอยู่ในน้ำด้วยซ้ำ แต่มันเหมือนเรือกำลังลอยอยู่บนอากาศยังไงอย่างนั้น
มันสวยซะจนทำให้ฉินสือโอวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เขาอดไม่ได้ที่จะยื่นมือลงไปในน้ำ มันรู้สึกราวกับว่าเขาสามารถแตะถึงผืนทรายขาวละเอียดที่พื้นด้านล่างได้ด้วยซ้ำ
ฝูงปลาปลาแฮร์ริ่งว่ายผ่านมาเป็นครั้งคราว สาหร่ายทะเลก็ลอยอยู่ในน้ำนิ่งๆ ความเคลื่อนไหวที่สอดประสานกันนี้ดูเหมือนภาพเคลื่อนไหวความละเอียดสูง
หลังจากก้มมองน้ำทะเลอยู่สักพัก ฉินสือโอวก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วเริ่มถ่ายรูป เขาถ่ายรูปจากหลายมุมๆ ไปหลายสิบรูปเลยทีเดียว
หลังจากนั้นเขาก็ถอดเสื้อออกแล้วกระโดดลงไปในน้ำ เขาลอยตัวอยู่ที่ผิวน้ำสักพักเพื่อให้ชาร์คถ่ายรูปให้สามสี่รูป เมื่อมองจากในรูปแล้ว เขาเหมือนกำลังลอยอยู่ในอากาศ นี่เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าน้ำมันใสแค่ไหน
พอหู่จือกับเป้าจือเห็นเขากระโดดลงน้ำ พวกมันก็กระโดดตามลงไปและว่ายไปมาด้วยความตื่นเต้นอยู่ใกล้ๆ เขา
และในที่สุดฉินสือโอวก็จับเจ้าตัวแสบทั้งสองตัวได้ ชาร์คกดชัตเตอร์ ‘แชะ แชะ แชะ’ จนได้ภาพมาอีกชุดหนึ่ง
เล่นได้สักพักฉินสือโอวก็กลับขึ้นมาบนเรือ ชาวประมงที่อยู่ในเรือลำที่ห่างออกไปมองมายังพวกเขาด้วยกล้องส่องทางไกล พอเห็นฉินสือโอวลงเล่นน้ำก็เลยคิดว่าเขาเป็นนักท่องเที่ยว แต่พอฉินสือโอวขึ้นมาบนเรือ เรือประมงของพวกเขาก็ทำเป็นยกเบ็ดตกปลาขึ้น
เมื่อวานตอนที่ออกจากแฮลิแฟกซ์ ชาร์คได้ไปซื้อปลาเฮอริ่งและปลาทูน่าแช่แข็งมาสองกล่อง เขาสวมถุงมือแล้วจึงนำปลาไปที่เขียงแล้วหันเป็นสี่ส่วนด้วยมีดคมเพื่อทำเหยื่อตกปลา
แม้ว่าน้ำตื้นนั้นจะสวยงาม แต่มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะจับปลาตัวใหญ่ เพราะปลาตัวใหญ่จะไม่ปรากฏตัวในน้ำที่ใสขนาดนี้
ซีมอนสเตอร์ผู้มีประสบการณ์โชกโชนจึงเลือกที่ที่ระดับน้ำลึกประมาณสี่สิบเมตรแล้วทอดสมอเรือลงไป เขาเตรียมตัวที่จะทำงานแล้ว
ฉินสือโอวนำจิตสำนึกแห่งโพไซดอนลงไปสำรวจรอบๆ ทันที เขาไม่ได้มองหาแค่ปลา แต่ยังมองหาเรืออับปางสองลำที่บิลลี่ สเต็มเมอร์เล่าให้เขาฟังอีกด้วย
พื้นที่ของชายหาดน้ำตื้นจอร์จนั้นไม่ถือว่าใหญ่ อีกทั้งยังเป็นทะเลน้ำตื้น ดังนั้นถ้าหากมีสมบัติในซากเรืออับปางมันก็คงจะถูกพรากไปนานแล้ว แต่เพราะอะไรถึงยังมีซากเรืออีกสองลำที่ยังไม่มีคนพบอยู่อีกล่ะ?
คำตอบก็คือซากเรือสองลำนั้นเป็นเรือเล็กและเป็นเรือไม้ จากการตรวจสอบของบริษัทโอดิสซีย์ เรือลำหนึ่งเป็นเรือสำปั้นเล็กยาว 6 เมตร ส่วนอีกลำหนึ่งเป็นเรือประมงไม้ธรรมดายาว 10 เมตร
เรือสองลำนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน เรือสำปั้นเล็กอับปางลงในปี 1915 ณ ขณะนั้นเรือรบส่งเหรียญทองคำอเมริกันอีเกิ้ลของกองทัพเรือเดินทางจากนิวยอร์กมุ่งหน้าสู่เมืองอะคาเดียในรัฐเมน บนเรือบรรทุกทหารเรือรวมทั้งสิ้น 50 นายและเหรียญทองคำอเมริกันอีเกิ้ลปี 1907 อีกสี่หมื่นเหรียญ
เนื่องจากชายหาดน้ำตื้นจอร์จนั้นตื้นและมีหินโสโครกเยอะ เรือของทหารลำนี้จึงถูกซัดเกยตื้น
วันนั้นมีฝนตกหนักในทะเลและหลังจากที่เหล่าทหารเรือส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือออกไปพวกเขาก็รีบย้ายหีบเหรียญทองคำขึ้นเรือสำปั้นแล้วให้นายทหารเรือหนึ่งคนกับทหารสองนายขึ้นเรือสำปั้นออกเดินทางไปก่อน
ต่อมาเมื่อพวกเขาได้รับการช่วยเหลือจากเรือรบที่จะจมแหล่มิจมแหล่พวกเขาก็ได้รู้ว่านายทหารเรือกับทหารที่ขึ้นเรือไปก่อนนั้นได้ตายไปแล้ว ส่วนเรือสำเภาที่บรรทุกหีบเหรียญทองคำอเมริกันอีเกิ้ลก็หายสาบสูญ
แพทย์นิติเวชทำการศึกษาชันสูตรร่างของนายทหารเรือและทหารพบว่าพวกเขาทั้งหมดจมน้ำตายและไม่มีร่องรอยหรือบาดแผลจากการต่อสู้ใดๆ ด้วยเหตุนี้จึงสามารถสรุปได้ว่า คืนนั้นเรือสำเภาได้ล่มลงในพายุและหีบเหรียญทองคำอเมริกันอีเกิ้ลได้จมหายไปในทะเล
แต่เนื่องจากเรือสำปั้นลำนั้นเล็กเกินไป แม้ว่ารัฐบาลสหรัฐฯจะได้จัดสรรทีมกู้ภัยเพื่อทำการค้นหาแล้วแต่ก็ไม่พบ นอกจากนี้ประชาชนจำนวนมากที่รู้ข่าวก็ได้ออกค้นหาเช่นกัน แต่ก็ยังไม่มีใครพบหีบเหรียญทองคำ
และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของการประมงที่ชายหาดน้ำตื้นจอร์จ บริษัทประมงแห่งหนึ่งซึ่งเคยมากู้ทองที่นี่เมื่อเห็นว่าที่นี่มีฝูงปลาที่อุดมสมบูรณ์ขนาดนี้ก็เลยเปลี่ยนเป้าหมาย เลิกหาทองแล้วมาหาปลาแทน นี่จึงเป็นแรงขับเคลื่อนอุตสาหกรรมประมงของที่นี่
ส่วนเรืออีกลำที่ล่มนั้นมีชื่อว่า “แฟรงเกนสไตน์” เรือลำนี้จมลงก่อนเรือขนเหรียญ ตอนนั้นเป็นช่วงสงครามกลางเมืองอเมริกา ซึ่งเป็นสงครามระหว่างเหนือใต้
ในเวลานั้นประธานาธิบดีลินคอล์นประกาศเลิกทาสผิวดำซึ่งทำให้เกิดความไม่พอใจในชาวไร่ชาวสวนจำนวนมาก ชาวไร่ชาวสวนที่อาศัยอยู่ในเมืองคองคอร์ดครอบครัวหนึ่งรวบรวมทองคำและเครื่องเงินที่ตัวเองมีทั้งหมดลงเรือเพื่ออพยพไปรวมกำลังกับทางใต้ที่ต่อต้านรัฐบาล
สุดท้ายเรือของพวกเขาก็พบจุดจบที่ชายหาดน้ำตื้นจอร์จ ครอบครัวหกคนรอดมาได้เพียงเด็กสองคน เด็กสองคนเล่าว่าเรือของพวกเขาชนเข้ากับแนวปะการังและจมลง ส่วนตำแหน่งที่แน่นอนพวกเขาจำไม่ได้
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทีมกู้เรือและเรือหาปลานับไม่ถ้วนล้วนเดินทางมายังชายหาดน้ำตื้นจอร์จแห่งนี้เพื่อลองเสี่ยงโชค แต่ก็ยังไม่เคยมีใครโชคดีพอที่จะได้พบกับซากเรือสองลำนี้
นานวันเข้าผู้คนก็เลิกให้ความสนใจและต่างพากันคิดว่าเรือสองลำนั้นคงถูกทรายกลบไปแล้ว ยังไงก็คงหาไม่เจอ
และสิ่งที่ฉินสือโอวอยากจะทำก็คือหาพวกมันให้เจอ จากข้อมูลที่บิลลี่ สเต็มเมอร์ให้เขามา สมบัติที่ซ่อนอยู่บนเรือสองลำนั้น ไม่ว่าลำไหนก็มีมูลค่ามากกว่ายี่สิบล้านเหรียญทั้งนั้น ซึ่งเป็นเงินจำนวนมหาศาลที่ทำให้หัวใจเต้นตูมตาม!
………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset