ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1768 การทำฟาร์มในเดือนกันยายน

หลังจากที่งานประมูลสิ้นสุดลง ฉินสือโอวก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นมีมูลค่าขึ้นมา เขาพาวินนี่นั่งเครื่องเฮลิคอปเตอร์ไปยังแฮมิลตัน เพื่อที่จะไปยังฟาร์มเล็กๆ ของเหมาเหว่ยหลง
เขาคิดจะเซอร์ไพรส์เหมาเหว่ยหลง จึงไม่ได้บอกล่วงหน้า เขาจึงสั่งให้บีบีซวงขับเฮลิคอปเตอร์ตรงไปยังฟาร์มของเหมาเหว่ยหลงทันที
โทรอนโตอยู่ไม่ไกลจากแฮมิลตัน เมืองแห่งนี้เป็นเมืองที่เงียบสงบมาก เมื่ออยู่บนเฮลิคอปเตอร์และมองลงมายังเมื่อข้างล่าง จุดหมายของพวกเขาคือคลื่นสีทองที่ปลิวไหวไปมาใต้สายลม รวงข้าวโพดที่โตแล้วจำนวนนับไม่ถ้วนปลิวไหวไปตามแรงลม พื้นที่เพาะปลูกถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ เมืองเล็กๆ แห่งนี้เป็นเมืองที่ถูกใจคนขี้เกียจอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อมองลงมาจากท้องฟ้า บรรยากาศต่างอากาศของฟาร์มแห่งนี้ชัดเจนเป็นอย่างมาก แต่เมื่อมองจากพื้นดินภาพที่เห็นนั้นไม่เหมือนกัน เสียงรถทำฟาร์มดังสนั่นลั่นไปทั่วฟาร์ม แคนาดาเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงเรื่องการทำฟาร์มระดับโลก พวกเขามีวิวัฒนาการทางการเกษตรที่สูงมาก พื้นที่ทำฟาร์มขนาดใหญ่เต็มไปด้วยยานพาหนะทางการเกษตรและเครื่องจักรแล่นไปมาจนไม่สามารถมองเห็นเงาของคนได้ มีแต่รถแล่นไปมาวุ่นวายไปหมด
เหมาเหว่ยหลงรับรู้ถึงการมาถึงของเฮลิคอปเตอร์ของฉินสือโอว เมื่อโลมาสุดหล่อปรากฏตัวขึ้นน่านฟ้าเหนือฟาร์มของเขา เขาที่กำลังขับรถเกี่ยวข้าวโพดไปยังฟาร์มเพื่อทำการเก็บเกี่ยวข้าวโพดก็กระโดดออกมาจากรถและโบกไม้โบกมือให้ฉินสือโอวทันที
ฉินสือโอวมองลงจากเฮลิคอปเตอร์ เมื่อเห็นภาพนั้น เขาก็ถอนหายใจออกมา “พี่น้องก็ยังเป็นพี่น้องอยู่วันยังค่ำ พอเห็นพวกเรามาก็ดีใจยกใหญ่เลย!”
วินนี่ก็เห็นท่าทางแบบนั้นเช่นกัน เมื่อเฮลิคอปเตอร์ค่อยๆ ลงจอด หลังจากที่เธอเห็นท่าทางของเหมาเหว่ยหลง เธอก็พูดขึ้นมาด้วยความไม่สบายใจทันทีว่า “ที่รักคะ นี่คือท่าทางเวลาเขาดีใจเหรอ? เหมือนเขาจะบอกว่าไม่ให้เราจอดที่นี่มากกว่านะ บอกให้พวกเราไปจอดที่อื่น”
ฉินสือโอวพูดว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร โคโกโร่จะให้พวกเราไปจอดที่ไหนล่ะ? เขาก็แค่กำลังตื่นเต้นอยู่เท่านั้น”
แบล็คไนฟ์ที่นั่งอยู่เบาะคนขับมองภาพนั้นครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “บอส ผมคิดว่านายหญิงพูดถูกนะครับ เพื่อนของคุณบอกให้เราไปอีกด้าน น่าจะเป็นเพราะว่าเฮลิคอปเตอร์ของเรามีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ หากลงจอดตรงนี่จะให้ข้าวโพดล้มตายได้”
ฉินสือโอวมองไปยังต้นข้าวโพดที่ปลิวไปมาตามลมที่อยู่ด้านล่าง เขาส่ายหัวไปมา อดที่จะยอมรับไม่ได้ว่าสิ่งที่วินนี่พูดนั้นเป็นความจริง
เพราะเหตุนี้เฮลิคอปเตอร์จึงลอยขึ้นอย่างรวดเร็ว มันลงจอดที่ฟาร์มที่อยู่ถัดไป เหมาเหว่ยหลงขับรถมารับพวกเขา เมื่อเห็นพวกฉินสือโอว เขาก็พูดขึ้นด้วยอารมณ์คุกรุ่นว่า “ฉิน สมองแกมีแต่น้ำอยู่ข้างในรึไง? เฮลิคอปเตอร์ของแกลดระดับลงมาใกล้ฟาร์มของฉันขนาดนี้ คิดจะเป่าอาหารของฉันให้ลอยไปบนฟ้าหรือยังไง?”
ฉินสือโอวจ้องไปยังเขาและเตรียมที่จะเอ่ยปากเถียง แต่ตอนนั้นเองตั๋วตั่วที่ผูกหางม้าก็กระโดดลงมาจากรถเสียงดัง ‘ผลัก’ พลางอ้าแขนออกมาอย่างดีใจ “พ่อบุญธรรม แม่บุญธรรม ตั๋วตั่วคิดถึงทั้งสองคน”
หลังจากที่โลลิน้อยพูดจบ ความมั่นใจในตัวเองของเธอก็เพิ่มขึ้น ทำให้นับวันเธอยิ่งมีเสน่ห์และสวยมากขึ้น มีออร่ามากขึ้น เมื่อเธอยิ้มจนตาดวงกลมโตหยีเป็นเส้นตรง แบบนั้นก็ยิ่งน่ารักเข้าไปอีก
ฉินสือโอวมองไปยังใบหน้าของตั๋วตั่วที่ไม่เหมือนกับเหมาเหว่ยหลงเลยแม้แต่น้อย เขากอดตั๋วตั่วแล้วหอมแก้มเธอหนึ่งที จากนั้นเขาก็ไปอุ้มลูกสาวของตัวเองพลางพูดว่า “เถียนกวา เรียกว่าพี่นะลูก”
เถียนกวามองไปยังตั๋วตั่วอย่างงุนงง ปากเล็กขยับเรียก ‘พี่สาว’ ออกมา หลังจากนั้นเธอก็กระโดดออกจากอ้อมกอดและเข้าไปดึงหางม้าของตั๋วตั่ว
วินนี่รีบคว้าแขนของเถียนกวาทันที จากนั้นบอกเธออย่างจริงจังว่าไม่ควรรังแกพี่สาว เมื่อเถียนกวาพยักหน้าแล้ว วินนี่จึงปล่อยให้เธอไปหาตั๋วตั่ว
เหมาเหว่ยหลงพูดออกมาอย่างดูถูกว่า​ “อะไรที่เรียกว่าอย่าแกล้งพี่สาว? ลูกสาวของเธอตัวเล็กขนาดนี้ จะแกล้งตั๋วตั่วได้ยังไง?”
เมื่อถูกวินนี่สั่งสอน เถียนกวานรู้ทันทีว่าสิ่งที่ตัวเองทำเมื่อกี้ไม่ถูกต้อง ต้องขอโทษ เธอรีบวิ่งกลับไปยังเฮลิคอปเตอร์ เธอปีนขึ้นไปอย่างรีบร้อนเพื่อหาพี่น้องเฟอเรทที่กำลังหลับอยู่ และลากหางของพวกมันออกมา
พี่น้องเฟอเรทอยากจะขัดขืน แต่เถียนกวามองไปยังพวกมันด้วยสายตาดุดัน ทันใดนั้นพวกมันทั้งสองตัวก็ทำตัวดีทันที พวกมันแกล้งทำเป็นตายแล้วปล่อยให้เถียนกวาลากออกไป
เหมาเหว่ยหลงสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาของเขาเบิกโพลง “พระเยซูเจ้า ลูกสาวของนายยังไม่ถึงสามขวบไม่ใช่เหรอ? ฉันไม่เจอลูกนายไม่ถึงหกเดือนเองใช่ไหม? ทำไมถึงได้กล้าหาญแบบนี้ล่ะ?”
“ผู้หญิงพอโตขึ้นก็เปลี่ยนไป 18 แบบ!” ฉินสือโอวทำเพียงอธิบายแค่นี้
เมื่อทุกคนขึ้นรถ เหมาเหว่ยหลงก็พาพวกเขากลับไปยังฟาร์ม หลิวซูเหยียนเตรียมน้ำชาและเครื่องดื่มไว้ให้เรียบร้อย และปล่อยให้พวกเขาพักผ่อนตามอัธยาศัย ส่วนตัวเองนั้นไปสอนลูกชายที่กำลังหัดเดินอยู่ช้าๆ
ฉินสือโอวมองไปยังลูกชายตัวกลมของเหมาเหว่ยหลง จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมา ฉินสือโอวเอื้อมมือออกไปหยิกแก้มอ้วนๆ ของเขาแล้วพูดออกมาว่า “โธ่ ที่ลูกชายของนายอ้วนขนาดนี้ เพราะว่านายตามใจใช่ไหม? ทำไมลูกบุญธรรมของฉันถึงได้ผอมแบบนี้ แล้วทำไมเด็กคนนี้ถึงอ้วนขนาดนี้? “
เด็กชายตัวอ้วนมองมายังฉินสือโอว ดูเหมือนว่าฉินสือโอวจะให้เด็กชายกลัว เขาหมุนตัวเข้าไปยังอ้อมกอดของหลิวซูเหยียน จากนั้นก็อ้าปากร้องไห้ออกมา
ฉินสือโอวยักไหล่ แล้วมองไปยังเหมาเหว่ยหลงด้วยท่าทีใสซื่อ “กลางวันนี้พวกเราทานอะไรกันดี?”
เหมาเหว่ยหลงตอบกลับอย่างว่างเปล่าว่า “ทำไมฉันถึงตามสถานการณ์พวกนี้ไม่ทันเลยนะ?”
หลิวซูเหยียนกอดลูกชายพลางพูดว่า “กลางวันนี้เกี๊ยวน้ำผักดีไหมคะ? เมื่อเช้าฉันพึ่งไปเก็บผักกระเป๋าเงินของคนเลี้ยงแกะมา ยังสดอยู่เลย รสชาติก็อร่อย พวกคุณอยากลองชิมไหมคะ?”
เหมาเหว่ยหลงโบกมือปัดอย่างรวดเร็ว “พูดอะไรน่ะ ฉินเป็นพี่น้องที่ดีของผม น้องรักของผมมาเยี่ยม จะให้พวกเขาทานเกี๊ยวผักน้ำได้อย่างไร? ผมจะไปทำพวกเนื้อวัวเนื้อแกะอะไรพวกนั้น กลางวันนี้พวกเราจะทานเนื้อย่างกัน!”
ว่ากันตามตรงแล้วฉินสือโอวไม่ได้สนใจเกี๊ยวผักน้ำเลยสักนิด เมื่อตอนที่พ่อกับแม่ของเขาออกไปตกปลา เขาต้องกินเกี๊ยวผักน้ำตลอดทั้งฤดูใบไม้ผลิ อีกนานคนแก่ทั้งสองคนก็จะกลับมาแล้ว คาดว่าพอถึงตอนนั้นพวกเขาก็ยังคงทานแต่เกี๊ยวผักน้ำ เรื่องนี้ทำให้ท่านชายฉินเบื่อหน่ายเป็นอย่างมาก
ต้นกำเนิดของผักกระเป๋าเงินของคนเลี้ยงแกะอยู่ที่ยุโรปตะวันออกและเอเชียไมเนอร์ ต่อมาเมล็ดพันธุ์ของมันก็กระจายไปทั่วโลกด้วยนักเดินทาง ตอนนี้สามารถเจอมันได้ทั้งที่เอเชีย ยุโรปและอเมริกา ส่วนใหญ่แล้วพวกวมันจะอยู่ตามเขตอบอุ่นของโลก พวกมันเป็นพืชที่ชอบความอบอุ่นและมีความทนแดด บนดินแดนอันกว้างใหญ่ของแคนาดานั้น แฮมิลตันเป็นที่ที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของพวกมันมากที่สุด พวกมันงอกตลอดทั้งปียกเว้นในฤดูหนาว ในช่วงฤดูอื่นๆ จะสามารถเห็นผักกระเป๋าเงินของคนเลี้ยงแกะได้ทุกที่
ในแฮมิลตันพืชชนิดนี้อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ค่อยดี เนื่องจากที่นี่มีชาวจีนอาศัยอยู่น้อย คนที่ทานผักชนิดนี้จึงน้อยเช่นกัน สำหรับคนทำฟาร์มแล้ว ผักกระเป๋าเงินของคนเลี้ยงแกะก็เหมือนกับวัชพืช พวกมันไม่ได้รับการต้อนรับ
ฉินสือโอวไม่ได้อยากที่จะกินเกี๊ยวผักน้ำอยู่แล้ว แต่เมื่อเห็นจากรูปร่างของหลานแล้ว เกี๊ยวน้ำนี้ท่าทางจะไม่เลวเลยทีเดียว แล้วอย่างนั้นทำไมไม่ให้พวกเขากินล่ะ? นอกจากนี้ยังพูดอีกว่า ‘ฉินเป็นน้องชายที่แสนดี’ คำพูดชนเลี่ยนแบบนี้ คำพูดที่ดูประจบเช่นนี้ยังใช่โคโกโร่อยู่หรือเปล่า?
“ไม่เป็นไร อย่างไรต้องให้เจ้าของบ้านเป็นหลัก พวกเรามาทานเกี๊ยวผักน้ำกันเถอะนะ” ฉินสือโอวพูด
เหมาเหว่ยหลงโบกมือ พลางพูดว่า “ไม่ๆๆ ไม่ทานเกี๊ยวน้ำ นี่ไม่ใช่วิธีต้อนรับแขก พวกเรามาทานบาร์บีคิวและดื่มเบียร์กันเถอะ”
“ทานบาร์บีคิว ทานเกี๊ยวน้ำ! และเรื่องการต้อนรับแขกอีก? โคโกโร่ พวกเราเป็นคนสนิทกัน ทำไมฉันถึงกลายเป็นแขกของแกไปได้ล่ะ แกมองว่าพวกเราเป็นคนนอกเหรอไง” ฉินสือโอวพูดออกมาอย่างไม่พอใจ
เมื่อได้ยินดังนั้นเหมาเหว่ยหลงก็ยิ้มออกมา “ก็จริง ฉันทำเหมือนแกเป็นคนนอกก็ไม่ถูก ไปๆๆ พวกเราไปออกภาคสนามกันเถอะ แกก็อย่ามองว่าฉันเป็นคนนอกนะ “
………………….
Related

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset