ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 259 ฉินสือโอวคนเสเพล

บทที่ 259 ฉินสือโอวคนเสเพล
โดย
Ink Stone_Fantasy

เป็นอย่างที่เขาหวัง กล่องเหรียญทองทั้งแปดกล่องยังคงตั้งอยู่ใต้ท้องทะเลอย่างเดิม ไม่ได้ถูกทรายปกคลุม และก็ไม่มีนักดำน้ำผู้โชคดีคนไหนมาเจอพวกมันด้วย
แต่ว่า หากมีคนมาดำน้ำที่นี่แล้วเจอกับเหรียญพวกนี้ คงต้องเรียกว่าโชคร้าย ไม่ใช่โชคดี เพราะในกองทรายเหล่านั้นเต็มไปด้วยทีมไร้กระดูกตัวใหญ่หลายร้อยตัว รอบๆ ก็มีงูเหลือมทะเลดุดันตัวใหญ่หลายสิบตัวว่ายไปมาด้วยท่าทางเยือกเย็นอยู่
หากมาอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมแบบนี้ นักดำน้ำไม่ถูกทำร้ายถึงตาย ก็คงตกใจจนเป็นบ้าเป็นแน่!
ฉินสือโอวโล่งอก ชาร์คมาหาเขา พูดว่า “บอสครับ วันนี้จะออกทะเลไหมครับ? เมื่อวานพวกเฟล็ปส์จับปลาได้จำนวนไม่น้อย คิดว่าช่วงนี้คงจะมีปลาทูน่าครีบน้ำเงินอยู่แถวชายหาดน้ำตื้นจอร์จเยอะแน่นอนครับ”
“แล้วพวกนักตกปลาอาร์บีเอฟเอฟล่ะ?” ฉินสือโอวถาม
ชาร์คยักไหล่ พูดพร้อมหัวเราะว่า “ถือว่าพวกเขาโชคดีครับ จำนวนไม่เพียงไม่น้อย แถมยังมีพวกที่ตามมาสมทบจากอ่าวเคปค้อด บอกว่าพวกเขาไม่เชื่อว่าชายหาดน้ำตื้นจอร์จมีอาถรรพ์ พวกเขามั่นใจว่าตัวเองจะสามารถตกปลาจากที่นี่ได้ครับ”
ฉินสือโอวหัวเราะ พวกนายไม่เชื่อเรื่องอาถรรพ์เหรอ? งั้นฉันฉินจ้าวแห่งปลาจะทำให้พวกนายเชื่อเอง!
เขาควานหาโทรศัพท์มือถือ โทรหาบิลลี่ก่อน “เตรียมเรือกู้ซากเลย ฉันหาเหรียญทองอินทรีเจอแล้ว”
เนื่องจากตอนนี้ยังเป็นเวลาเช้าตรู่ ทางบิลลี่ยังคงนอนอยู่จึงพูดงึมงำตอบไปว่า “ขอเถอะ เพื่อนฝูง เห็นแก่หน้าพระเจ้านะ อย่าเพิ่งล้อเล่น ให้ฉันได้นอนเต็มตื่นเถอะ นายก็รู้ เมื่อคืนเพื่อฉลองที่พวกเราได้แย่งสมบัติของตัวเองกลับคืนมาได้ บริษัทได้จัดงานปาร์ตี้สุดเหวี่ยงขึ้น…”
 “โอเค เพื่อนรัก นายนอนต่อไปเถอะ ฉันจะเปลี่ยนหุ้นส่วนแล้ว เหรียญทองแปดกล่อง โอ้พระเจ้า รวมๆ แล้วก็มีมูลค่าสามหมื่นสองพันเหรียญ!” ฉินสือโอวพูด
 “เหวอ ฉิน พูดจริงนะ นายไม่ได้ล้อฉันเล่นใช่ไหม?” บิลลี่ตื่นตัวขึ้นมาแล้ว เสียงเกียจคร้านแต่ชัดเจนดังออกมาจากอีกฝั่งของโทรศัพท์ “เพื่อนรัก ขอนอนต่ออีกสักพักได้ไหม อย่าล้อเล่นแบบนี้”
ฉินสือโอววางสายทันที เขาจำเป็นต้องแสดงให้บิลลี่เห็นความจริงข้อหนึ่งว่า เขา ฉินสือโอว จ้าวแห่งสัตว์ทะเล จ้าวแห่งทะเลทั้งเจ็ด โอเค พูดแบบนี้อาจดูเวอร์ไปหน่อย สรุปก็คือเขาต้องเป็นคนถือสิทธิ์ชี้ขาดในเรื่องต่างๆ ของบริษัท พูดคำไหนคำนั้น!
เขาต้องสร้างภาพลักษณ์ให้กับคนที่จะมาร่วมหุ้นกับเขา นั่นก็คือคำพูดของเขาถูกเสมอ และต้องไม่มีการตั้งคำถามใดๆ กับคำพูดของเขาทั้งนั้น เพราะพลังโพไซดอนบนนิ้วเขานั้นทำให้เกิดคำถามมากมาย หากว่าเพื่อที่จะปกปิดเรื่องนี้แล้วเอาแต่สรรหาคำโกหกมาพูด งั้นฉินสือโอวคงได้เหนื่อยตายก่อนเป็นแน่
เมื่อวางสายแล้ว ฉินสือโอวก็โทรศัพท์อีกสาย สายนี้โทรไปหาเบลคแทน เมื่อรวมแบรนดอน บิลลี่และเขา ก็เป็นสี่คนพวกเขาจะร่วมหุ้นกันเปิดบริษัท เป็นบริษัทเกี่ยวกับการจัดการกู้สมบัติใต้ท้องทะเล แต่ละคนจะรับผิดชอบกันคนละฝ่าย เบลคมีหน้าที่ยื่นเรื่องก่อตั้งบริษัท หรือก็คือเขานี่แหละคือว่าที่ฝ่ายกฎหมายในบริษัทนี้
ฉินสือโอวบอกเบลคว่าสมบัติใต้ท้องทะเลชุดแรกใกล้จะออกสู่สายตาผู้คนแล้วนะ ให้เขารีบไปทำดำเนินการให้เรียบร้อย เบลคบอกให้เขาวางใจได้ เพราะตอนนี้บริษัทใกล้จะก่อตั้งเสร็จอย่างเป็นทางการแล้ว เขาตั้งชื่อบริษัทว่า ‘บริษัทเสี่ยวอวี๋กู้ซากในมหาสมุทร’
ชื่อบริษัทค่อนข้างไม่หวือหวา ตรงกับแผนการทำเงินแบบค่อยเป็นค่อยไปที่ฉินสือโอววางไว้
เมื่อวางสายจากเบลคแล้ว ฉินสือโอวก็ปิดเครื่อง แล้วโบกมือพูดว่า “ไปเถอะ ออกทะเลกัน ฉันจะไปดูสิว่าไอ้พวกกระจอกอาร์บีเอฟเอฟจะมีลวดลายอะไรอีก”
เพราะหาเหรียญทองเจอแล้ว เงินอย่างน้อยสิบล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐจะเข้ากระเป๋าในไม่ช้านี้ อีกอย่างเขาตัดสินใจแล้วว่า หากเจอปลาทูน่าครีบน้ำเงินอีกก็จะจับไปรวมพวกกับกองกำลังทหารธงฟ้าและส่งกลับไปฟาร์มปลาต้าฉิน เมื่อตัดสินใจได้แบบนี้จึงไม่จำเป็นต้องตกปลาอีก เขาจึงออกทะเลด้วยเรือยอชต์ที่สะดวกสบายและกว้างขวางแทน
ตอนฉินสือโอวไปจ่ายค่าเทียบเรือยอชต์ คนดูแลเมื่อรู้ว่าฉินสือโอวไม่ใช้เรือตกปลาแล้ว จึงถามเขาว่า “กัปตันโชคช่วย เรือของคุณปล่อยว่างไว้เสียเปล่า คุณมีความคิดที่จะปล่อยเช่าไหมครับ?”
เมื่อฤดูจับปลาทูน่าครีบน้ำเงินเริ่มขึ้น คนที่ชื่นชอบในการตกปลาทุกคนต่างก็อยากออกไปเสี่ยงโชคเผื่อจะจับได้อย่างคนอื่นบ้าง แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีเรือตกปลาเป็นของตัวเอง มีหลายคนที่หนึ่งปีจะออกทะเลไปแค่ช่วงนี้ช่วงเดียวเท่านั้น จึงไม่คิดที่จะมีเรือตกปลาในครอบครอง ดังนั้นจึงไม่มีใครซื้อเรือกัน
ฉินสือโอวยักไหล่ แล้วพูดว่า “ราคาค่าเช่าคิดอย่างไรครับ?”
เมื่อเห็นว่ามีโอกาส คนดูแลก็กระตือรือร้นขึ้นมา พูดว่า “ค่าน้ำมัน ค่าน้ำแข็งคนเช่าออกเอง ในเรือบรรทุกคนได้แปดคน คิดคนละ 400 ดอลลาร์แคนาดา ราคานี้เป็นอย่างไรครับ?”
เหล่าชาวประมงไม่มีทางที่จะแบ่งพื้นที่เรือให้คนอื่นเช่า นอกเสียจากว่าพวกเขาตกปลาไม่ได้เลยและกำลังเผชิญกับการถังแตกจริงๆ ไม่อย่างนั้นหากพาคนอื่นไปด้วย จะทำให้จำนวนปลาที่ตกได้น้อยลงไปอย่างมาก
ฉินสือโอวโยนกุญแจให้กับคนดูแล พูดว่า “ตามนั้นครับ บอกคนเช่าด้วยนะครับว่า เรือหาปลาของผมเป็นเรือใหม่ อย่าให้เรือของผมมีคราบหรือรอยต่างๆ เด็ดขาด คุณคงเข้าใจนะครับ”
ผู้ดูแลตัวอ้วนตอบด้วยความมั่นใจว่า “ผมสาบานต่อหน้าพระเจ้าเลยครับ หากว่าใครทำตัวไม่มีมารยาท ผมจะให้พวกเขารู้สึกเสียใจที่มาเช่าเรือจากไพเรตเบิร์ดเจฟเฟอร์สันของผมแน่นอนครับ”
ที่ท่าเรือเต็มไปสาวแต่งหน้าสะสวยหลายคน พวกเขาแต่ละคนต่างก็แต่งตัวชุดลำลอง นุ่งขาสั้นเผยเรียวขายาว เอวเล็กขอด เหมือนจะมาประกวดนางงามก็ไม่ปาน เครื่องสำอางที่แต่งอยู่บนหน้านั้นก็เต็มจนสามารถเข้ากล่องถ่ายหนังได้เลยทีเดียว
พวกเขายืนรออยู่ข้างเรือนกนางนวล เมื่อเห็นฉินสือโอวก็กรูเข้ามาอ้อนให้เขาพาออกทะเลด้วย เสียงเจี๊ยวจ๊าวอย่างกับฝูงนกกระยาง ทำเอาเหล่าชาวประมงที่ยังไม่ได้ออกเรือพากันกลืนน้ำลายกันเป็นแถว
ฉินสือโอวยักไหล่ ปฏิเสธสาวเหล่านั้นอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะอ้อนวอนอย่างไรก็ไม่ได้ผล
เขารู้ถึงจุดประสงค์ของสาวเหล่านี้ดี พวกหล่อนรู้ว่าเขาถือบัตรอเมริกันเอ็กซ์เพรสอยู่ จึงเห็นเขาเป็นไอ้โง่ที่พร้อมจะให้พวกหล่อนมาดูดเงินกัน นี่ก็เหมือนกับการตกปลา ผู้หญิงพวกนี้ก็เหมือนนักตกปลา แต่ฉินสือโอวไม่ใช่ปลาทูน่าครีบน้ำเงินที่หิวโหยและละโมบ
อาร์ม็องที่พิงอยู่ตรงกราบเรือมองดูฉินสือโอวพูดคุยกับสาวๆ พวกนี้ สุดท้ายเมื่อฉินสือโอวสลัดพวกหล่อนได้ เขาจึงหัวเราะฮี่ๆ แล้วพูดว่า “ฉิน สาวๆ พวกนี้ฮ็อตมากเลย คุณไม่อยากพาพวกเธอไปเปิดประสบการณ์เซ็กส์บนท้องทะเลหน่อยเหรอครับ?”
ฉินสือโอวพูดว่า “ไม่ล่ะ ฉันมีแฟนอยู่แล้ว ตอนแฟนไม่อยู่ข้างกาย ฉันคิดว่าฉันก็ควรจะทำตัวดีหน่อยดีกว่า”
อาร์ม็องยิ้ม แล้วพูดว่า “นายทำตัวแบบนี้จะทำให้คนอื่นเข้าใจผิดเรื่องรสนิยมทางเพศของนายได้นะ เชื่อเถอะ เพื่อนฝูง ถ้ายังไม่ได้แต่งงาน เล่นๆ นิดหน่อยไม่เป็นอะไรหรอก หรือว่าสาวๆ พวกนี้ยังฮ็อตไม่พอ?”
ฉินสือโอวยักไหล่ แล้วพูดว่า “ฮ็อตมาก แต่ฉันกลัวฮ็อตเกินกว่าฉันจะรับไหวน่ะ”
เรือทั้งสองลำแล่นสวนกันไป เรือนกนางนวลออกทะเลแล้ว
อาร์ม็องเอียงหัวมองฉินสือโอว ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มทะเล้น จากนั้นก็กดมือถือในมือไปมา กดส่งข้อความออกไปข้อความหนึ่ง
จากนั้น ก็เผยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและอบอุ่นออกมา พูดกับสาวๆ ที่ผิดหวังบนท่าเรือว่า “เฮ้ สาวๆ ทั้งหลาย ฝั่งผมมีเรือลำหนึ่ง ถึงแม้จะไม่ใช่เรือยอชต์ แต่ก็สะดวกสบายมากเลยนะ มีคนอยากออกทะเลไปกับผมบ้างไหม?”
สาวเซ็กซี่ทั้งหลายนิ่งแล้วหวั่นใจไปชั่วขณะ ในสายตาพวกเธอนั้น หนุ่มฝรั่งเศสอย่างอาร์ม็องนั้นมีเสน่ห์กว่าฉินสือโอวมาก แต่แน่นอนว่า มีเสน่ห์ในที่นี้คือถ้าไม่นับเงินในกระเป๋าน่ะนะ
ฉินสือโอวไม่รู้สึกเสียดายที่ปฎิเสธสาวๆ พวกนี้เลย คนชาวตะวันตกไม่เข้าใจกระบวนการคิดของชาวตะวันออกนัก ฉินสือโอวไม่อยากขึ้นเตียงกับผู้หญิงคนหนึ่ง จากนั้นผู้หญิงคนนี้ก็โผเข้าหาอ้อมกอดของผู้ชายอีกคน แบบนั้นเป็นอะไรที่น่าขยะแขยงมาก
อีกอย่าง บนเรือเขายังแอบซ่อนบุชลูกนอกสมรสตัวนี้อยู่ด้วย จะให้คนอื่นมาเห็นได้อย่างไร?
เรือยอชต์ยังคงเดินหน้าโต้ลมโต้คลื่นต่อไป ฉินสือโอวนอนอยู่ตรงกราบเรือที่กว้างขวางอย่างสบายใจ พูดว่า “นี่สบายกว่าเรือตกปลาเยอะเลย ใช่ไหม?”
หู่จือและเป้าจือร้องเสียงงึกๆ เห็นด้วย บุชก็เดินโซซัดโซเซแอบมุดออกมาจากห้องโดยสารเรือ นกอินทรีหัวขาวถือเป็นนกล่าเหยื่อที่เย่อหยิ่ง พวกมันเองก็ชอบพื้นที่ที่กว้างขวาง เมื่อวิ่งมาถึงกราบเรือบุชก็ชูคอ ร้อง’ก๊าๆ ’ออกมาด้วยความดีใจ
นิมิตส์เมื่อได้ยินเสียงร้องของมัน ก็รีบกางปีกบินออกไปอย่างรวดเร็ว มันคงจะกลัว หากถูกฉินสือโอวและบุชเจอเข้าคงได้กลายเป็นแม่นมแน่นอน
ลมทะเลพัดโชกมาโดนหน้า พร้อมพัดความชุ่มชื้นจากน้ำและความอบอุ่นจากแสงแดดมาด้วย เมื่อพัดโดนตัวจึงไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดแม้แต่น้อย
เรือยอชต์ลำใหญ่แล่นไปบนผืนน้ำทะเลอย่างมั่นคง แสงอาทิตย์สาดส่อง ลมทะเลอบอุ่น คลื่นทะเลลูกเล็กสาดไปมาต่อเนื่อง ฉินสือโอวจิบไอซ์ไวน์และหยอกฉงต้าไปด้วย ช่างสุขสบายอะไรเช่นนี้
ตัวฉันชอบชีวิตที่ไม่ต้องมีความรู้สึกกดดันเรื่องเงินกับเป้าหมายในชีวิตแบบนี้แหละ ฉินสือโอวรู้สึกว่าตัวเองเริ่มกลายเป็นคนเสเพลแล้ว
……………………………….………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset