ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1743 สั่งสอน

เมื่อรู้ว่าเธอกำลังถูกฉินสือโอวแกล้ง ทิญาก็ไม่โกรธ เธอถอยหลังไปสองก้าวและมองเขาด้วยท่าทีที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “แล้วคุณวางแผนที่จะให้ฉันเป็นวัวหรือเป็นม้าล่ะ? วางแผนได้ไม่เลว ถ้าเป็นวัวก็มีนมให้คุณได้ เป็นม้าก็ให้คุณขี่ได้ ใช่ไหมละคะ?”
หัวใจของฉินสือโอวเกือบจะหยุดเต้น ใครกำลังหยอกล้อใครกันแน่?
โชคดีที่ทิญาไม่ล้อเล่นต่อ เธอโบกมือแล้วพูดว่า “ฉันจะกลับไปจัดการงานให้เรียบร้อยก่อน คุณทิ้งเฮลิคอปเตอร์ลำใหม่ไว้ให้ภรรยาและลูกสาวนั่งเถอะ ฉันไม่อยากจะนั่งแล้วทำให้ภรรยาของคุณเข้าใจผิดอะไร”
ฉินสือโอวคิดว่าเธอพูดถูก แต่ก็ยังต้องแสดงความสุภาพไปหน่อย “งานไม่ต้องรีบขนาดนั้นหรอก ช่วงนี้ผมมีแผนผลิตกุ้งกุลาดำ ก็อยู่นี่รอชิมกุ้งของผมก่อน อีกอย่าง หลังจากเฮลิคอปเตอร์มาถึงเพียงครึ่งชั่วโมงก็สามารถพาคุณไปที่อาคารสำนักงานได้ หากคุณนั่งเรือเฟอร์รี่และเดินทางด้วยตัวเองจะใช้เวลาสามหรือสี่ชั่วโมง!”
เขาตัดสินใจแล้ว ถ้าทิญาปฏิเสธเขาอีกครั้ง เขาก็จะไม่เกรงใจแล้ว
น่าเสียดายที่ทิญาถูกเขาชักชวนได้สำเร็จ พิจารณาสักครู่แล้วตอบว่า “บอส คุณพูดถูก ถ้าอย่างนั้นฉันก็ไม่เกรงใจแล้วนะคะ คืนนี้จะอยู่ที่นี่ พรุ่งนี้ค่อยกลับไปทำงาน”
ฉินสือโอวอยากจะตบตัวเอง แม่งเอ๊ยใครใช้ให้เราปากไม่ดี สุภาพบ้าอะไร ดูสิตอนนี้ก็ตกหลุมลงไปเองแล้วเนี่ย?
ในเมื่อตัดสินใจจะอยู่ต่อแล้ว ทิญาจึงจะเข้าเมืองไปโรงแรมหาห้อง ห้องที่เธอเคยอยู่ในฟาร์มปลาก่อนหน้านั้นให้พวกชาวประมงอาศัยอยู่ไปแล้ว
หลังจากที่ทิญาจากไปไม่นาน วินนี่ก็ขับรถกลับมา ฉินสือโอวดูเวลาแค่สามโมงครึ่ง จึงพูดว่า “วันนี้คุณเลิกงานไวจัง?”
วินนี่ยิ้มหวานแล้วพูดว่า “ตอนนี้ฉันท้องแล้วไง ในเมืองไม่มีเรื่องอะไรฉันก็เลยกลับมา ไม่จำเป็นต้องไปอยู่แถวนั้น ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปฉันต้องระวังในเรื่องการพักผ่อนหน่อย จริงไหมคะ?”
ฉินสือโอวปรบมือรัวๆ “พูดถูกต้อง ไม่ผิดเลยสักนิดเดียว!”
เดิมทีก็เป็นเช่นนั้น ไม่ว่าจะมีเรื่องเกิดขึ้นในเมืองใหญ่ขนาดไหน แต่มันก็เป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับครอบครัว เรื่องที่เกิดขึ้นกับวินนี่ต่อให้เล็กขนาดไหนก็เป็นเรื่องสำคัญสำหรับครอบครัวของพวกเขา จุดสำคัญแบบนี้ไม่ควรสับสน
วินนี่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ฉินสือโอวคิดจะนั่งอยู่บนโซฟาเล่นอินเทอร์เน็ต ช่วงจังหวะนี้เองกอร์ดอนก็เดินออกมา เดินไปเดินมาอยู่ตรงหน้าเขาตลอดเวลา
“นายทำอะไรน่ะ? ถ้าว่างก็ไปตัดหญ้าที่ลานกว้างไป” ฉินสือโอวกล่าวอย่างเคืองๆ
กอร์ดอนกระแอม พูดลากเสียงยาว “ฉิน ตอนนี้ผมขาดเงินอยู่หน่อย”
ฉินสือโอวชี้ไปที่ด้านนอก แล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นนายก็ไปเล็มหญ้าสิ ราคาเดิม หนึ่งตารางได้หนึ่งสตางค์ นายต้องขยันหน่อย วันนี้น่าจะได้ร้อยสองร้อยหยวนอยู่นะ”
กอร์ดอนหมุนโทรศัพท์ในมือจากนั้นก็เขย่าขาของเขาแล้วพูดว่า “ไม่ ผมไม่อยากทำงาน ผมคิดว่าคุณควรให้เงินค่าขนมผมหน่อย แน่นอนว่าหนึ่งหรือสองร้อยหยวนก็เพียงพอแล้ว”
ฉินสือโอวมองไปที่เขา จากนั้นก็วางโทรศัพท์หยิบหมอนขึ้นมาแล้วโยนออกไป พูดด้วยความโมโหว่า “นายไปเรียนสำเนียงเจ้าเล่ห์แบบนี้มาจากไหนกัน? เรียนรู้ท่าทางเจ้าเล่ห์แบบนี้มาจากใคร? มานี่ ฉันต้องสั่งสอนนายหน่อยแล้ว!”
กอร์ดอนตกใจกลัว วิ่งไปข้างนอกตามสัญชาตญาณ ตะโกนอย่างเขินอายว่า “ขอโทษครับ คุณอย่าโกรธผมเลยนะ ผมเลียนแบบแลร์รีมา ผมรับปากว่าวันหลังจะไม่ทำตามแล้ว…”
วิ่งออกไปได้ไม่กี่ก้าว เขาก็หยุดวิ่ง ยกมือถือขึ้นมาแล้วพูดว่า “ผมลืมบอกคุณไปใช่ไหมฉิน ในมือผมมีสิ่งที่คุณคงไม่อยากให้ใครเห็นแน่ๆ…”
ฉินสือโอวแย่งมือถือมาได้ในพริบตาเดียว กอร์ดอนตอบสนองไม่ทัน พอเขารู้ตัวอีกที มือถือในมือเขาก็หายไปแล้ว
มือถือเขาไม่ได้ล็อคหน้าจอ ดังนั้นฉินสือโอวจึงเปิดดูได้ง่ายๆ จากนั้นก็ไปที่อัลบั้มเห็นวิดีโอหลายอันอยู่ หลังจากเปิดดูวิดีโอก็ปรากฏขึ้น ซึ่งก็คือวิดีโอที่เขาอยู่กับทิญาเมื่อกี้
คาดว่ากอร์ดอนอยู่ห่างออกไปตอนที่อัดวิดีโอนี้จึงอัดไม่ได้ยินเสียงใดๆ แต่พอเป็นแบบนี้ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับทิญาดูเหมือนกิ๊กกันมากขึ้น โดยเฉพาะฉากที่เขาพูดล้อเล่นใกล้ๆ หูของทิญา ดูเหมือนกำลังจีบกันมาก
พอเป็นแบบนี้ฉินสือโอวนายใหญ่ก็พลันคิดขึ้นได้ บ้าเอ๊ย เจ้าเด็กนี่คิดจะมาข่มขู่ฉันเหรอ
กอร์ดอนที่อยู่ข้างๆ มองอ้าปากค้าง “พระเจ้า คุณรู้ได้อย่างไรว่าผมอัดวิดีโอแล้ว?”
ฉินสือโอวพูดเสียงเย็น “จะจัดการกับเด็กอย่างนาย ฉันน่ะมีสมอง นายคิดจะทำอะไร ฉันเดาออกหมดแหละ!”
เหตุผลง่ายมากๆ เมื่อกอร์ดอนบอกว่ามีบางสิ่งในโทรศัพท์ของเขาที่ตัวเขาไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ ก็ต้องเป็นภาพถ่ายหรือไม่ก็วิดีโอ นอกจากนี้เขาไม่สามารถรับกับสิ่งที่เขาไม่ต้องการให้คนอื่นเห็นได้
พอมือถือถูกเอาไป กอร์ดอนก็กลืนน้ำลายเฮือก “คุณอย่าคิดที่จะลบวิดีโอนี้ทิ้งนะ คุณลบออกก็ไม่มีประโยชน์ ผมก๊อบปี้เก็บไว้แล้ว ถ้าคุณไม่ให้เงินค่าขนมผมสองร้อยหยวน ผมก็จะให้พี่วินนี่ดู…โอ้ย พระเจ้า! เชี่ย! แม่ง!”
เขาพูดยังไม่ทันจบ ฉินสือโอวโยนหมอนออกไปอย่างแรง หมอนถูกปาไปที่หัวเขาจนเขาโซเซ หลังจากนั้นฉินสือโอวด่าไปก็ตีเขาไป “แก ไอ้เด็กบ้าเอ๊ย กล้าด่าคนด้วยเหรอ? บอกมา ว่าใครสอน?”
กอร์ดอนเตรียมเผ่น ปากร้องโหยหวน “พี่ฉิน อย่าตีผมเลย ผมไม่กล้าแล้ว ผมก็แค่ล้อเล่นกับคุณ…”
“แม่งยังเรียกซะสนิทอีก พี่แท้ๆ เหรอไง? ต่อให้เรียกว่าพ่อแท้ๆ ฉันก็จะตีนายให้ตาย!” ฉินสือโอวยังคงใช้หมอนตามตีเขาไม่หยุดหย่อน ตีจนกอร์ดอนเดินโซซัดโซเซไปตลอดทาง จะหนีก็หนีไม่ได้
วินนี่พอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เดินออกมา พอเห็นฉากที่ทั้งสองคนไล่ตามกันอยู่ ก็ขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น “ทำอะไรน่ะ พวกคุณเล่นอะไรกัน?”
เมื่อกอร์ดอนเห็นวินนี่ตามมาข้างหลังก็ราวกับเห็นพระแม่มารีย์อย่างไรอย่างนั้น ดวงตาพลันสว่างวาบ เขาวิ่งไปซ่อนตัวอยู่ข้างหลังวินนี่และตะโกนว่า “พี่วินนี่ ช่วยด้วย! ฉินอยากจะฆ่าคนปิดปาก ผมมีความลับที่ไม่ดีของเขา เขาเลยอยากฆ่าผมปิดปากให้ความลับมันจมอยู่กับอดีตไป!”
วินนี่ยิ้มแล้วห้ามฉินสือโอวไว้ “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ?”
หลังจากที่ฉินสือโอวยื่นมือถือให้เธอก็พูดด้วยความโกรธเคืองว่า “เจ้าเด็กบ้านี่มันอัดวิดีโอที่ผมคุยกับทิญา แล้วเอามาขู่ผม บอกว่าถ้าผมไม่เงินให้เขา เขาก็จะเอาคลิปให้คุณดู นี่เป็นการกระทำที่เป็นการขู่กรรโชก เป็นความผิด!”
วินนี่ดูคลิปผ่านๆ ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “ถ้าอย่างนั้นตกลงแล้วคุณทำอะไรกับเธออยู่?”
ฉินสือโอวไม่กลัวว่าวินนี่จะรู้ความจริง เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงที่มีอีคิวสูงกว่าวินนี่เลย เรื่องแบบนี้ไม่สามารถปกปิดได้ แต่ควรพูดอย่างตรงไปตรงมาดีกว่า “ทิญาช่วยผมทำงานที่สำคัญมากงานหนึ่งสำเร็จ ผมเลยชวนเธอให้อยู่ต่อกินข้าวเย็นด้วยกัน เธอเลยแซวผมว่าผมมีอะไรลับลมคมในหรือเปล่า หลังจากนั้นผมก็ล้อเล่นกับเธอเหมือนกัน”
วินนี่พยักหน้ารับ “โอเค ฉันเข้าใจล่ะ หลังจากนั้นเรื่องนี้ก็ถูกกอร์ดอนถ่ายเก็บไว้ได้ ต่อจากนั้นเขาก็เลยเอาเรื่องนี้มาขู่คุณ?”
ฉินสือโอวตอบ “ใช่เลย”
วินนี่กระเถิบออกไป ชี้ไปที่กอร์ดอนแล้วเรียกหู่เป้าฉงหลัวที่กำลังดูอย่างตื่นเต้นตรงหน้าประตูว่า “มาๆ มากดตัวเขาไว้ วันนี้ฉันจะต้องสั่งสอนสักหน่อยแล้วว่าควรทำตัวอย่างไร!”
หู่เป้าฉงหลัวเดิมทีได้ยินเสียงถึงค่อยวิ่งมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่คิดว่าจะได้มีส่วนร่วมด้วย ดังนั้นพอได้รับคำสั่งจากวินนี่ พวกมันดวงตาเปล่งประกายทันที รีบวิ่งโผเข้ากอร์ดอนกันใหญ่…
……………………………………
Related

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset