ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1746 ลูกสาวแห่งท้องทะเล

เมื่อเข้าสู่พื้นที่บริเวณที่สาม สวนสไตล์จีนก็ปรากฏสู่สายตา เดิมทีอันเดร์วางแผนที่จะขุดทะเลสาบและแม่น้ำขนาดเล็กหลายจุดในบริเวณนี้ โดยจำลองแบบมาจากสวนจัวเจิ้ง อย่างไรก็ตามหลังจากเริ่มการก่อสร้างพบว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ส่วนใหญ่เป็นเพราะความไม่สะดวกในการจัดการ หากมีการสร้างสวนขนาดเล็กจริงๆ ฉินสือโอวต้องจ้างทีมงานพิเศษเพื่อทำความสะอาดและคอยเปลี่ยนน้ำ
ดังนั้นอันเดร์จึงหารือกับฉินสือโอวและเปลี่ยนเป็นการแสดงขนบธรรมเนียมของชาวจีนแทน ในป่าและสนามหญ้าจะมีกระโจมแบบมองโกล บ้านใต้ถุนสูง บ้านไม้ไผ่ และยังมีลานกว้างแบบทางเหนือ
พื้นที่บริเวณที่สี่ยังคงเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ถูกทำให้เป็นพื้นที่ดอกไม้ ซึ่งมีการปลูกพืชพันธุ์บางชนิดที่สามารถอาศัยอยู่ในเมืองเซนต์จอห์นได้ จากนั้นแบ่งเป็นสวนสาธารณะขนาดเล็กสี่แห่งตามฤดูคือ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อนฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว
สวนฤดูใบไม้ผลินี้โดดเด่นด้วยดอกไม้ มีดอกแดฟโฟดิลและทิวลิปสีเหลืองมากกว่า 10,000 ดอก รวมทั้งกุหลาบแดง ดอกซากุระ ลูกพีชและแอปริคอตนานาชนิด เมื่อถึงในฤดูใบไม้ผลิจะมีสีสันสวยสดและงดงาม อลังการมาก
สวนฤดูร้อนเป็นสวนกุหลาบ เมืองเซนต์จอห์นเป็นเมืองที่เหมาะกับกุหลาบมากกว่าหนึ่งร้อยชนิด อันเดร์และวินนี่เลือกกุหลาบมา 66 ชนิด กุหลาบเหล่านี้ปลูกตามสี เนื่องจากสวนฤดูร้อนเป็นสวนแนวยาว ดังนั้นเมื่อดอกไม้บานสะพรั่ง ในเวลานั้นดอกกุหลาบหลากสีจะต่างแข่งขันกันโชว์สีสดสวย กลายเป็นเป็นสีรุ้งที่งามตา
สวนในฤดูใบไม้ร่วงนี้โดดเด่นด้วยดอกรักเร่ นอกจากนี้ยังมีต้นไม้บางชนิดที่ย้ายมาจากป่าขนาดเล็กอย่าง หงส์ฟู่ ต้นเมตาเซโคเอียใบสีทอง ต้นพลัมแดง ต้นโซโฟร่าทอง ต้นควันใบม่วง และต้นสนบลูไอซ์ เป็นต้น ต้นไม้เหล่านี้จะออกดอกหรือใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งเป็นต้นไม้ที่สวยที่สุดในช่วงฤดูใบไม้ร่วง
ต้นไม้เหล่านี้เป็นมรดกตกทอดของปู่คนที่สองของฉินสือโอว อังเดรย้ายต้นไม้เล็กๆ ที่เพิ่งแตกหน่อที่ด้านในเท่านั้น ต้นไม้ใหญ่ที่โตแล้วไม่ได้เคลื่อนย้ายไปที่ไหน หลายต้นเกิดในช่วงเวลาเดียวกับที่ฟาร์มปลาก่อตั้ง เป็นเหมือนหุ้นส่วนของฟาร์มปลา อาศัยอยู่ที่เชิงเขามาด้วยดีตลอด
มีดอกไม้ค่อนข้างน้อยในสวนฤดูหนาว ส่วนใหญ่เป็นดอกบ๊วย ไซคลาเมน ต้นคริสต์มาส ต้นเมเปิลแดงและกล้วยไม้กะเรกะร่อนนิล อังเดรวางแผนที่จะแต่งสวนนี้ให้เป็นสวนคริสต์มาส เพราะอย่างไรก็ตามวันหยุดคริสต์มาสที่ใหญ่ที่สุดของแคนาดาก็อยู่ในช่วงฤดูหนาว
พื้นที่สุดท้ายคือพื้นที่น้ำพุร้อน ฉินสือโอวซื้อกระจกจำนวนมากเพื่อทำเป็นสวนกึ่งปิดล้อมที่ปลูกพืชพันธุ์ดอกไม้เขตร้อนและกึ่งเขตร้อนไว้ ชาวแคนาดาชอบสร้างสวนเล็กๆ ที่นี่จะออกแบบมาเป็นแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับวินนี่แล้ว เป็นพื้นที่ส่วนตัวที่เขามอบให้วินนี่ วันหลังเธอจะพาลูกๆ มาแต่งสวนแห่งนี้ได้ในอนาคต
พื้นที่บ่อน้ำพุร้อนยังคงวุ่นวายอยู่ตอนนี้ การประกอบกระจกเป็นบ้านที่แข็งแรงขึ้นมาไม่ใช่เรื่องง่าย ในฤดูหนาวลมทะเลแรง จึงต้องพิจารณาวิธีหลีกเลี่ยงลมและวิธีการปรับให้เหมาะกับภูมิประเทศโดยรอบ อันเดร์ยังจ้างเพื่อนคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงในด้านสวนประดิษฐ์มาช่วยออกแบบด้วย
ในสัปดาห์แรกของกลางเดือนสิงหาคม สงครามผู้กล้าจะเริ่มขึ้นแล้ว
ฉินสือโอวเตรียมทุกอย่างให้พร้อมเสร็จในวันศุกร์ เขาทำชุดเกราะด้วยตัวเอง ไม่ได้ใช้เกล็ดปลาจระเข้มากนัก เขาจึงทำชุดอุปกรณ์สำหรับลูกสาวของเขาด้วย เมื่อถึงเวลานั้นเขาจะพาลูกสาวของเขาออกโรงด้วยกัน
เดิมทีวินนี่อยากพาลูกสาวแต่งเป็นนางฟ้า ไม่ได้ทำให้ฉินสือโอวตกใจกลัว เธอจะอุ้มลูกสาวของเธอและบินขึ้นไปบนท้องฟ้า ไม่ต้องพูดถึงว่าลมจะพัดสาวน้อยของเธอหรือไม่ ถ้าหากเธอไม่ได้อุ้มลูกสาวให้แน่นดี ถ้าเช่นนั้นฉินสือโอวคงไม่อยากเข้าร่วมในกิจกรรมใดๆ อีกเลยตลอดชาตินี้
เสี่ยวเถียนกวากลับไม่อยากไปกับเขา ตอนเช้าวันเสาร์เห็นวินนี่เปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมออกไป เธอก็ร้องเรียกหม่าม๊ายื่นมือไปอยากให้เธอกอด วินนี่อดไม่ได้ที่จะมองไปที่เธอ ลูบผมสั้นๆ ของเธอและปลอบใจเธอ “ที่รัก เป็นเด็กดีนะ ตามพ่อของเราไปเป็นเจ้าหญิงแห่งท้องทะเลดีไหมคะ?”
เถียนกวาร้องโวยวาย “ไม่เป็น ไม่เอา ไม่เอา! ไม่ไปกับปาป๊า เถียนกวาไม่อยากไปกับปาป๊า!”
วินนี่ไม่สามารถพาเธอไปด้วยได้ เธอยักไหล่และอดทนต่อความเจ็บปวดเดินออกจากบ้านไป เถียนกวาคลานอยู่บนพื้น ด้านหนึ่งก็คลานไปด้านหนึ่งก็ร้องเรียกไป “หม่าม๊า หม่าม๊า!”
เชอร์ลี่ย์พอเห็นฉากนี้ก็ทนไม่ได้ พูดขึ้นว่า “ฉิน คุณแน่ใจนะว่าจะแต่งให้เถียนกวาเป็นนางเงือก? คุณดูสิตอนนี้เธอเหมือนหนอนตัวใหญ่มากกว่า ไม่ค่อยเหมือนนางเงือกเลย”
ใช่แล้ว ฉินสือโอวพ่อที่งี่เง่าคนนี้อยากจะแต่งลูกสาวเขาให้เป็นนางเงือก ไม่ได้มีหนังเรื่องหนึ่งที่ชื่อว่า “ลูกสาวแห่งท้องทะเล” หรอกเหรอ? ตัวละครเอกในนั้นเป็นนางเงือกตัวหนึ่ง ฉินสือโอวได้แรงบันดาลใจจากสิ่งนี้ จึงอยากแต่งให้เถียนกวาเป็นนางเงือก
เริ่มแรกเมื่อเถียนกวาเห็นก็ยังดีใจอยู่เลย หางของนางเงือกฝังด้วยเกล็ดปลาจระเข้ซึ่งดูสวยงาม มันสวยงามมากภายใต้แสงไฟซึ่งดึงดูดความสนใจของเด็กหญิงตัวน้อยได้ในทันที
แต่ทว่าพอฉินสือโอวสวมใส่ให้เธอ เธอก็ไม่ยอมแล้ว เพราะถ้าเป็นแบบนี้เธอจะทำได้แค่คลานอยู่บนพื้น ยืนขึ้นมาไม่ได้…
สำหรับหญิงแข็งแกร่งที่ชอบวิ่งดั่งสายลม ถือเป็นเรื่องเจ็บปวดมากที่ขาของเธอต้องถูกมัดไว้ ในช่วงสองวันที่ผ่านมาทุกครั้งที่ฉินสือโอวลองแต่งหน้าให้เธอ เถียนกวาก็จะกรีดร้องเป็นพักๆ ตอนแรกเธอประท้วงและปฏิเสธ แต่ภายหลังพบว่าเธอไม่มีปัญญาสู้เขาได้ เธอจึงทำได้เพียงขอความช่วยเหลือ
เมื่อฟังคำพูดของเชอร์ลี่ย์ ฉินสือโอวพูดอย่างไม่พอใจว่า “เธอพูดอะไรน่ะ ลูกสาวของฉันจะไปเหมือนหนอนตัวใหญ่ได้ที่ไหน? ดูสิ นางเงือกน้อยที่สวยงามขนาดนี้ จริงไหม?”
เชอร์ลี่ย์ยิ้มเจื่อนและพูดว่า “ถึงคุณอยากให้เธอเป็นเงือกน้อย ก็ไม่จำเป็นต้องใส่ถุงน่องเกี่ยวรัดให้เธอไหม? ยังมีเปลือกหอยที่อยู่บนหน้าอกเธอสองอันนั้นอีก ของบ้าอะไรไม่รู้?”
เมื่อเถียนกวาได้ยินคนสองคนกำลังถกเถียงกันอยู่ก็หันศีรษะกลับไปมองพ่อเธอด้วยสายตาเคืองโกรธ น่าเสียดายที่พ่อของเธอไม่สนใจพวกนี้ ยักไหล่แล้วพูดว่า “ช่วยไม่ได้ ถ้าไม่ใส่ถุงน่องเกี่ยวรัดให้เธอแบบนี้เธอก็จะใส่หางปลาไว้ไม่ได้ อีกอย่างเปลือกหอยน้อยมีปัญหาอะไรตรงไหน? เธอดูนางเงือกน้อยในโทรทัศน์สิ หน้าอกมีเปลือกหอยสองอันอยู่ทั้งนั้น”
เชอร์ลี่ย์อยากจะพูดอะไรต่อ แต่ฉินสือโอวขัดเธอก่อนโดยพูดขึ้นว่า “ถ้าเธอคิดว่าเถียนกวาไม่เหมาะ ถ้าอย่างนั้นเธอก็มาเป็นลูกสาวนางเงือกน้อยของฉันแทน แน่นอนว่าต้องใส่หางปลานี่และเปลือกหอยสองอันด้วย”
เมื่อเขาพูดจบ เชอร์ลี่ย์ไม่พูดอะไรต่อ เธอเอาปีกนางฟ้าของเธอและเดินจากไป ก่อนจากไปเธอมองเถียนกวาด้วยความเห็นใจ ลาก่อน เงือกสาวที่รัก พี่สาวกำลังจะไปเป็นนางฟ้าแล้ว
หู่เป้าฉงหลัวก็แต่งตัวเหมือนกัน ทั้งไหล่ หน้าอก ด้านบนศีรษะ ด้านหลังและแขนขาทั้งหมดของฉงต้าและฉงเอ้อถูกมัดด้วยชุดเกราะที่ทำจากแผ่นเหล็กสีขาว มีรูปดาวกองทัพแดงห้าแฉกอยู่บนแผ่นเหล็ก เห็นได้ชัดว่าพวกมันถูกแต่งเป็นหมีสงคราม
บนไหล่ของฉงต้ายังมีบาซูก้า ซึ่งซีมอนสเตอร์ทำออกมาจากหลอดพลาสติก เขามีมือที่มีทักษะคู่หนึ่ง บาซูก้าทำออกมาได้ดูเสมือนจริง เมื่อฉงต้าเดิน แขนขาทั้งสี่ก็เหมือนกับแบกบาซูก้าอยู่เตรียมโจมตี
ส่วนหู่จือและเป้าจือสวมเสื้อเกราะกันกระสุนของสุนัขที่ตอนนั้นเจ้าของฟาร์มปลาท่านหนึ่งมอบให้กับฉินสือโอว ฉินสือโอวยังใส่ชุดสุนัขด้านนอกซึ่งเป็นชุดทหารให้กับพวกมัน แต่มีแขนขาเทียมสองข้าง ขาเทียมทั้งสองถือปืนไว้บนหน้าอก และเมื่อพวกเขาวิ่ง หากมองจากด้านหน้าตรงๆ ก็จะดูเหมือนว่าทหารอเมริกันกำลังวิ่งมาพร้อมปืน
แบล็คไนฟ์และคนอื่นๆ พอเห็นแล้วก็รู้สึกไม่พึงพอใจ พูดขึ้นว่า “บอส พวกเราขอคัดค้าน นี่เป็นการดูถูกพวกเราทหารอเมริกัน!”
ฉิยสือโอวเกาหัวของเขาและพูดว่า “พวกนายพูดถูก หู่จือและเป้าจือดูไม่เหมือนทหารอเมริกัน รอฉันสักครู่”
เขาเดินกลับไปหาของเล่นที่มีธงอเมริกันติดดาว ติดไว้บนไหล่ของพวกมัน พยักหน้าและยิ้ม “เรียบร้อย ตอนนี้เหมือนละ”
แบล็คไนฟ์และคนอื่นๆ “…”
………………………………..
Related

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset