ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 280 มาดามออกโรง

บทที่ 280 มาดามออกโรง
โดย
Ink Stone_Fantasy

วินนี่ขึ้นไปอาบน้ำที่ห้องของเธอแล้วเปลี่ยนชุดใหม่เป็นกระโปรงยาวสไตล์โบฮีเมียน ผมสวยปลิวไสว ไหล่บางโผล่พ้นออกมาด้านนอก ชายกระโปรงสะบัดพลิ้วในทุกๆ ย่างก้าว ดูสว่างไสวราวกับติดหลอดไฟนีออนเอาไว้
เธอเดินลงมาข้างล่าง แล้วถามขึ้นว่า “เฮ้ แล้วลูกๆ ของฉันล่ะคะ?”
ฉินสือโอวยังไม่ละสายตาของเขาที่จดจ้องอยู่กับนโยบายการคืนภาษีในคอมพิวเตอร์ ตอบเธอทั้งที่ไม่ได้หันหน้ากลับไปหา “ลูกของคุณคนไหนล่ะครับ? ลูกหมีฉงต้าไม่รู้ว่าวิ่งหนีไปไหนแล้ว ส่วนหู่จือและเป้าจือกำลังทำงานอยู่ครับ”
“ทำงานเหรอคะ?” วินนี่ทวนถาม
ฉินสือโอวถึงเพิ่งนึกขึ้นมาได้ วินนี่ไม่เคยเจอกวางอูฐสีทองตัวนั้นมาก่อน เขาผิวปากด้วยเสียงที่ดังกังวานไปทางด้านนอกของประตู หู่จือและเป้าจือที่กำลังเฝ้าติดตามลูกกวางอูฐอยู่อย่างใกล้ชิดก็เงยหน้าขึ้นด้วยปฏิภาณที่เฉียบแหลม พวกมันมองไปตามทิศทางของบ้านแล้วจึงวิ่งเข้าไป
วินนี่เดินไปที่เงาไม้ด้านหลังต้นเมเปิลพร้อมกับหู่จือและเป้าจือ ลูกกวางอูฐที่ขาทั้งสี่ข้างถูกพันเอาไว้เหมือนกับขนมบ๊ะจ่างกำลังมองมาที่เธอด้วยท่าทางที่น่าสงสาร
ลูกกวางอูฐพยายามที่จะปีนขึ้นมา ทว่าหู่จือและเป้าจือก็กระโดดไปใช้ขาหน้ากดร่างกายของมัน ให้ติดกับพื้น ทั้งยังเห่าออกมาอย่างไม่พอใจอีกต่างหาก
วินนี่ประหลาดใจเป็นอย่างมาก เธอหันไปถามกับฉินสือโอวว่า “เจ้าตัวนี้มาจากที่ไหนคะ? มันเป็นตัวอะไร? กวางอูฐเหรอ? ทำไมมันถึงมีสีทองล่ะคะ?”
ฉินสือโอวเดินมาจากทางด้านหลัง เขากอดวินนี่ไว้แล้วอธิบายให้เธอฟัง
วินนี่ตีมือของเขาอย่างอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก เธอรวบกระโปรงแล้วนั่งยองๆ ลงไป ยื่นมือไปลูบหัวลูกกวางอูฐแล้วพูดกับมันด้วยความรู้สึกสงสารว่า “คุณพระ เด็กน้อยที่น่าสงสาร คุณขับรถชนมันได้ยังไงคะ?”
ฉินสือโอวอธิบายว่า “ผมไม่ได้ตั้งใจ ตอนนั้นผมเพิ่งดื่มเหล้ามา อีกอย่างตอนนี้ผมก็กำลังรักษามันอยู่ไม่ใช่เหรอครับ?”
วินนี่เหลือตามองเขาด้วยใบหน้าที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้ม แล้วพูดกับเขาว่า “ถ้าบนรถของคุณไม่ได้มีสาวสวยอยู่ด้วย ฉันเชื่อว่าคุณก็คงจะดื่มเหล้าจนพอใจเลยล่ะ โอเค ไม่เป็นไร ว่าแต่มันชื่อว่าอะไรเหรอคะ?”
ฉินสือโอวตอบกลับไปอย่างอ้ำๆ อึ้งๆ ว่า “ชื่อเหรอ? ไม่ต้องตั้งชื่อให้มันหรอกครับ”
ถ้าเป็นที่แคนาดา หากสัตว์เลี้ยงมีชื่อเรียก ก็ต้องเลี้ยงดูมันเหมือนสมาชิกในครอบครัว แต่ฉินสือโอวไม่อยากจะรับกวางอูฐมาเลี้ยง เขาแค่อยากจะรักษามันให้หายแล้วค่อยปล่อยมันไป
กวางอูฐไม่น่ารักแถมยังดูไม่น่าสนใจด้วย พอเจ้าตัวนี้โตแล้วมันจะมีขนาดความสูงสองเมตรและมีความยาวของลำตัวยาวถึงสามเมตร ดูทระนงองอาจยิ่งกว่าม้าเหงื่อโลหิตพันธุ์แท้ด้วยซ้ำ ถ้าเลี้ยงมันไว้นอกจากจะสิ้นเปลืองอาหารแล้ว ก็ไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไร
วินนี่ลูบลูกกวางอูฐ จากนั้นเจ้าลูกอูฐก็รีบแลบลิ้นนุ่มๆ ของมันออกมาเลียฝ่ามือของเธอ หัวที่มีขนนุ่มๆ ของมันก็ถูไถอยู่กับขาของเธอ ด้วยท่าทางราวกับจะบอกว่า ‘หนูเชื่องมากเลยนะแล้วหนูก็ชอบคุณด้วย คุณจะชอบหนูบ้างไหม’
“ดูสิ ว่าเด็กน้อยตัวนี้น่ารักขนาดไหน ตั้งชื่อให้มันเถอะนะคะ” วินนี่กล่าว
ฉินสือโอวไม่อยากปฏิเสธคำขอร้องของวินนี่ เขาจึงพูดไปว่า “ถ้าอย่างนั้นก็แล้วแต่คุณเลยแล้วกันนะครับ”
วินนี่คิดอยู่สักครู่ก็พูดขึ้นมาว่า “คุณดูสิคะ ขนของมันเป็นสีทองทั้งตัวเลย เหมือนกับพระอาทิตย์ดวงหนึ่งเลย ถ้าอย่างนั้นก็ชื่อว่าอะพอลโลแล้วกันนะ อะพอลโลคือเทพแห่งดวงอาทิตย์ พอเจ้าเด็กน้อยตัวนี้โตขึ้นก็คงจะดูมีพลังอำนาจเหมือนกันกับเทพแห่งดวงอาทิตย์…”
“เป็นชื่อที่ดีครับ”ฉินสือโอวพยักหน้า หู่จือและเป้าจือก็มองไปที่วินนี่อย่างตั้งตารอ ดูเหมือนว่าหมาน้อยทั้งสองตัวก็อยากจะเปลี่ยนชื่อบ้างเหมือนกัน
วินนี่ยังไม่ทันได้พูดจนจบ ทว่า “แต่เรียกอะพอลโลก็คงจะยาวเกินไป พวกเราตั้งชื่อเรียกสั้นๆ ให้มันดีไหม เรียกว่า เอ่อ ปอหลัว? (สับปะรด) ใช่ เรียกว่าปอหลัว ปอหลัวก็เป็นสีเหลืองเหมือนกัน แถมยังอร่อยด้วย”
ฉินสือโอวถึงกับอึ้งไป ทักษะการตั้งชื่อของวินนี่ช่างมีอานุภาพรุนแรงจริงๆ
หู่จือและเป้าจือหดหัวเข้าหากัน พวกมันลองเปรียบเทียบดูแล้วชื่อหู่จือน่าจะดีกว่ามากนัก อย่างน้อยก็น่าเกรงขามกว่าสับปะรด
ลูกกวางอูฐยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองถูกตั้งชื่อกลางให้ มันยังคงทำท่าทางออดอ้อนเธออยู่ไม่หยุด
วินนี่เดินไปดึงแครอตออกมาป้อนมันหนึ่งหัว แครอตในสวนผักมีรสชาติหวานล้ำหาใดเปรียบ ลูกกวางอูฐก็กินเข้าไปอย่างมีความสุข พร้อมทั้งส่งเสียงร้องออกมาไม่รู้จบ
เอาเถอะ ลูกกวางตัวนี้ก็ยกให้วินนี่แล้วกัน ฉินสือโอวส่ายหัว แล้วเดินกลับไปยังที่พักเพื่อเตรียมอาหารเย็น
ในตอนพลบค่ำพวกสาวๆ ก็กลับมาแล้ว ธุรกิจทุกห้างร้านในเมืองแฟร์เวลก็เป็นไปอย่างราบรื่น พวกเธอจะทานแต่ของที่ดีที่สุดอย่าง ปูราชินี เมนล็อบสเตอร์ ปลิงทะเลนิวฟันด์แลนด์เท่านั้น นี่เป็นตัวเลือกแรกสำหรับพวกเธอ
วันที่สอง หลังจากที่ฉินสือโอวตื่นมาวิ่งในตอนเช้า เขาก็เตรียมตัวไปทำงานไกด์นำเที่ยวที่แสนจะอาภัพต่อ
วินนี่ถามเขาด้วยความแปลกใจว่า “คุณมีหน้าที่แค่บุกเบิกทรัพยากรนี่คะ ทำไมต้องไปนำเที่ยวเองด้วยล่ะ? คุณเองก็ยังไม่ค่อยคุ้นชินกับเกาะแฟร์เวลเหมือนกัน”
ฉินสือโอวถอนหายใจแล้วตอบเธอว่า “ไกด์จากเมืองจีนไม่คุ้นเคยกับที่นี่ยิ่งกว่าผมอีก อีกทั้งไกด์ท้องถิ่นเองก็ไม่เข้าใจภาษาจีน ดังนั้นผมเลยต้องเป็นคนนำเที่ยว”
จากนั้นวินนี่ก็ยิ้มออกมา แล้วพูดกับเขาว่า “ให้คุณเป็นคนทำ ก็คงจะได้ไม่คุ้มเสียเท่าไรนะคะ ลองให้ฉันเป็นคนทำดีไหม? ถ้าฉันจะเป็นไกด์ให้กับเกาะแฟร์เวลล่ะ?”
ความคิดนี้ไม่เลวเลย ฉินสือโอวรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง วินนี่มีทักษะภาษาจีนและภาษาอังกฤษที่ดีเยี่ยม อีกทั้งยังคุ้นเคยกับสภาพการณ์ วัฒนธรรม และประเพณีของประเทศจีนเป็นอย่างมาก แถมเธอยังเป็นแอร์โฮสเตส ก็ย่อมต้องมีทักษะในการบริการมากพอที่จะเป็นไกด์นำเที่ยวอยู่แล้ว
ฉินสือโอวลองคุยกับแฮมเล็ตดูแล้ว แฮมเล็ตก็ยิ่งดีใจจนเก็บไว้ไม่อยู่ เขาขับรถมาที่บ้านของฉินสือโอวเพื่อคุยเรื่องรายละเอียดกับวินนี่ทันที
จากการพูดคุยกันสรุปได้ว่าต่างก็พึงพอใจกันทั้งสองฝั่ง วินนี่เข้าประจำจุดทำงาน รายได้ของเธออยู่ที่ 850 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ แต่เธอจะไม่ได้พักช่วงสุดสัปดาห์
สำหรับเรื่องที่จะไม่ได้หยุดพักในช่วงสุดสัปดาห์ ฉินสือโอวไม่ได้สนใจ ยังไงเขาก็มีเวลาพักตลอดทั้งเดือนอยู่แล้ว ไม่ว่าวินนี่จะได้หยุดพักตอนไหนเขาก็พร้อมที่จะไปกับเธอทั้งนั้น
เออร์บักร่างสัญญาขึ้นมาฉบับหนึ่ง ให้วินนี่และแฮมเล็ตเซ็นร่วมกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็สามารถเข้าทำงานได้แล้ว
ทางด้านแฮมเล็ตเองก็รู้สึกดีใจมาก ด้วยลักษณะภายนอกที่งดงามและนิสัยเฉพาะตัวของวินนี่ เพียงแค่แต่งเติมอีกเล็กน้อยก็สามารถเป็นตัวแทนของเกาะแฟร์เวลได้แล้ว คราวนี้ก็จะยิ่งเผยแพร่การท่องเที่ยวของเกาะแฟร์เวลไปได้กว้างยิ่งขึ้น
คนที่ไม่มีความสุขที่สุดก็คือนักท่องเที่ยวสาวสวยจากจีน พวกเธอไม่ได้มาที่นี่เพื่อท่องเที่ยว หรือพูดอีกอย่างว่า จุดประสงค์ข้อแรกของพวกเธอไม่ได้มาที่นี่เพื่อมาเที่ยว
ตอนนี้ไม่ได้เจอลูกเขยเต่าทองคำ[1]แล้ว แถมยังมีสาวลูกครึ่งที่ทั้งสวยและดูสูงส่งกว่าพวกเธอมาแทนอีกต่างหาก น่าหดหู่จริงๆ
ฉินสือโอวไม่สนใจ ยังไงก็มีวินนี่อยู่แล้ว เขาจึงไม่ได้สนใจสาวๆ พวกนั้นอีก จึงได้เคลื่อนย้ายความสนใจทั้งหมดมาอยู่ที่ฟาร์มปลา
เนื่องจากในช่วงนี้เป็นช่วงออกทะเล เขาจึงไม่ได้ไปดูแลอะไรในฟาร์มปลา ตอนนี้จึงมีเวลาว่าง เขาวางแผนว่าจะออกไปสำรวจอะไรสักหน่อย
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนถูกเคลื่อนย้ายไปสู่ฟาร์มปลา เขาไปดูฝูงปูราชินีที่ปรากฏตัวอยู่ในบริเวณชายหาดน้ำตื้นก่อนเป็นอันดับแรก พวกมันใช้ก้ามขุดหาดทรายอยู่อย่างต่อเนื่อง
ฉินสือโอวลองเข้าไปดู ก็พบว่าพวกมันกำลังขุดหอยทะเลขึ้นมากิน หอยทะเลที่พวกมันขุดขึ้นมามีขนาดใกล้เคียงกับฝ่ามือ มีลวดลายสีขาวเทามันวาว
นี่ทำให้ฉินสือโอวตกใจมาก ไม่ใช่ว่าพวกมันขุดหอยนางรมลอยของเขาขึ้นมาจนหมดแล้วหรอกนะ? รีบเดินเข้าไปดูปูราชินีพวกนั้น เขาพินิจดูอย่างละเอียด ด้วยความกังวลใจอย่างถึงที่สุด พวกนี้ไม่ใช่ลูกนางรมลอย
เมื่อเห็นอย่างนั้นเขาก็กำลังจะจากไปที่อื่น แต่ปรากฏว่าหอยพวกนี้สัมผัสได้ถึงจิตสำนึกแห่งโพไซดอน ต่างก็พากันเปิดเปลือกหอยขึ้นแล้วยื่นส่วนตัวของพวกมันออกมา
เปลือกหอยถูกเปิดออก สิ่งที่ยื่นออกมาคือท่อเนื้อหนึ่งเส้น ฉินสือโอวค่อนข้างแปลกใจ เขานึกว่าสิ่งที่หอยจะยื่นออกมาก่อนจะเป็นขาของพวกมันเสียอีก
สิ่งที่ทำให้เขายิ่งรู้สึกแปลกใจก็คือ ท่อเนื้อที่ยื่นออกมาจากเปลือกหอยพวกนี้มีขนาดยาวมาก ยืดขยายออกมาตลอด เหมือนกับช้างที่กำลังยืดงวงที่ขดไว้ออกมา
ท่อเนื้อที่ยื่นออกมาทั้งอวบทั้งใหญ่ หอยทะเลม้วนตัวขึ้น พวกมันใช้ท่อเนื้อหาเศษหญ้าทะเลเจอ จากนั้นมันก็ค่อยๆ กลืนลงไป
ฉินสือโอวถึงกับชะงักงัน ทันใดนั้นเขาก็รู้ถึงตัวตนของหอยชนิดนี้ทันที พวกมันคือหอยงวงช้างนั่นเอง!
สำหรับหอยทะเลชนิดนี้ ฉินสือโอวมีความรู้เกี่ยวกับพวกมันอยู่บ้าง ช่วงก่อนหน้านี้เขาเคยคิดที่จะเพาะพันธุ์กุ้งมังกรกับหอยทะเลมาโดยตลอด แต่ชาร์คก็บอกกับเขาว่ายังไม่ใช่โอกาสที่เหมาะสม
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะเลี้ยงกุ้งมังกรและสัตว์ประเภทหอยก็คือช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง เนื่องจากในช่วงเวลานี้สัตว์จำพวกปลา และปูต่างๆ จะมีดูดซึมสารอาหารใหม่เข้าไปได้ต่ำกว่า ทำให้กินอาหารได้น้อย จึงไม่เป็นอันตรายต่อพวกหอยตัวเล็กๆ  แต่ถ้าเริ่มเพาะพันธุ์ในช่วงฤดูร้อน ถ้าปล่อยลูกพันธุ์ของกุ้งและหอยลงไป คาดว่าน่าจะถูกปลาใหญ่กับปูกินจนหมดเกลี้ยง
……………………………

[1] ลูกเขยเต่าทองคำ หมายถึง สามีที่มีฐานะร่ำรวย

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset