ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1780 การชำระล้างอากาศ

อาหารเช้าเป็นอาหารง่ายๆ แต่ฉินสือโอวกลับทานด้วยความพอใจเป็นอย่างมาก ไข่เจียวนั้นทั้งหอมและอร่อย เมื่อมันรวมเข้ากับเบคอนแล้ว พอทานรวมกันแล้วรสชาติกำลังพอดี เมื่อทานคู่กับนมธัญพืชทั้งห้าอีก ฉินสือโอวรู้สึกว่าอาหารเช้าตะวันตกง่ายๆ แบบนี้ช่างอร่อยยิ่งนัก
ฝนยังคงตกโปรยปราย และดูเหมือนว่าหมอกจะลงหนักมากขึ้น เหมาเหว่ยหลงเปิดวิทยุฟัง ทุกช่องรายการเหมือนกันถึงเรื่องหมอกที่มาในช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วง ช่องจราจรรายงานมีการเกิดอุบัติเหตุที่ไหนบ้าง พวกเขาประกาศห้ามไม่ให้ผู้คนออกไปเที่ยวข้างนอกให้อยู่แต่ในบ้าน
เหมาเหว่ยหลงมุ่ยปากพลางพูดว่า “พูดน่ะมันง่าย วันนี้เป็นวันจันทร์ ไม่ออกไปแล้วจะทำงานยังไง? ไม่ทำงานแล้วเจ้านายจะยอมเหรอ?”
ฉินสือโอวพูดว่า “ฉันว่านะโคโกโร่ ช่วงนี้แกมีแนวโน้มที่จะเป็นวัยรุ่นหัวร้อนหรือเปล่า ความคิดแบบนี้ค่อนข้างอันตรายนะ วัยรุ่นอย่างแกต้องจำไว้ให้ดี”
เหมาเหว่ยหลงอดที่จะด่าเขาไม่ได้ “ฉันก็แค่พูดความจริงเท่านั้น ทำไมกลายเป็นคนหัวร้อนไปได้ล่ะ? แกคิดว่าไงล่ะ วันนี้วันจันทร์ ข้างนอกมีหมอกลงจัด แล้วไม่ไปทำงานได้เหรอ?”
ฉินสือโอวไม่อยากจะสนทนาในเรื่องนี้ เขารู้สึกว่าเหมาเหว่ยหลงนั้นเหนื่อยเกินไปแล้ว ดังนั้นอารมณ์จึงไม่ดี เขาจึงถามกลับไปว่า “แกคิดจะจัดการฟาร์มขนาดใหญ่นี้ด้วยตัวเองงั้นเหรอ? ไม้จ้างใครเลยเหรอ? ชาวนา คนเลี้ยงวัวพวกนั้นน่ะ”
เหมาเหว่ยหลงส่ายหัวแล้วตอบกลับว่า “ไม่ต้องหรอก แม้ว่าฟาร์มของฉันจะดูใหญ่ แต่มีคนดูแลคนเดียวก็พอแล้ว อันที่จริงแล้วการทำฟาร์มที่นี่ไม่ต้องใช้พลังงานมากนัก แค่จ้างคนหว่านเมล็ด จ้างเครื่องบินมาเกลี่ยปุ๋ยและพ่นยาฆ่าแมลง ตราบใดที่เราจัดการวัชพืชในขณะที่เตรียมหน้าดิน ปกติแล้วก็จะไม่มีวัชพืชอีก สำหรับการชลประทานนั้นก็เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความารู้ ตอนเก็บเกี่ยวแม้ว่าจะลำบากนิดหน่อย แต่หลังจากนี้ฉันวางแผนว่าจะโทรหาแกเมื่อถึงเวลาเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงช่วงนี้ยุ่งๆน่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้นฉินสือโอวก็อดที่จะเหนื่อยใจไม่ได้ เขาพูดออกมาว่า “เรื่องนี้แกคำนวณด้วยตัวเองหมดแล้วใช่ไหม?”
วินนี่แกล้งพูดอย่างโกรธๆ ว่า “ใครใช้ให้คุณไปยุ่งเรื่องของเขาล่ะ? ฟาร์มของโคโกโร่อันที่จริงก็ถือว่าเป็นฟาร์มขนาดเล็ก เท่าที่ฉันรู้ คู่สามีภรรยามีคุณสมบัติที่เป็นเจ้าของฟาร์ม หนึ่งคู่ต้องสามารถดูแลพื้นที่ได้ประมาณสามพันเอเคอร์ โคโกโร่ฟาร์มของคุณมีขนาดเท่าไรกัน? ถือว่ายังห่างไกลอยู่เยอะ ศักยภาพในการทำงานของเขาไม่ได้ถูกนำออกมาใช้จนหมด”
เมื่อได้ยินดังนั้นเหมาเหว่ยหลงก็แทบจะเป็นลม พื้นที่หนึ่งเอเคอร์ประมาณหกหมู่ แบบนี้หนึ่งหมู่ก็เป็นเนื้อที่ประมาณสามร้อยเอเคอร์ ตามที่วินนี่คำนวณ ความสามารถในการทำงานของเขาคิดเป็นร้อยละยี่สิบของคุณสมบัติของเจ้าของฟาร์มที่ควรจะเป็นเท่านั้น…
เขาร้องออกมาว่า “พระเจ้า แกเชื่อในสิ่งที่นักข่าวพูดไหม? สามพันเอเคอร์เลยนะ แกให้เจ้าของฟาร์มดูแลอะไรบ้างล่ะ ฟาร์ม ทุ่งหญ้า ปศุสัตว์ บ้าน และเครื่องจักร แกรู้ไหมว่าพวกนี้ต้องใช้พลังงานเท่าไรในการดูแลพวกมัน? หากพูดในมุมของฉันแล้ว ฟาร์มขนาดสามร้อยเอเคอร์ หากต้องการทำการจัดการให้ดี แกรู้ไหมว่าฉันต้องทำหน้าที่เป็นอะไร?”
เมื่อพูดถึงตรงนี้เขาก็เลียริมฝีปาก แล้วเริ่มนับหน้าที่ตามนิ้วของตัวเอง “ชาวนา ผู้จัดการ นักบัญชี ช่างกล ช่างเชื่อม ช่างไม้ สัตวแพทย์ นักเคมี นักปฐพีวิทยา ครู นักการตลาด นักลงทุน ช่างไฟ และถ้าหากว่าแกยังอดทนฟังได้ ฉันจะบอกหน้าที่มากกว่านี้อีก! ฉิน แกถามฉันไม่ใช่เหรอว่าทำไมไม่ไปเล่นที่ฟาร์มปลา? ก็เพราะว่าฉันและหลิวซูเหยียนต้องดูแลฟาร์มที่มีขนาดใหญ่นี้น่ะสิ แกคิดว่าพวกเราจะมีเวลาไปเล่นที่ฟาร์มปลางั้นเหรอ? คิดว่ามีเวลาไปเล่นงั้นเหรอ?”
ฉินสือโอวพูดออกมาอย่างงงๆ ว่า “แกบอกว่า ‘ครู’ แกเป็นครูสอนหนังสือตั๋วตั่วกับลูกชายเหรอ?”
เยจื่อ เป็นชื่อที่เหมาเหว่ยหลงตั้งให้กับลูกชายของเขา เขาเดินตามรอยฉินสือโอว นั่นคือการตั้งชื่อลูกเป็นผลไม้ ชื่อพวกนี้ไม่ได้เด่นอะไร เป็นวิธีการเลี้ยงลูกแบบง่ายๆ ตามวิถีของชาวไร่แต่เมื่อได้ฟังแล้วกลับให้ความรู้สึกสนิทสนม และเป็นที่จดจำ
เหมาเหว่ยหลงส่ายหัวแล้วตอบกลับว่า “ไม่ใช่อยู่แล้ว ชาวนาที่ฉันจ้าง มีบางคนเป็นมือใหม่ ฉันต้องคอยสอนงานให้พวกเรารู้ว่าต้องทำอย่างไร อ้อ พูดถึงตรงนี้ฉันก็ลืมพูดถึงหน้าที่ของฉันอีกอย่างนั่นก็คือนักเรียน ทุกเดือนฉันจะต้องเข้าไปในเมืองเพื่อที่จะเข้าร่วมชั้นเรียนการเกษตรกรรม การป่าไม้ การเลี้ยวสัตว์และการประมงด้วย”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินสือโอวก็รู้สึกเศร้าไปกับเหมาเหว่ยหลง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องเคร่งครัดสำหรับรุ่นที่สองและสาม ปรากฏว่าเขากลับออกจากประเทศเพื่อมาเป็นชาวนาซะงั้น เขาพูดแซวเล่นว่า “หรือแกจะบอกว่าประเทศทุนนิยมนี้น่ารังเกียจจนเกินไป อันที่จริงทุนนิยมเปลี่ยนคนให้เป็นผีและสังคมนิยมเปลี่ยนผีให้เป็นคนมีความเมตตานะ…”
เหมาเหว่ยหลงผลักเขาพลางหัวเราะและสบถออกมา “ปากเสียจริงๆ ว่าใครเป็นผีกัน?”
เมื่อช่วงเช้าฝนยังคงไม่หยุดตก เหมาเหว่ยหลงมีไพ่นกกระจอกอยู่พอดี เขาจึงหยิบมันออกมาเล่นกับฉินสือโอวรวมทั้งแบล็คไนฟ์และบีบีซวง แล้วทั้งสี่คนก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือด แบล็คไนฟ์และบีบีซวงนั้นต่างเป็นผู้เล่นฝีมือดี เวลาอยู่ที่ฟาร์มปลาแล้วไม่มีอะไรทำกันพวกเขามักจะชอบสร้างกำแพงเช่นนี้ ฉินสือโอวประสบความสำเร็จในการนำกิจกรรมนี้เข้ามาเผยแพร่ที่เกาะแฟร์เวลเป็นอย่างมาก
ปกติแล้วพวกเขาทั้งสามคนคุ้นเคยกับกติกาการเล่นไพ่นกกระจอกอยู่แล้ว พวกเขาจึงรวมหัวกันเล่นงานเหมาเหว่ยหลง
เมื่อเหมาเหว่ยหลงโดนเล่นงาน เขาก็เหงื่อออกท่วมตัว เมื่อหลิวซูเหยียนเห็นว่าท่าไม่ดี จึงส่งลูกชายให้แก่เหมาเหว่ยหลง เธอยิ้มออกมาพลางพูดว่า “ฉันขอเล่นสักสองตาแล้วกัน หากเล่นไม่ได้ฉันจะไปดูแลเด็กๆ เอง”
ฉินสือโอวและคนอีกสองคนดีใจที่ชนะพวกเขาต้อนรับหลิวซูเหยียนเข้ามาร่วมวงด้วย เขายังพูดพร้อมหัวเราะออกมาว่า “รอให้แพ้เยอะกว่านี้ก่อนสิ คุณอาจจะเห็นน้ำตาของเขาก็ได้นะ เรื่องนี้โคโกโร่ดูไม่ได้ที่สุด”
หลิวซูเหยียนหัวเราะแต่ไม่พูดอะไร หลังจากนั้นไม่กี่รอบ ฉินสือโอวและพวกก็เริ่มตกที่นั่งลำบาก พวกเขาเจอเข้ากับมืออาชีพเสียแล้ว หลิวซูเหยียนทำให้พวกเขาทั้งสามคนที่รวมหัวกันเริ่มเกิดความวุ่นวายภายใน
อันที่จริงพอมาคิดดูแล้วก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เมื่อก่อนหลิวซูเหยียนทำงานเป็นแม่เล้า เรื่องที่ทำมากที่สุดก็คือดื่มเหล้าและเล่นไพ่นกกระจอก เหมาเหว่ยหลงเคยบอกว่าเธอเป็นมืออาชีพในเรื่องนี้ แต่ฉินสือโอวไม่เคยเห็นกับตาตัวเอง เพราะแบบนี้เขาจึงสบประมาทไปหน่อย ครั้งนี้เขาจึงถือเป็นบทเรียนที่น่าสังเวชยิ่งนัก
แบล็คไนฟ์ไม่สามารถที่จะอดทนอยู่ต่อได้จึงยอมแพ้ เขาแพ้ให้แก่ผู้หญิง ช่างขายหน้ายิ่งนัก บีบีซวงก็แพ้ราบคาบ หลังจากที่แบล็คไนฟ์ออกจากวงการเล่นก็จบลง เขาบอกว่าจะออกไปยืนชมฝนด้านนอก ฉินสือโอวก็รู้สึกว่าฝีมือของตัวเองนั้นน่าขายหน้า เขาจึงยอมแพ้เช่นกัน และไม่อยากจะเล่นอีก
ฝนตกต่อเนื่องกันสองวันสองคืน ช่วงบ่ายของวันที่สามฝนจึงหยุดลง
เมื่อคืนนี้หมอกก็หายไปแล้ว พอฝนหยุดแล้วแบบนี้ เถียนกวาก็รีบวิ่งออกไปนอกบ้าน เด็กน้อยวิ่งไปมาอย่างร่าเริง เพราะเธอทนไม่ได้ที่จะต้องอยู่ในห้องนานๆ
หมอกล้างอากาศในแฮมิลตันจนสะอาดหมดจด ที่เรียกว่าการชำระล้างอากาศอะไรสักอย่าง? ในที่สุดฉินสือโอวก็ได้เห็นมันในครั้งนี้ เขาเดินออกไปข้างนอกและอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึก นี่คือออกซิเจนแห่งธรรมชาติที่ดีจริงๆ
เถียนกวาวิ่งไล่พี่น้องเฟอเรทอย่างจริงจัง ทำให้พวกมันทั้งสองตัวกระโดดไปมาราวกับไก่ที่กำลังจะบิน และยังมีตั๋วตั่ววิ่งหัวเราะเอิ๊กอ๊ากตามหลัง เนื่องจากฝนได้ชำระล้างหญ้าแล้วพวกมันจึงนิ่มเป็นอย่างมาก เถียนกวาล้มลงหลายรอย แต่เพราะว่าเธอชินแล้วพอล้มก็ไม่ได้ร้องไห้ออกมา เธอลุกขึ้นแล้ววิ่งต่อ เสื้อผ้าสีขาวเต็มไปด้วยน้ำและเศษหญ้ารวมถึงโคลนอย่างรวดเร็ว สกปรกเป็นอย่างมาก
วินนี่หัวเราะออกมาในขณะที่มองภาพเด็กสาวทั้งสองกำลังวิ่งเล่นอย่างมีความสุข เมื่อเถียนกวาเหนื่อยแล้ว เธอก็เข้าไปช่วยเถียนกวาเช็ดหน้าที่เปื้อนออก พลางถามว่า “สนุกไหม?”
“สนุก” เถียนกวาตอบกลับอย่างร่าเริง
วินนี่พูดต่อว่า “ทำไมเถียนกวาถึงสนุกล่ะคะ?”
เด็กน้อยไม่เข้าใจเรื่องเสรีภาพและการกักขัง เธอจึงยกนิ้วขึ้นกัดโดยไม่รู้ตัว ครั้งนี้วินนี่ห้ามเธอไว้ หลังจากนั้นก็ถามว่า “เถียนกวาชอบสนามหญ้า ไม่ชอบอยู่ในห้องใช่ไหม?”
นี่คือคำตอบ เด็กสาวจึงพยักหน้าทันที
…………………..
Related

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset