ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 295 คนบ้านเดียวกัน

ฉินสือโอวพูดได้ทำได้ ในเมื่อเขาเคยรับปากว่าจะเข้าร่วมทีมบาสเกตบอลของเมืองนี้ก็คงจะผิดคำพูดไม่ได้
แถมทั้งวันนอกจากออกทะเลกับตากลมทะเลเล่นแล้ว เขาก็รู้สึกเบื่อๆ เหมือนกัน ได้ไปเล่นบาสก็คงไม่แย่
เมืองแฟร์เวลไม่มีสนามกีฬา ทีมบาสเกตบอลจึงฝึกซ้อมกันที่สนามบาสแถวมุมถนน
เวลาเที่ยงวัน ดวงอาทิตย์กำลังสาดแสงร้อนแรง สนามบาสว่างเปล่าไร้ผู้คน ฮิวจ์เปลือยท่อนบนเล่นบาสอยู่คนเดียวอย่างแฮปปี้มีความสุข ฉินสือโอวชู้ตบาสลงห่วงเล่นๆ เขารู้สึกว่าแดดร้อนเกินไปก็เลยเดินไปร้านขายของชำเพื่อเฝ้าร้านแทนฮิวจ์คนน้อง
ทัศนวิสัยของฉินสือโอวไม่ได้มีปัญหา ถึงจะมีลูกค้าชาวจีนแค่สองกลุ่ม แต่ว่ายอดขายของร้านขายของชำก็ไม่ได้แย่เลยจริงๆ โดยเฉพาะโสมอเมริกา เป็นสิ่งที่ขายดีที่สุด
โสมอเมริกาพวกนี้ ตอนที่ฮิวจ์คนน้องซื้อมาจากเผ่าซูบนเทือกเขาร็อกกี หนึ่งหัวมีราคาแค่สิบถึงหนึ่งร้อยดอลลาร์เท่านั้น แต่ที่ร้านขายของชำ โสมหนึ่งหัวจะขายได้ห้าร้อยถึงห้าพันดอลลาร์ แถมยังไม่ถูกต่อราคาอีกต่างหาก
นอกจากนี้ รูปปั้นเผ่าซูพวกนั้นกับขนสัตว์ชนิดต่างๆ ก็ขายดีเป็นอย่างมาก สิ่งทอขนสัตว์แต่ละผืนถูกพวกสาวๆ แย่งกันซื้อจนเกลี้ยง ในตอนนั้นจงฉูฉู่ก็ซื้อขนหมาจิ้งจอกอาร์ติกห้าชุดไปพร้อมกับขนเซเบิลอีกสองชุด
ฮิวจ์คนน้องเองก็มีหัวการค้าเหมือนกัน เขาเปิดกิจการเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งอย่าง นั่นก็คือการให้เช่าคันธนูพร้อมลูกธนูกับปืนตกปลา
คันธนูยาวและคันธนูสั้นแบบธรรมดาที่เป็นงานฝีมือของคนในเมืองแฟร์เวลพวกนั้น หลังจากที่เขาซื้อมาแล้วก็จะนำมาแกะสลักลวดลายสไตล์อินเดียนแดง หรือตัวอักษรอะไรพวกนั้น พร้อมทั้งโฆษณาให้ลูกค้าชาวต่างชาติฟังว่าเป็นธนูล่าสัตว์ของคนอินเดียนเผ่าซู ธนูและลูกธนูแบบนี้ให้สัมผัสที่ไม่ดี ทั้งยังขาดความแม่นยำ ทว่าเงินค่าเช่าของมันก็ไม่ได้ถูกเลย แต่เหล่านักท่องเที่ยวก็ยังยินดีที่จะจ่าย
ฉินสือโอวเข้ามาในร้านขายของชำได้ไม่นาน พ่อแม่ลูก ครอบครัวหนึ่งก็เดินเข้ามา เมื่อพอมองเห็นฉินสือโอว สามีภรรยาคู่นั้นก็ชะงัก แล้วถามกับเขาว่า “เจ้าของร้านล่ะ?”
จากจิตใต้สำนึก พวกเขาเลยพูดเป็นภาษาจีน แถมยังคิดว่าฉินสือโอวเองก็เป็นนักท่องเที่ยวเหมือนกัน
ฉินสือโอวยิ้มพร้อมทั้งอธิบายให้พวกเขาฟัง ว่าเจ้าของร้านเป็นเพื่อนของเขา กำลังเล่นบาสอยู่ที่หัวมุมถนน ส่วนเขาเป็นคนจีนที่ย้ายมาอยู่ที่นี่
สองสามีภรรยาก็แนะนำตัวเองเช่นกัน สามีเป็นเจ้าของกิจการขนาดเล็ก ส่วนภรรยาของเขาเป็นแม่บ้าน ลูกสาวของพวกเขาอายุหกขวบ เพิ่งจะขึ้นชั้นป.1 จึงอาศัยช่วงปิดเทอมฤดูร้อนมาเที่ยวต่างประเทศสักหน่อย
“ได้ยินมาว่าเส้นทางการท่องเที่ยวที่เพิ่งเปิดใหม่รูทนี้ดีมาก ไม่เพียงแต่มีทิวทัศน์ที่สวยงาม แต่ยังสามารถไปแทงปลา ตกปลา ขึ้นเขาไปล่าสัตว์ ออกเรือไปเที่ยวในทะเลอะไรพวกนั้นได้ด้วย พวกเราก็เลยมาที่นี่ แต่จริงๆ แล้ว เมืองแห่งนี้ก็ไม่เลวเลย ผู้คนที่นี่ก็ดีมาก ไม่มีการชักจูงให้ซื้อของหรือบังคับให้เสียเงินอะไรแบบนั้นเลย” ผู้ชายที่ชื่อหลี่เต๋อหลงพูดด้วยรอยยิ้ม
เด็กหญิงตัวน้อยมองฉินสือโอวด้วยความสนอกสนใจ เธอถามเขาว่า “คุณอาก็เป็นคนจีนเหรอคะ?”
ฉินสือโอวพยักหน้า เขาตอบเด็กหญิงด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม “ใช่แล้ว คุณอาก็เป็นคนจีนเหมือนกัน ตอนนี้มาอาศัยอยู่ที่นี่”
เด็กหญิงตัวน้อยพยักหน้าด้วยท่าทางน่ารักไร้เดียงสา เธอถอนหายใจออกมาน้อยๆ แล้วพูดกับเขาว่า “ถ้าหนูได้มาอยู่ที่นี่ก็คงจะดี มีพวกสัตว์ตัวเล็กๆ เยอะแยะไปหมด เมื่อวานนี้หนูเจอลูกกวางน้อยด้วยล่ะ ที่สำคัญที่สุดก็คือ หนูไม่อยากกลับไปเรียนเลย”
ฉินสือโอวรู้สึกชอบใจ เขาพูดกับเด็กน้อยว่า “แบบนั้นไม่ได้หรอก หนูต้องตั้งใจเรียนนะ คุณอาเรียนเก่ง ก็เลยสอบเข้ามหาลัยที่นี่ได้ ถึงได้อยู่ที่นี่ต่อ ถ้าต่อไปหนูมีผลการเรียนดี ก็จะสอบเข้ามหาลัยของที่นี่ได้เหมือนกัน”
เด็กหญิงตัวน้อยกลับรู้สึกสิ้นหวังยิ่งกว่าเดิม เธอ “หา? ที่นี่ก็มีโรงเรียนด้วยเหรอคะ?”
หลี่เต๋อหลงส่งบุหรี่ให้กับฉินสือโอว แต่ฉินสือโอวส่ายหัวปฏิเสธ ส่วนตัวเขาคาบบุหรี่ของตัวเองไว้ในปาก แล้วถามว่า “สูบบุหรี่ได้ไหม?”
“ไม่มีปัญหา ที่เมืองแฟร์เวลสูบบุหรี่ได้ทุกที่เลย ที่นี่ไม่ได้เคร่งครัดขนาดนั้น” ฉินสือโอวตอบ
หลี่เต๋อหลงจุดบุหรี่แล้วพ่นควันออกมา “ข้อนี้ก็ดีเหมือนกัน หลังจากที่พวกเรามาถึงแล้ว ไกด์คนสวยก็บอกพวกเราว่า นอกจากทิ้งขยะไม่เป็นที่ นอกนั้นก็ไม่ได้มีข้อห้ามอย่างอื่นอีก นี่ดีกว่าไปเที่ยวเกาะบาหลี ฮาวายอะไรพวกนั้นตั้งเยอะ นั่นไม่ใช่การท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนแล้วล่ะ นั่นมันคุกชัดๆ อันนี้ก็ทำไม่ได้ อันนั้นก็ห้ามจับ หมดสนุกพอดี!”
“คุณก็สูบบุหรี่ให้น้อยลงหน่อยเถอะ” ภรรยาสาวของเขาที่กำลังดูรูปปั้นกับผ้าขนสัตว์ด้วยความสนอกสนใจหันมาคุยกับเขาหนึ่งประโยค
หลี่เต๋อหลงหัวเราะแหะๆ เขาแอบอยู่ด้านหลังฉินสือโอวแล้วยกบุหรี่ขึ้นมาสูบต่อ
ฉินสือโอวเห็นเด็กหญิงตัวน้อยกำลังจ้องรูปสตาฟบอบแคตขนาดเล็กอยู่ จึงหยิบแล้วส่งไปให้เธอลองเล่นดู หลี่เต๋อหลงถามเขาว่า “อันนี้เท่าไรเหรอ?”
ฉินสือโอวลองดูป้ายราคาที่อยู่ด้านหลัง เขาแอบแสยะปากในใจแล้วตอบกลับไปว่า “ห้าร้อยห้าสิบดอลลาร์”
รูปสตาฟบอบแคตชิ้นนี้ หลังจากที่คนเผ่าซูจับบอบแคตได้แล้วก็จะนำเนื้อมันไปกิน ส่วนขนที่เหลือก็จะถูกยัดใยฝ้ายลงไปแล้วเย็บปิด ส่วนดวงตาก็ใช้ลูกแก้วพลาสติกแทน จึงกลายมาเป็นตุ๊กตาชิ้นนี้ ทว่าคนในเผ่าซูก็มีฝีมือดีมาก ลูกบอบแคตถูกปักเย็บอย่างมีชีวิตชีวา ของเล่นทั่วไปคงเทียบกันไม่ได้
คนที่สามารถมาเที่ยวต่างประเทศได้ล้วนแต่เป็นคนมีฐานะกันทั้งนั้น ลองแปลงค่าเงินดู เจ้าแมวน้อยตัวนี้ก็มีราคาเท่ากับสองพันหยวนแล้ว แต่ปรากฏว่าเมื่อหลี่เต๋อหลงรับไปดูแล้วพบว่ามันทำมาจากหนังของสัตว์ป่าของแท้ เขาก็ควักเงินออกมาซื้อทันที
ฉินสือโอวพูดกับเขาว่า “คนบ้านเดียวกันแท้ๆ ไม่ต้องให้เศษหรอก แค่ห้าร้อยดอลลาร์ก็โอเคแล้ว”
เขาจำได้ว่ารูปสตาฟสัตว์พวกนี้ส่วนมากเป็นของที่คนเผ่าซูให้มาฟรีๆ เนื่องจากของพวกนี้เป็นของที่พวกเขาทำเพื่อแก้เบื่อ หนังที่นำมาทำรูปสตาฟได้ ส่วนมากเป็นหนังของสัตว์ที่นำไปใช้ประโยชน์ไม่ได้ ดังนั้นในสายตาของคนเผ่าซูแล้ว ของชิ้นนี้จึงไม่ใช่ของที่มีราคา
ฉินสือโอวรู้สึกว่าเงินพวกนี้ได้มาอย่างไม่ค่อยสบายใจเท่าไรนัก หลังจากนั้นครอบครัวของหลี่เต๋อหลงก็ซื้อโสมอเมริกาไปอีกสองต้นก็กำลังจะพากันเดินออกจากร้านแล้ว เขาจึงหยิบกล้องสูบบุหรี่ที่ทำมาจากไม้แกะสลักยื่นไปให้หลี่เต๋อหลง แล้วพูดขึ้นมาว่า “แถมให้คุณแล้วกัน เก็บไว้เป็นที่ระลึกนะครับ”
หลี่เต๋อหลงรับมา พร้อมทั้งยื่นนามบัตรให้เขาหนึ่งใบ แล้วบอกกับเขาว่า “ขอบคุณมาก น้องชาย ถ้าวันไหนนายได้ไปปักกิ่ง พี่ชายจะเลี้ยงข้าวนายเอง”
ในตอนบ่ายอากาศเย็นขึ้นมานิดหน่อย ฮิวจ์และคนอื่นๆ สวมชุดเล่นบาสออกมาฝึกกันแล้ว ฉินสือโอวถึงเพิ่งตามเข้ามา
ฮิวจ์คนน้องเคยอธิบายให้เขาฟังว่า การแข่งขันลีกฤดูร้อนคือการแข่งขันของมือสมัครเล่น ดังนั้นทุกการแข่งขันจะไม่ได้แบ่งเป็นรอบละสี่สิบแปดนาที แต่แบ่งเป็นครึ่งแรกและครึ่งหลัง ใช้เวลาครึ่งละยี่สิบนาที ในทีมจะประกอบด้วย ผู้เล่นหลักห้าคนและผู้เล่นสำรองสามคน
เมื่อมาถึงสนามบาส ฮิวจ์ก็ช่วยแนะนำฉินสือโอวให้คนอื่นๆ ได้รู้จัก นอกจากพวกเขาสามคนแล้ว คนที่เหลืออยู่อีกห้าคนก็แบ่งได้ดังนี้
ลูกหลานผู้อพยพชาวเยอรมัน ตำแหน่งกองกลางร่างกายสูงใหญ่กูเดรีอัน บาบิค เจ้าของร้านซ่อมบำรุง ผู้เล่นตำแหน่งกองหน้าร่างกายบึกบึน จอห์นสัน ซาเดห์ ครูพละโรงเรียนประถมแกรนท์ ฮาร์ลาน ลอว์เรนซ์ ครูสอนวิชาภูมิศาสตร์ มาร์ค วิลลี นอกจากนี้ยังมีนักศึกษาจากนครเซนต์จอห์น ชื่อว่ากอร์ดอน ไคลด์
ทีมบาสมือสมัครเล่น มีการฝึกซ้อมที่ค่อนข้างเรียบง่าย ทุกคนจะทำความเข้าใจนิสัยซึ่งกันและกันเพื่อให้ให้เข้ากันได้กับคนในทีม และหาวิธีการส่งสัญญาณกันเองในทีม
นอกจากฮิวจ์คนน้อง ผู้เล่นในทีมคนอื่นก็ยังไม่ค่อยเข้าใจสไตล์กันเล่นของฉินสือโอวเท่าไรนัก ฮิวจ์จึงค่อนข้างเป็นกังวล เขาพูดว่า “ฉิน นายพยายามสื่อสารกับพวกเราให้มากกว่านี้ พวกเราต้องทำความเข้าใจนายให้มากยิ่งขึ้น ไม่อย่างนั้นการแข่งขันครั้งหน้าคงเล่นได้ไม่ดีนัก”
ฮิวจ์คนน้องพูดพร้อมรอยยิ้ม “สไตล์การเล่นของฉินเข้าใจง่ายจะตาย เวลาที่ฉันส่งบอลให้เขา ระหว่างที่รอเขาทำคะแนน พวกนายก็ออกไปรอเล่นก็พอแล้ว”
คนอื่นๆ หัวเราะออกมา พวกเขานึกว่าฮิวจ์คนน้องพูดเล่น
แต่แค่แป๊บเดียว พวกเขาก็ยิ้มไม่ออกแล้ว
แบ่งทีมผู้เล่นครึ่งสนาม ฮิวจ์คนน้องส่งบอลให้กับฉินสือโอว เขาได้ลูกบอลนอกเส้นสามแต้ม เผชิญหน้ากับการป้องกันของลอว์เรนซ์ ไหล่ของเขาก็ขยับและเปลี่ยนมือด้วยความรวดเร็ว
ลอว์เรนซ์ชะงักงัน ฉินสือโอวพุ่งออกไปออกไปด้วยความรวดเร็วราวกับลูกธนูที่พุ่งออกจากสาย ไม่มีใครตอบโต้กลับมา ไม่มีใครสามารถป้องกันเอาไว้ได้ ฉินสือโอวพุ่งไปที่ห่วง ลอยตัวขึ้นกลางอากาศพร้อมทั้งถือบอลด้วยมือเดียว เขาเหวี่ยงมือราวกับขวาน พาบอลลงห่วงจนเกิดเสียงดังสั่นสะเทือน
เขาบุกเข้าโจมตีอีกครั้ง ลอว์เรนซ์เอาตัวมาบังเพื่อไว้เพื่อทำการป้องกัน ฉินสือโอวชนไปที่ด้านหลัง ลอว์เรนซ์ยั้งแรงไว้ไม่ได้ชั่วคราว เขารู้สึกเหมือนตัวเองถูกรถบดอย่างไรอย่างนั้น เขาทนไม่ได้จนต้องถอยกลับมา
เมื่อมีช่องว่าง ฉินสือโอวก็บุกโจมตีอีกครั้ง จอห์นสันก็รีบพุ่งเข้ามาที่ใต้แป้นบาสเพื่อเพิ่มการป้องกันทันที หลังจากการกระโดดชู้ตหนึ่งครั้ง บอลก็ลงห่วงไปอย่างแม่นยำ
ฉินสือโอวยังครองลูกอยู่ ลอว์เรนซ์ไม่กล้าเข้าไปใกล้มากเกินไป ปล่อยให้เขาก้าวต่อไปหนึ่งก้าว ตั้งใจป้องกันการบุกของเขา ฉินสือโอวยิ้มน้อยๆ เขาก้าวเท้ายาวๆ แล้วยกแขนขึ้น สะบัดข้อมืออย่างนุ่มนวล จัมพ์ช็อต!
เสียงดัง ‘ฟุบ’ หนึ่งครั้ง ลูกบาสก็มุดเข้าไปในตาข่ายอย่างสวยงาม
ฮิวจ์คนน้องยักไหล่ เขาพูดขึ้นมาว่า “ยังต้องปรับตัวให้เข้ากันต่อไหม?”
……………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset