ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 233 วิวยามเช้า

บทที่ 233 วิวยามเช้า
โดย
Ink Stone_Fantasy

บ้านของวิสเติลเป็นโรงแรมที่ไม่เลวเลย เนื่องจากอยู่ไกลจากท่าเรือพอสมควรจึงค่อนข้างเงียบสงบ และเมืองเล็กๆ นี้ก็ไม่ค่อยมีรถวิ่งในเวลากลางคืนเท่าไร เพราะฉะนั้นหลังจากที่ปิดประตูหน้าต่างก็จะกลายเป็นค่ำคืนที่เงียบสงบทันที
หลังจากที่ฉินสือโอวเอนตัวลงเขาก็นำจิตสำนึกไปที่ชายหาดน้ำตื้นจอร์จทันที ปลาทูน่าครีบน้ำเงินที่เขาควบคุมกำลังมองหาอาหารอยู่ ตอนกลางวันมันไม่ค่อยได้กินอะไรเท่าไร ตอนนี้มันคงหิวน่าดู
จักรพรรดิย่อมไม่ปล่อยให้พลทหารหิวโหย ฉินสือโอวเป็นคนใจกว้างต่อคนของเขาเสมอ เมื่อเขาป้อนพลังจิตสำนึกแห่งโพไซดอนให้กับปลาตัวนี้ มันก็เหมือนกับการนำเครื่องยนต์วีแปดไปใส่ในรถตู้ ปลาทูน่าที่เหนื่อยล้ากลับกลายเป็นมีพลังขึ้นมาทันทีและความเร็วในการว่ายน้ำก็เพิ่มขึ้นด้วย
เขาสัมผัสได้ว่ามีฝูงปลาแฮร์ริ่งฝูงหนึ่งอยู่ใกล้ๆ จึงควบคุมฝูงปลาเหล่านี้ให้อยู่นิ่งๆ ปลาทูน่าพุ่งเข้าไปเพียงสองสามครั้งปลาปลาแฮร์ริ่งก็เข้าไปอยู่ในท้องของมันเกือบครึ่ง
ตอนนั้นเองมีปลาใหญ่อีกตัวก็พุ่งเข้ามา มันอ้าปากกว้างและฉวยโอกาสกินปลาแฮร์ริ่งที่ฉินสือโอวบังคับให้อยู่นิ่งๆ ไป
เมื่อฉินสือโอวเห็นปลาทูน่าครีบน้ำเงินตัวใหญ่ตัวนี้ เขาก็รู้สึกประหลาดใจ นี่มันปลาทูน่าครีบน้ำเงินอีกตัวหนึ่งนี่และเป็นปลาตัวเมียที่ไม่ได้เจอตอนกลางวันด้วย
แต่ปลาตัวนี้ก็ไม่ได้ใหญ่มากเท่าไร ขนาดประมาณหนึ่งเมตรเห็นจะได้ ท้องสีเงินเรียบเนียนเป็นประกาย ดวงตาสุกใสกลมโต รูปร่างดีใช่เล่น
ไร้ที่ติจริงๆ ควบคุมตัวนี้ด้วยเลยก็แล้วกัน ฉินสือโอวไม่มองหาเรืออับปางอีกต่อไป เขาควบคุมปลาสองตัวนี้ว่ายไปยังฟาร์มปลาของตัวเองทันที
ความเร็วในการว่ายน้ำของปลาทูน่านั้นไม่ต้องพูดถึง แล้วยิ่งมีพลังจิตสำนึกแห่งโพไซดอนคอยสนับสนุนอยู่เรื่อยๆ ด้วยแล้ว ปลาสองตัวว่ายน้ำแข่งกันเหมือนเรือสปีดโบ๊ทมุ่งหน้าไปยังฟาร์มต้าฉิน
น่าเสียดายที่พวกมันไม่สามารถว่ายเป็นระยะทาง 1,500 กิโลเมตรได้ในคืนเดียว ฉินสือโอวจึงส่งพวกมันไปแถวๆ เกาะเซเบิลและปล่อยให้พัก
ประตูห้องถูกเคาะในเวลาตีห้าครึ่ง หลังจากฉินสือโอวเดินสะลึมสะลือไปเปิดประตู ก็เห็นใบหน้าเป็นกังวลของวิสเติล
หนุ่มหล่อคนนี้เนื้อตัวเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้า ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ ดูท่าแล้วเมื่อคืนเขาคงไม่ได้นอนแน่ๆ คงจะอยู่ที่บาร์ทั้งคืนแล้วเพิ่งจะกลับมาตอนนี้
พอฉินสือโอวเปิดประตู วิสเติลก็รีบพุูดว่า “ทำไมยังนอนอยู่อีกล่ะเพื่อน? พระเจ้าช่วย พวกนายเป็นมือใหม่เหรอเนี่ย? ไม่รู้เหรอว่าหลังจากที่จับปลาได้ ต้องออกจากท่าเรือเช้าหน่อยน่ะ?”
“ทำไมล่ะ?” ฉินสือโอวถาม
วิสเติลกางมือของเขาออกด้วยท่าทีเบื่อหน่ายแล้วพูดว่า “ทำไมงั้นเหรอ? นายล้อฉันเล่นเหรอเพื่อน? นายถามฉันว่าทำไมเนี่ยนะ! แน่นอนว่าเพราะใครบางคนอาจจะอิจฉาพวกนายไง พวกเขาจะขับตามเรือของนายไป ถึงตอนนั้นไม่ว่านายจะไปตกปลาที่ไหนพวกเขาก็จะจอดที่นั่นด้วย และวิธีเดียวที่จะหลีกเลี่ยงสถานการณ์นั้นก็คือ นายต้องออกเรือไปตั้งแต่กลางคืนโดยไม่ให้คนอื่นรู้ยังไงล่ะ!”
ฉินสือโอวยิ้มแล้วตอบว่า “ไม่เห็นเป็นไรเลย สบายๆ พวกเรามาตกปลาที่ชายหาดน้ำตื้นจอร์จ วันนี้จะไปไหนได้อีกล่ะ เพราะฉะนั้นถ้ามีคนตามพวกเรา พวกเขาจะต้องผิดหวังแน่”
วิสเติลส่ายหัว เมื่อเห็นท่าว่าอธิบายให้ฉินสือโอวฟังไปก็เท่านั้น เขาจึงเดินกลับห้องตัวเองไปนอนดีกว่า
หลังจากล้างหน้าแปรงฟันฉินสือโอวก็เดินลงไปข้างล่าง แม่ของวิสเติลที่กำลังปัดกวาดทำความสะอาดอยู่เห็นเขาจึงยิ้มให้แล้วถามด้วยความสงสัยว่า “พ่อหนุ่มฉันขอถามคุณสักคำถามสิ คุณเป็นคนเอเชียเหรอ? คนจีน? หรือว่าคนญี่ปุ่นล่ะ?”
“คนจีนครับ” ฉินสือโอวยิ้มให้เล็กน้อย
เถ้าแก่เนี้ยอธิบายต่อว่า “อย่าหาว่าฉันซอกแซกเลยนะ ที่ถามเพราะอยากจะทำอาหารให้ออกมารสชาติถูกปากน่ะ ในเมื่อคุณเป็นคนจีนฉันก็จะไม่ทำซาชิมิกับข้าวปั้น ถ้าเป็นข้าวผัดไข่พวกคุณน่าจะชอบใช่ไหม?”
ฉินสือโอวพยักหน้า วิสเติลพูดไม่ผิดเลยที่บอกว่าถ้าพักที่บ้านเขาแล้วจะไม่ผิดหวัง แม่ของเขาแม่ครัวยอดฝีมือสามารถทำหมูสามชั้นผัดซอสแดงที่เป็นอาหารจีนได้ด้วย แม้ว่ารสชาติจะไม่เหมือนต้นตำรับเพราะหวานเกินไปก็ตาม
หลังจากทานอาหารเช้า ฉินสือโอวก็พาซีมอนสเตอร์กับคนอื่นๆ เดินไปตามทางอย่างไม่เร่งรีบ เขามองดูท่าเรือประมงที่สไตล์แสนจะอเมริกาเหนือ ถ่ายรูปบางเป็นบางครั้ง ดูๆ ไปแล้วก็เหมือนกับนักท่องเที่ยว
ฉินสือโอวพอจะเข้าใจเมืองกลอสเตอร์ขึ้นบ้างแล้ว สถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองเล็กๆ แห่งนี้ก็คือประภาคารแห่งเกาะสิบปอนด์ซึ่งสูงใหญ่จนสามารถมองเห็นได้จากทุกมุมเมือง
ประภาคารนี้มีความแข็งแกร่ง มั่นคง และสงบ แม้คลื่นทะเลจะซัดสาดเข้ามาไม่หยุด แม้สายลมทะเลโหมพัดกระหน่ำ แต่ประภาคารนี้ก็ไม่ขยับเขยื้อน แสดงถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรมที่มนุษย์สร้างขึ้น
เมืองกลอสเตอร์เป็นเมืองที่เล็กมาก โดยเฉพาะตอนที่เดินอยู่ข้างในยิ่งรู้สึกว่าแค่นี้เองเหรอ
บ้านของวิสเติลตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ ต้องผ่านเมืองเล็กๆ นี้เพื่อไปยังท่าเรือ เดินได้ไม่เท่าไรทะเลก็ปรากฏสู่สายตาของฉินสือโอว
ไม่ไกลจากชายทะเลมีจัตุรัสอยู่แห่งหนึ่ง ที่นั่นมีกลุ่มชายผิวขาวและนกพิราบกำลังหาอาหาร ฉินสือโอวควักเงินสองดอลลาร์ซื้อเมล็ดข้าวโพดโยนให้นกพิราบกิน ในไม่ช้านกตัวเล็กๆ เหล่านี้ก็บินไปหาเขาเพื่อขออาหารอย่างไม่เกรงกลัวเขาอีกต่อไป
จู่ๆ ก็มีเสียงนกดังขึ้น เหล่านกพิราบตกใจจนพากันบินหนีไป ฉินสือโอวไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ไม่ต้องมองก็รู้ว่านิมิตส์หาเขาเจอและบินมาหาเขาแล้ว
จริงอย่างที่คาด สองวินาทีหลังจากนั้น นิมิตส์ก็บินวนอยู่เหนือหัวฉินสือโอว ก่อนจะเก็บปีกแล้วบินร่อนลงมายังไหล่ของฉินสือโอว มันจะยื่นจะงอยปากมาจัดทรงผมให้ฉินสือโอวด้วย
คราวนี้ก็ถึงตาผู้อยู่อาศัยที่เดินอยู่แถวจัตุรัสถ่ายรูปแล้ว ฉินสือโอวไม่อยากเป็นที่รู้จักจึงโยนเม็ดข้าวโพดลงพื้นแล้วพานิมิตส์ออกมา
เดินไปข้างหน้าอีกหน่อยก็จะเป็นรูปปั้นชาวประมงประจำเมืองกลอสเตอร์ รูปปั้นทองสัมฤทธิ์นี้หล่อขึ้นตามสัดส่วนคนจริง มันคือรูปปั้นชาวประมงสวมหมวกที่กำลังถือพังงา*อยู่ (*พังงา=พวงมาลัยเรือ)
ฉินสือโอวเซลฟีกับรูปปั้นสองสามรูป จากนั้นเขาก็เดินไปที่ท่าเรือช้าๆ เมื่อกลุ่มชาวประมงเห็นเขาเดินมา พวกเขาก็พากันถอนหายใจกันอย่างโล่งอก
บางคนก็ด่าเขาว่า “แม่งเอ๊ย พระเจ้าจะต้องลงโทษไอ้หมอนี่ให้ฉัน ฉันรอมันอยู่ที่นี่ตั้งแต่ตีสอง เพื่อจะได้รู้ว่าไอ้แคนาดานี่นอนหลับสบายจนป่านนี้งั้นเหรอ?”
“โดรอย่าบ่นไปเลยน่า ฮ่าๆ ๆ เจ้าลิซท์นี่อับโชคจริงๆ มันคิดว่าเขาเปลี่ยนเรือแล้วออกจากฝั่งไปแล้ว มันก็เลยเพิ่งออกเรือไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนเอง” แล้วคนอื่นก็พากันหัวเราะอย่างมีความสุข
พอฉินสือโอวไปที่ท่าเรือก็บังเอิญเจอกับผู้ดูแลบริษัทไทรเด้นท์ฟิชชิ่งอย่างเจมส์ ลูวิสเข้า
ชายชรามองฉินสือโอวด้วยตาแปลกๆ แล้วพูดว่า “เฮ้เพื่อน นี่นายมาตกปลาทูน่าจริงๆ เหรอ?”
ฉินสือโอวสะบัดแขนให้นิมิตส์บินออกไปก่อนจะหัวเราะแล้วพูดว่า “จริงครับ แล้วก็มาพักผ่อนด้วย ยังไงปลาทูน่าก็อยู่ในทะเล พวกมันหนีไปดาวอังคารไม่ได้อยู่แล้ว แต่เวลาของมนุษย์อย่างพวกเรามีน้อย ซึ่งก็หมายความว่าเวลาแห่งความสุขก็น้อยด้วยเช่นกัน คุณว่าจริงไหม?”
หลังจากได้ยินคำพูดของเขา ชายชราก็ยิ้มและพยักหน้าแล้วพูดว่า “นายนี่แตกต่างจากพวกชาวจีนโพ้นทะเลเหลือเกิน ฉันรู้จักชาวจีนโพ้นทะเลอยู่ไม่น้อย พวกเขายุ่งเกินไปไม่ว่าจะเป็นชาวประมงหรือประธานาธิบดี ชีวิตของพวกเขาดูเร่งรีบอยู่ตลอดเวลา ใช่แล้ว… นายพูดถูก เวลาแห่งความสุขนั้นสำคัญกว่าปลาทูน่า มีคนไม่มากนักที่เข้าใจเรื่องนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย”
ชาวประมงที่รออยู่ที่ท่าเรือมาเนิ่นนานพูดอย่างหงุดหงิดว่า “เขาเสพสุขได้แน่นอนอยู่แล้ว ก็ดูสิว่าเขาขับอะไรมาน่ะ? เรือยอชต์เลยนะ! ขับเรือยอชต์ราคาตั้งหลายล้านจากนิวฟันด์แลนด์มาเมืองกลอสเตอร์ เขามาเพื่อพักร้อนชัดๆ!”
“ชาร์ลี อย่าพูดมาก นายจะไปสนว่าเขามาพักร้อนหรือมาตกปลาทำไม? ในเมื่อเขามาเมื่อวานวันเดียวก็ตกปลาได้แล้ว นายล่ะตกได้กี่ตัวแล้ว?” ชายชราตอกกลับอย่างรวดเร็ว
ชาวประมงวัยกลางคนทำเป็นมองไปทางอื่นแล้วพึมพำว่า “สองวันมานี้ฉันดวงไม่ค่อยดีเท่าไร ให้ตายสิ หวังว่าวันนี้จะโชคดีนะ”
ฉินสือโอวขึ้นเรือคราวนี้ไม่ต้องใช้เรือนกนางนวล ใช้แค่เรือบอลหิมะก็พอ
ทันทีที่บอลหิมะออกจากท่าเรือสี่ห้าลำก็ตามมาข้างหลังอย่างกับหมาป่า คนพวกนี้ต้องการตามเขาไปตกปลาอย่างไม่ต้องสงสัย
………………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset