ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1778 มันจากไขมัน

วินนี่อธิบายให้ฉินสือโอวฟังว่า ​“ลูกสาวเราต้องการกระต่ายที่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่ได้อยากทานกระต่าย คุณคิดว่าใครๆ ก็อยากเอาแต่จะทานแบบคุณเหรอ? คุณอธิบายให้ลูกฟังได้ใช่ไหมคะ?”
ฉินสือโอวหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น “ในเมื่อคุณรู้จักลูกสาวดีขนาดนี้ ทำไมเมื่อกี้คุณไม่ให้ความรู้เรื่องอาหารแก่เธอตอนนี้เสียล่ะ?”
วินนี่ยิ้มออกมาอย่างมีเสน่ห์แล้วตอบว่า “ด้วยความยินดี!”
การจับกระต่ายเป็นๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย หากอยู่ท่ามกลางหิมะ หากเจอเข้ากับรอยเท้าก็กระต่ายก็ยังสามารถตามไปขุดพวกมันถึงรังได้ แต่ตอนนี้อยู่ในทุ่งข้าวโพดแบบนี้ ใครจะไปรู้ว่ารังกระต่ายอยู่ที่ไหน
เมื่อเห็นดวงตากลมของลูกสาวเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา ฉินสือโอวก็ถอนหายใจออกมา ‘ยากลำบากจริงๆ ไม่ว่าจะมีปัญหาหรือยุ่งยากแค่ไหนก็ต้องจัดการ!’
เขาใช้วิธีการโง่ๆ นั่นคือการขุดรังกระต่าย รถแทรกเตอร์วิ่งไปทั่วพื้นที่ไร่ เขาจำตำแหน่งที่กระต่ายโผล่ขึ้นมาได้ หลังจากนั้นก็ไปหาโพรงกระต่าย เมื่อกระต่ายตัวใหญ่กระโดดออกมาแล้ว ลูกกระต่ายจะต้องยังอยู่ในโพรงแน่นอน
พี่น้องเฟอเรทยังคงลากระต่ายต่อไป กระต่ายพวกนี้แทบจะไม่สามารถหลบหนีพวกมันได้เลย หากพวกมันกำลังจ้องมองอยู่ แต่ว่าหลังจากที่พวกมันจับกระต่ายมาได้ห้าหกตัวแล้ว วินนี่ก็เรียกให้พวกมันกลับมา จากนั้นก็บอกกับตั๋วตั่วและเถียนกวาว่า “เท่านี้ก็พอทานแล้ว ดังนั้นไม่ต้องล่ามันอีกต่อไป ใช่ไหม?”
ตั๋วตั่วยิ้มหวานออกมาพลางตอบว่า “ใช่ค่ะ”
เถียนกวาเลียนแบบตั๋วตั่ว เธอยิ้มและพูดออกมาอย่างสดใสว่า “ใช่ค่ะ”
ฉินสือโอวไม่เข้าใจว่าแค่พูดคำว่า ‘ใช่ค่ะ’ แล้วทำไมลูกสาวของตัวเองถึงต้องดูดีใจขนาดนั้น…
ในที่สุด หลังจากที่ไล่กระต่ายตัวใหญ่สีทองไปแล้ว ฉินสือโอวก็เปิดซากก้านข้าวโพดออกจนพบกับรูขนาดใหญ่รูหนึ่ง เขาเจอเข้ากับกระต่ายน้อยที่กำลังหัดเดินอยู่ตัวหนึ่ง กระต่ายพวกนี้วิ่งไม่ได้ พวกมันจึงได้แต่ผวาตัวสั่นเพราะความตัวอยู่ในโพรง
แต่ทางหนีทีไล่ของพวกมันทั้งหมดไม่มีเลย อาจจะเพราะว่ากระต่ายที่แคนาดาไม่ได้ได้มีคนมาล่าและมีศัตรูตามธรรมชาติน้อย ดังนั้นพวกมันจึงแทบจะไม่ต้องทำแบบนี้ โพรงของพวกมันไม่ได้เป็นแบบที่ทะลุทั้งสองด้าน ตราบใดที่กระต่ายถูกกั้นเส้นทางไว้พวกมันก็ไม่สามารถวิ่งได้
ฉินสือโอวหยิบลูกกระต่ายออกมาจากโพรง พวกมันมีทั้งหมดหกตัว ขนของพวกมันทั้งหมดเป็นสีน้ำตาลทอง สีธรรมดา ไม่ได้สวยงามมากนัก ยังห่างไกลจากกระต่ายป่าสโนว์ชูที่เขาเคอร์บัลอยู่มาก แต่ว่ากระต่ายพวกนี้ตัวเล็กน่ารักมาก ดังนั้นเมื่อดูๆ ไปก็น่ารักดี
เมื่อเห็นกระต่ายพวกนั้น เถียนกวาก็โบกมือไปด้วยความดีใจ แล้วตะโกนออกมาว่า ​”มีกระต่ายแล้ว มีกระต่ายแล้ว”
เธออยากจะเอื้อมมือไปแตะหลังกระต่าย ฉินสือโอวบอกให้ระวังอย่าไปโดนตัวมัน และให้ระวังพวกมันกัด แต่วินนี่เดินมาหา แล้วจับมือเล็กๆ ของลูกสาวอย่างอ่อนโยน พร้อมกับพูดว่า​ “ดูสิ มือของลูกสกปรกแบบนี้ มีแบคทีเรียเยอะมาก จับกระต่ายไม่ได้นะ พวกมันยังเด็ก หากไวรัสเข้าร่างกายพวกมันล่ะแย่เลย ใช่ไหม?”
เถียนกวาพยักหน้าอย่างว่าง่าย เธอล้มเลิกความคิดที่จะเอื้อมมือไปจับกระต่าย
ฉินสือโอวส่ายหัว ให้ตายเถอะ ในเรื่องเดียวกันแต่วิธีการของเขานั้นแย่กว่าวินนี่เยอะเลย โชคดีที่เธอเป็นภรรยาของเขา ไม่อย่างนั้นเขาต้องอิจฉาเธอเป็นแน่
หลังจากที่วินนี่กลับไป เขาก็เอากระต่ายใส่ไว้ในกรง จากนั้นจึงส่งกรงให้เถียนกวาและตั๋วตั่วเอาไปเล่นได้ เด็กสาวตัวเล็กใหญ่ทั้งสองคนถือกรงกระต่ายวิ่งไปทั่วอย่างสนุกสนาน ลูกชายของเหมาเหว่ยหลงพึ่งจะกัดเดิน เขาแกว่งมือไปมาเพื่อที่จะจับกระต่าย เถียนกวาตีมือเขาพลางพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “สกปรก มีแบคทีเรีย มะม๊าบอกว่าจับไม่ได้”
หลิวซูเหยียนอุ้มลูกของตัวเองกลับไป แล้วพูดว่า “ใช่แล้ว ร่างกายของลูกกระต่ายมีแบคทีเรีย และยังกัดคนได้ด้วย อย่าไปจับมันนะ เข้าใจไหม?”
ฉินสือโอวที่กำลังจัดการกับกระต่ายได้ยินสิ่งที่เธอพูดพอดี หลังจากนั้นเขาก็รู้ว่าสะใภ้ของเขานั้นมีส่วนช่วยในการให้ความรู้แก่เด็กๆ ด้วยเช่นกัน
แบล็คไนฟ์และฉินสือโอวกำลังจัดการกับกระต่ายอยู่ เหมาเหว่ยหลงถามว่าจะทานกันอย่างไร ตามความหมายของฉินสือโอวแล้ว คือการจุดไฟและย่างกระต่าย แต่นี่เป็นฤดูกาลเก็บเกี่ยว ไม่สามารถจุดไฟในฟาร์มได้ หากจะย่างกระต่ายก็ต้องย่างด้วยตะแกรงหรือเตาอบเท่านั้น แต่การทำแบบนั้นจะไม่สามารถย่างกระต่ายทั้งตัวได้
เมื่อได้ยินดังนั้น เหมาเหว่ยหลงก็ตบเข่าเสียงดังแล้วพูดว่า ​”เรื่องนี้ง่ายมาก ที่นี่มีเตาอบสำหรับย่างเป็ด หากเอากระต่ายไปแขวนและย่างพวกมันจะใช้ได้เหมือนกันไหมนะ?”
ฉินสือโอวร้องขึ้นด้วยความตกใจว่า “พระเจ้า ที่นี่มีของทุกอย่างเลยเหรอ? แกย้ายปักกิ่งมาที่นี่หรือยังไง?”
เหมาเหว่ยหลงหัวเราะหึหึออกมา “มันเป็นเตาอบขนาดเล็กน่ะ ฉันขอร้องให้เพื่อนเอามาให้ ที่ไม่ใช่ความหายของการเลี้ยงเป็ดหรือยังไง? ฉันคิดจะทำเป็นย่างทานน่ะ แต่ว่าเอามาย่างกระต่ายก็ไม่เสียหาย”
เตาอบนั้นใช้ไฟแทนไฟฟ้า ที่ติดอยู่กับฟาร์มของเหมาเหว่ยหลงเป็นสวนผลไม้ ข้างในสวนเต็มไปด้วยต้นแอปเปิล และสวนแห่งนี้ไม่มีเจ้าของ ดังนั้นการจะเอาของบางอย่างออกมาจากข้างในก็ไม่ผิดอะไร พวกเขาหมักกระต่ายด้วยโป๊ยกั๊ก ผักชีล้อม เม็ดยี่หร่า และพริกไทยเสฉวน หลังจากนั้นก็ไปยังสวนผลไม้ข้างๆ เพื่อหาต้นแอปเปิลที่ตายแล้ว จากนั้นก็ลากกลับมา
เมื่อหมักกระต่ายเสร็จแล้ว ก็นำเครื่องเทศเหลานี้ใส่เข้าไปในท้องของมันและเย็บด้วยด้าย ที่ผิวด้านนอกโรยยี่หร่าเพิ่มเข้าไป และทาด้วยน้ำมันถั่วลิสงอีกชั้นหนึ่ง แบบนี้เนื้อกระต่ายก็จะมันเงา เมื่อย่างแล้วจะได้รับรสชาติที่นุ่มทั้งข้างในและข้างนอก
ฉินสือโอวถามว่าทำไมไม่ใช้น้ำมันมะกอก คนแคนาดาเวลาย่างอะไรมักจะชอบใช้น้ำมันมะกอก น้ำมันชนิดเรียกถูกเรียกว่าทองคำเปลว มันดีต่อสุขภาพ ตอนนี้ฉินสือโอวจึงใช้น้ำมันมะกอกทำอาหารทุกชนิด เหมาเหว่ยหลงส่ายหัว เขาบอกว่าน้ำมันมะกอกหอมสู้น้ำมันถั่วลิสงไม่ได้ เขาและหลิวซูเหยียนคุ้นชินกับการใช้น้ำมันถั่วลิสง และไม่เคยใช้น้ำมันมะกอกเลย
พวกเขาแขวนกระต่ายทั้งห้าตัวไว้ในเตาอบ กระต่ายพวกนี้อ้วนเป็นอย่างมาก หลังจากทำความสะอาดแล้วตัวหนึ่งมีน้ำหนักสามถึงสี่กิโลกรัม ที่บ้านของฉินสือโอวจะพบเจอกระต่ายป่าที่มีขนาดตัวใหญ่แบบนี้ได้ยากมาก เนื่องจากสภาพแวดล้อมเลวร้ายเกินไป กระต่ายจึงน้อยลงเรื่อยๆ และพวกมันก็โตยากขึ้นไปเรื่อยๆ
ฤดูใบไม้ร่วงอากาศเย็นและสดชื่น นี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะทานของป่า ต่อมาสัตว์ดุร้ายจะเริ่มจำศีลในช่วงฤดูหนาว ไขมันของพวกมันจะถูกเผาผลาญไป และรสชาติจะไม่อร่อย
นอกจากย่างกระต่ายป่าแล้ว เหมาเหว่ยหลงและหลิวซูเหยียนก็ยังทำอาหารอีกสองสามอย่าง อาหารทั้งหมดเป็นอาหารที่พวกเขาทำขึ้นเอง แต่รสชาติเป็นรสชาติแบบอาหารจีนดั้งเดิม หลิวซูเหยียนเป็นชาวหูหนาน อาหารแต่ละอย่างที่ทำจึงมีกลิ่นที่ค่อนข้างหอมโดดเด่น โดยเฉพาะเมนูผักคุณยาย ที่หอมเตะจมูกมาก!
ร้านเป็ดย่างในปักกิ่งมักจะใช้เตาไฟในการทำเป็ดย่าง ว่ากันว่ารสชาตินั้นเป็นรสชาติมาตรฐาน เตาอบที่เหมาเหว่ยใช้ไม่ได้เป็นเตาไฟฟ้า แต่ก็สามารถทำให้เหมือนได้ รูปร่างเตาค่อนข้างแบน พวกเขาแขวนกระต่ายไว้ด้านบนส่วนด้านล่างก็วางผลไม้ไว้ หลังจากที่อุณหภูมิค่อยๆ สูงขึ้น หยดน้ำมันที่อยู่ทั่วตัวกระต่ายก็ไหลกลิ้งไปมาทันที
เดิมทีพวกเขาคิดจะไปทานอาหารนอกบ้าน แต่เมื่อถึงเวลาค่ำ ฟ้าก็เริ่มมืด ลมที่พัดไปมาแฮมิลตันเย็นขึ้นมาก แบบนี้ทำให้ไม่สามารถทานอาหารด้านนอกได้ จึงทำได้เพียงทานอาหารอยู่ในบ้านเท่านั้น
เหมาเหว่ยหลงตรวจสอบอุณหภูมิจากเว็บไซต์ของกรมอุตุนิยมวิทยา เขายักไหล่แล้วพูดขึ้นว่า “พรุ่งนี้และวันมะรืนจะมีฝน โชคดีที่ได้พวกแกมาช่วยไว้ไม่อย่างนั้นข้าวโพดพวกนี้แย่แน่ พอฝนตกความชื้นก็จะสูง การจะเก็บข้าวโพดเข้าโกดังต้องแห้งเท่านั้น แบบนั้นก็จะเริ่มลำบากแล้วล่ะ”
ฉินสือโอวพูดว่า “นี่เป็นคำบัญชาจากพระเจ้า ใช่ไหม วินนี่? คุณดูสิฝนจะตกแหละ งั้นพวกเราอยู่ที่นี่อีกสักสองสามวันแล้วกัน”
พอกระต่ายโดนย่างจนสุกแล้ว ที่ด้านนอกฝนก็เริ่มตก ฉินสือโอวสูดกลิ่นหอมของเนื้อกระต่ายย่างและกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของยี่หร่า พลางถามออกมาว่า ​”ที่แฮมิลตันฝนตกบ่อยไหม?”
เหมาเหว่ยหลงตอบกลับว่า “อ้อ ที่นี่ฝนตกบ่อยเลยและ แต่ว่านี่เป็นฝนแรกของฤดูใบไม้ร่วง พอฝนตกแบบนี้ อากาศก็จะยิ่งเย็นเข้าไปอีก! มาๆๆ อย่าไปสนใจเลย รีบมาชิมเนื้อกระต่ายย่างดีว่าเป็นอย่างไร!”
…………………..
Related

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset