ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 243 โชคลาภยังไม่หมด

บทที่ 243 โชคลาภยังไม่หมด
โดย
Ink Stone_Fantasy

พอตกปลาได้แล้ว นีลเซ็นก็ดึงสมอเรือขึ้นขับไปอีกสองกิโลเมตรแล้วลงสมอใหม่เพื่อตกปลาต่อ
ไม่รู้ว่าเพราะที่นี่มีปลาทูน่าครีบน้ำเงินเยอะหรือเหยื่อมันดึงดูดได้ดี ถึงจับได้อีกตัวแล้ว
ขณะฉินสือโอวดึงสายเบ็ด ก็รู้สึกว่าปลาตัวนี้มันแรงน้อยๆ จึงคาดว่าตัวน่าจะไม่ใหญ่นัก เขาใช้จิตสำนึกโพไซดอนลงไปดู ดังคาด ปลาตัวนี้มีขนาดไม่ถึงเจ็ดสิบเซนติเมตรเลย ไม่สามารถจับได้
ดังนั้น เขาจึงปล่อยให้มันลากสายเบ็ดไปในทะเล ส่ายหัว “ไม่ตรงตามมาตรฐาน ตัดสายปล่อยมันเถอะ”
พวกชาร์คได้รับบทเรียนเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่ฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์มาแล้ว จึงไม่คัดค้าน เขาตัดสายเบ็ดปล่อยเจ้าทูน่าดวงดีไป
เวลาเที่ยง ชาลส์เรือแห่งชีวิตโผล่มาจากไกลๆ เขาติดต่อทางวิทยุมาถามว่า “พวก วันนี้สถานการณ์พวกนายเป็นยังไงบ้าง?”
ฉินสือโอวเอ่ยยิ้มๆ “ไม่เลว ตกได้สองตัว จับหนึ่งปล่อยหนึ่ง”
ชาลส์อุทาน “พระเจ้า! พวกนายมันโชคดีไม่หยุดจริงๆ หรือพระเจ้าจะโปรดคนแคนาดาเสียแล้ว? เอาเถอะ ฉันล้อเล่นน่า วันนี้พวกเรายังจับไม่ได้สักตัวเลย โชคร้ายจริงๆ เฟล็ปส์เรือลักกี้ก็ไม่เลว เขาจับได้หนึ่งตัวแล้ว”
ฉินสือโอวรู้ว่าสำหรับชาวประมงที่ปากท้องขึ้นอยู่กับการตกปลาทูน่านั้น ถ้ายังจับปลาไม่ได้หลายวันติดต่อกัน ย่อมเป็นเรื่องร้ายแรง
คนอเมริกันไม่ถนัดเรื่องการเก็บเงินเท่าไร พวกเขาไม่ได้ยึดถืออุดมการณ์อะไรในการใช้จ่าย ทำให้ทุกฤดูตกปลาพวกเขามักออกทะเลไปพร้อมกับหนี้สิน ถ้าตกปลาไม่ได้ ก็จะถูกธนาคารยึดเรือยึดบ้านซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ
ด้วยเหตุนี้ ฉินสือโอวจึงช่วยชี้บอกทาง “ชาลส์ ไม่ต้องอยู่ตรงนั้นหรอก ลองไปทางเหนือดู ผมเพิ่งตกปลาได้ตัวหนึ่งตรงนั้น ผมคิดว่าถ้าโชคคุณยังไม่หมดก็น่าจะได้อะไรบ้างนะ”
ต่อมา เครื่องหาปลาก็ส่งเสียงติ๊ดติ๊ดขึ้นอีก นีลเซ็นเอ่ยว่า “มีปลาอีกแล้ว ท่าทางจะไม่ใช่ตัวเล็ก ผมกล้าพนันเลยว่าถ้าไม่ใช่ฉลาม ก็เป็นตัวหนักเจ็ดแปดร้อยปอนด์แน่”
ตัวนีลเซ็นยังมีประสบการณ์ไม่มากนัก ชาร์คเข้าไปดูในห้องบังคับการครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้ากล่าวว่า “วันนี้พวกเราโชคดีจริงๆ เป็นทูน่าครีบน้ำเงินอีกแล้ว ลุยมันเลย!”
พวกฉินสือโอวเตรียมเข้าสู่สนามรบอย่างฮึกเหิม ทางด้านเรือแห่งชีวิตก็เริ่มมีการเคลื่อนไหว ชาลส์กับภรรยาเขาเซรีน่ากำลังขับเรือไปด้วยความเร็ว และเหมือนจะเจอปลาทูน่าครีบน้ำเงินแล้ว
เมื่อเปลี่ยนเหยื่อเรียบร้อย ฉินสือโอวก็รออย่างใจเย็น ปลาคราวนี้ค่อนข้างระวังตัวมาก ซึ่งถ้ามันโตมาได้ขนาดนี้ย่อมไม่ธรรมดา
ชาร์คอธิบายให้เขาฟังว่า “ที่จริงในทะเล จะมีปลาฉลาดบางตัวที่มองสายเบ็ดออก มันต้องผ่านประสบการณ์การเห็นพวกพ้องที่โดนสายเบ็ดเกี่ยวไปนับครั้งไม่ถ้วน เพราะงั้นเวลามันเห็นสายเบ็ดก็จะหนีกัน”
ทว่าแม้แต่จิ้งจอกเจ้าเล่ห์ก็ต้องพ่ายแพ้ให้แก่นักล่าเก่า ชาร์คทำการวางคันเบ็ดที่มีปลาแฮร์ริ่ง ปลาซาบะและปลาหมึกเป็นๆ ไว้เพื่อล่อมัน
มันว่ายอย่างระแวงอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายก็ทนความอยากไม่ไหว อ้าปากกลืนซาบะไป
สมบูรณ์แบบ ตกได้แล้ว!
ฉินสือโอวปล่อยให้มันลากห่างไปเล็กน้อย จนสุดสายเบ็ดแล้วจึงเริ่มหมุนรอกแข่งกับปลาใหญ่
อย่างที่นีลเซ็นพูด ปลาตัวนี้แรงเยอะมาก กระทั่งสายเบ็ดเริ่มตึง ฉินสือโอวจึงจำต้องปล่อยอีกครั้งเพื่อป้องกันไม่ให้สายเบ็ดขาด
นีลเซ็นขับเรือไปตามที่ชาร์คสั่ง จู่ๆ น้ำเสียงตื่นเต้นของชาลส์ก็ดังขึ้นผ่านวิทยุ นีลเซ็นตะโกนใส่ว่า ‘ยุ่งอยู่’ แล้วปิดไป
ฉินสือโอวเดี๋ยวดึงเดี๋ยวปล่อยสายเบ็ด ประสานจังหวะการต่อสู้กับปลาใหญ่ ทันใดเขาก็เปลี่ยนจังหวะกะทันหัน ทำให้ปลามีแรงเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้น
กระทั่งตอนเที่ยง มันถึงหมดแรงในที่สุด พยายามดิ้นไปมาอย่างไร้ประโยชน์เมื่อโดนซีมอนสเตอร์ยิงใส่ตำแหน่งเหงือกหลังหัวของมัน
พอดึงเชือกจับปลาขึ้นมาได้แล้ว ฉินสือโอวก็ลูบตัวของมัน พลางกล่าวชมว่า “พระเจ้าประทานของขวัญให้พวกเราชัดๆ ดูสิ ดูสิ จะยังมีปลาที่สวยกว่านี้อีกไหม? รูปร่างมันเหมือนหยาดฝนที่ตกจากฟ้าเลย!”
ปลาตัวนี้ใหญ่กว่าตัวที่ฉินสือโอวเลี้ยงไว้ ไม่ต่ำกว่าสามเมตรได้ น้ำหนักประมาณเจ็ดแปดร้อยปอนด์
ฉินสือโอวให้ชาร์คและอีวิลสันจัดการปลา ส่วนเขาไปวิทยุตอบชาลส์ว่า “พวกเราเพิ่งจับได้อีกตัวแล้ว ทางคุณล่ะเพื่อน?”
ชาลส์ตะโกนอย่างตื่นเต้น “พวกเราก็จับได้ตัวหนึ่งเหมือนกัน วันนี้รายได้ทะลุหลักหมื่นแล้วแหละ เมื่อครู่เซรีน่าดูแล้วบอกว่าคุณภาพเนื้อดีมาก ขอบคุณนายมาก ฉิน ขอบคุณสำหรับของขวัญของนายนะ”
ถ้าว่ากันตามปกติ คนตกปลาทูน่ามักจะเห็นแก่ตัว เพราะเป็นปลาประเภทที่ราคาสูง จนถูกเรียกว่าทองแห่งทะเล ถึงแม้เบื้องหน้าจะคอยบอกข้อมูลกัน แต่ความจริงถ้ามีใครเจอจุดตกปลาดีๆ เข้าล่ะก็ ให้ตายก็ไม่มีทางหลุดจากปากแน่นอน
การบอกข้อมูลเรื่องปลาทูน่าของฉินสือโอว จึงถือเป็นการกระทำที่ใจกว้างสำหรับนักตกทูน่ามาก
ชาลส์ยิ่งประทับใจฉินสือโอว แม้ฉินสือโอวจะไม่ใส่ใจ อาจเป็นเพราะความต่างของฐานะทางสังคม ที่สำหรับชาวประมงการตกปลาคือการทำงานเพื่อเอาตัวรอด ขณะที่ในสายตาฉินสือโอวมันเป็นแค่ความบันเทิงเท่านั้น
หลังตกปลาใหญ่ตัวนี้ พวกฉินสือโอวก็ได้กินข้าว
ชาลส์ยืนกรานอยากจะส่งเบียร์กระป๋องกับบรรดาคุกกี้เนยที่เขาอบมาเองให้ ฉินสือโอวจึงลองชิมดู อืม ก็รสชาติไม่เลว
น่านน้ำนี้ช่างอุดมสมบูรณ์ไปด้วยปลาทูน่า กินข้าวเที่ยงเสร็จ ด้านพวกชาลส์ก็ยุ่งอีกครั้ง หลังพยายามอยู่ครึ่งชั่วโมง พวกเขาก็จับทูน่าครีบน้ำเงินได้อีก ตัวยาวสองเมตรกว่า สามารถนำไปขายได้สี่ห้าพันดอลลาร์
ส่วนฉินสือโอวเริ่มง่วง จึงแอบเข้าไปในห้องบังคับการเตรียมจะนอน ปรากฏคันเบ็ดหลายอันก็พากันกระตุก ชาร์คกับซีมอนสเตอร์วิ่งวุ่นจากหัวเรือท้ายเรือไปมา ทั้งห้าคนเข้าสู่สนามรบ รับผิดชอบเบ็ดตกปลาคนละอัน เหลือแค่อันเดียวที่ไม่มีใครสนใจเลย
ฉินสือโอวประหลาดใจ วันนี้ตัวเองจะโชคดีอะไรขนาดนั้น? ปลาทูน่าครีบน้ำเงินหกตัวกินเบ็ดพร้อมกัน? นี่มันสร้างเป็นสถิติโลกได้เลยนะเนี่ย!
ดังคาด ในสงครามชักเย่อนี้มีบางอย่างแปลกไป อีวิลสันลากมันขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย มันคือปลาอินทรีบั้งขนาดสี่สิบเซนติเมตรนั่นเอง
ฉินสือโอวดึงมาดู เหมือนปลาอินทรีบั้งที่เขากินบ่อยๆ ที่เมืองไหเต่าเลย แต่บริเวณจากหัวถึงหางกลับมีลายแบบปลาทูน่า ชาร์คหลุดหัวเราะ กล่าวว่า “มันก็เป็นทูน่าแหละ แต่เป็นญาติห่างๆ กับทูน่าครีบน้ำเงิน มันคือปลาอินทรีบั้งสีทอง”
ระหว่างรีดเลือดไปแช่เย็น ชาร์คบอกว่า “ปลาตัวนี้ไม่ค่อยได้ราคาเท่าไร หนึ่งปอนด์ก็ประมาณสองดอลลาร์เอง เดี๋ยวเย็นนี้พวกเราเอาไปแกงกินกัน รสชาติไม่เลวเลย ถ้าหนามน้อยๆ เนื้อจะนุ่มมาก”
ฉินสือโอวไปดูในทะเล ไม่รู้ว่าเป็นเวลาที่ฝูงปลาอินทรีบั้งว่ายผ่านหรืออย่างไร ถึงมาติดเบ็ดพร้อมกันทีเดียวหกตัว
เมื่อมองไกลออกไป คู่สามีภรรยาชาลส์ก็ดูกำลังยุ่งอยู่เหมือนกัน แต่พอวิทยุไปหาพวกเขากลับดีใจมาก “พวกเรารู้ว่ามันไม่ใช่ทูน่าครีบน้ำเงิน เพราะความเร็วตอนดึงเบ็ดช้ามันเกินไป แต่ยังไงก็เป็นปลาที่จับได้ ใช่ไหมล่ะ? ก็พอเอาไปขายได้สักสองพันแหละ”
“ปลานี่มันแพงขนาดนั้นเลยเหรอ?” ฉินสือโอวมองชาร์ค อีกฝ่ายยักไหล่ ดูงุนงงไม่ต่างกัน
ในวิทยุเซรีน่าขัดขึ้นว่า “พวกเราเอาแหมาด้วย ถ้าทอดลงไปเสียหน่อยคงได้มาเพียบ แต่น่าเสียดายถังน้ำแข็งเราเล็กเกินไป ไม่งั้นเราคงทำเงินได้จากปลาอินทรีบั้งไปแล้ว”
………………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset