ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 297 พาคุณไปรับลม

เมื่อเซ็นชื่อรับเครื่องบินแล้ว ฉินสือโอวก็โทรศัพท์หาวินนี่แล้วถามว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน วินนี่ตอบเขาว่าเธอกำลังพานักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชมมหาวิหารเซนต์จอห์นเดอะแบ๊พติสท์
มหาวิหารแห่งนี้คือโบสถ์ในท้องที่ที่มีความโอ่อ่าและยิ่งใหญ่ที่สุดในนครเซนต์จอห์น มีที่ตั้งอยู่บนยอดเขา หอคอยยอดแหลมคู่สร้างมาจากหินปูนขาวและหินแกรนิต เมื่อยืนอยู่ด้านบนจะสามารถมองเห็นเมืองท่าได้ทั้งหมด
มหาวิหารเซนต์จอห์นเดอะแบ๊พติสท์ถูกสร้างขึ้นในปี 1855 ภายนอกของมหาวิหารมีการตกแต่งสไตล์โรมาเนสก์แบบอิตาลีที่มีความยิ่งใหญ่อลังการ มีการตกแต่งภายในด้วยสีสันงามตา ตกแต่งด้วยหน้าต่างกระจกสีและเส้นสีทอง ฝ้าเพดานสีเชทนัทและสีเขียวเข้มมีรูปสลักสวยงามตระการตาที่ช่วยขับความงามซึ่งกันและกัน เกิดเป็นทิวทัศน์ที่ให้ทั้งความงดงามผ่านดวงตาและความสุขภายในจิตใจ
นอกจากนี้ มหาวิหารแห่งนี้ยังมีรูปสลักเคลื่อนไหวที่ทำมาจากหินอ่อนไวท์คาราร่า อันเป็นผลงานการแกะสลักของช่างแกะสลักชาวไอริช จอห์น โฮแกน สลักบทกวีที่มีชื่อว่า The Redeemer in death (ผู้ไถ่บาปบนความตาย) ไว้ที่ด้านบนของแท่นบูชา นี่เป็นโบราณวัตถุที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ของประเทศแคนาดา
ฉินสือโอวบอกวินนี่ว่าอย่าเพิ่งกลับ เขาบอกเธอว่าตอนนี้เขาก็อยู่ที่นครเซนต์จอห์นเหมือนกัน พลบค่ำพวกเขาค่อยกลับเมืองแฟร์เวลด้วยกัน
ตามกฎของบริษัททัวร์แล้ว เวลาหกโมงเย็น กิจกรรมการท่องเที่ยวของแต่ละวันจะสิ้นสุดลง และนักท่องเที่ยวต้องกลับไปถึงเกาะแฟร์เวล
วินนี่พาบรรดานักท่องเที่ยวไปส่งขึ้นเรือโดยสาร แล้วยืนรออยู่บนท่าเรือ
ตอนนี้เธอสวมชุดทำงานแบบออฟฟิศเลดี้อยู่ ท่อนบนสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวล้วน ส่วนท่อนล่างสวมกระโปรงทรงดินสอสีดำ บนลำคอสวมใส่ริบบิ้นสีฟ้าคราม เข้าคู่กับถุงน่องสีเนื้อและรองเท้าส้นสูงสีดำ ภาพลักษณ์แบบสาวออฟฟิศแบบนั้นทำให้ผู้ชายรู้สึกตื่นตัวได้จริงๆ
พวกผู้ชายต่างก็มีนิสัยน่ารังเกียจกันทั้งนั้น วินนี่ยืนรออยู่ที่ท่าเรือสักพัก ก็มีคนคนหนึ่งผิวปากใส่เธอ
วินนี่ไม่ให้ความสนใจ เธอแอบรำคาญอยู่ในใจเงียบๆ พวกแกลำพองใจไปเถอะ รอแม่กลับไปพาหู่จือกับเป้าจือมาก่อนนะ แล้วจะมาจัดการกับพวกแกแน่ๆ อืม ตอนนี้เพิ่มปอหลัวเข้าไปด้วยอีกตัว ปอหลัวเด็กดีตัวนี้ก็เหมือนว่าจะมีอารมณ์รุนแรงเหมือนกัน
ระหว่างที่กำลังคิดอยู่ ก็มีคนเข้ามาตบแปะที่ด้านหลังของเธอ เธอสะดุ้งจนตัวโยน มือทั้งสองข้างกอดอกเอาไว้แล้วรีบหันหลังกลับไป ก็เห็นฉินสือโอวที่มองมาที่เธอด้วยสายตางงงวย
“กำลังคิดอะไรอยู่เหรอครับ?” ฉินสือโอวถามเธอด้วยรอยยิ้ม
วินนี่กำลังจะเอ่ยปากตอบ ทันใดนั้นนักเลงโตคนหนึ่งบนเรือประมงที่กำลังจะออกเรือก็ตะโกนแซวขึ้นมาอย่างหยาบคาย “ยัยนี่กำลังคิดถึงน้องชายตัวโตของฉันอยู่น่ะ ฮ่าๆ!”
พอพูดจบ นักเลงตัวใหญ่คนนั้นก็ขับเรือออกจากท่าเรือไปทันที ทั้งยังชูนิ้วกลางทั้งสองข้างอย่างหยาบคายเพื่อดูถูกวินนี่อีกด้วย
วินนี่โมโหจนทนไม่ได้ เธอพูดด้วยความหงุดหงิดรำคาญใจว่า “ไอ้เลว ครั้งหน้าฉันจะพาหู่จือกับเป้าจือมาด้วย จะพาพวกเด็กๆ มาด้วยแน่ๆ”
ฉินสือโอวกอดเธอไว้พร้อมทั้งหัวเราะออกมา วินนี่ใช้ส้นของรองเท้าส้นสูงถีบเขาเบาๆ “คุณหัวเราะอะไรคะ? หัวเราะฉันเหรอ?”
ฉินสือโอวตอบเธอด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม “ผมตลกสภาพน่าอนาถของไอ้คนดวงซวยคนนั้นน่ะ…”
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากที่ไกลๆ ต่อมา เฮลิคอปเตอร์ AC-310 ก็บินข้ามมาด้วยความรวดเร็ว เกลียวหมุนของใบพัดหมุนวนส่งเสียงร้องคำราม พาลมแรงพัดเข้ามาเป็นระลอก แล้วค่อยๆ ร่อนลงบนพื้นที่ว่างเปล่า
แสงอาทิตย์อัสดงทอแสงประกายอยู่บนเฮลิคอปเตอร์ กระจกนิรภัยสะท้อนแสงสีแดงจางๆ ลายเมฆที่ถูกทาไว้ทั้งสองด้าน ดูราวกับว่าจะกลายเป็นก้อนเมฆสีแดงท่ามกลางพระเอกอาทิตย์ที่กำลังตกดินขึ้นมาจริงๆ
“เฮลิคอปเตอร์ของคุณมาถึงแล้วเหรอคะ?” วินนี่ถามเขาด้วยความตื่นเต้น เธอรู้เรื่องที่ฉินสือโอวไปซื้อเครื่องบินที่มอนทรีออลมาเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน แล้วก็อ่านเห็นข้อมูลโดยสังเขปของเฮลิคอปเตอร์ AC-310 มาแล้วเช่นกัน พอเห็นก็เลยเดาได้ทันที
ฉินสือโอวจูงมือเธอไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เฮลิคอปเตอร์ลำนี้มีการเรียงลำดับที่นั่งแบบ 1+2 หรือก็คือ ที่นั่งสำหรับนักบินหนึ่งที่และที่นั่งสำหรับผู้โดยสารอีกสองที่นั่ง
วินนี่สวมกระโปรงทรงดินสอ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้กังวลว่าลมแรงพัดกระโปรงจนเปิด ภายใต้การประคับประคองของฉินสือโอว เธอก็กระโดดขึ้นไปบนเฮลิคอปเตอร์ ส่วนฉินสือโอวก็ไต่ขึ้นไปจากอีกด้าน จากนั้นเขาก็บอกกับนักบินว่า “ไมคอฟ เห็นเรือประมงลำนั้นไหม? ขับไปจอดด้านหน้ามันหน่อย หมอนั่นมันคึกเกินไปแล้ว”
“ไม่มีปัญหาครับ มิสเตอร์” นักบินแย้มยิ้มออกมาเล็กน้อย เขาผลักคันเร่งเบาๆ เครื่องยนต์วอร์เท็กซ์ที่ได้รับคำสั่งจากแรงขับก็เริ่มทำงาน เฮลิคอปเตอร์ก็บินขึ้นอย่างช้าๆ จากนั้นก็ผลักแท่นควบคุมที่อยู่ระหว่างขาทั้งสองข้าง เฮลิคอปเตอร์ก็บินไปยังทิศทางของเรือประมงลำนั้นทันที
ชายร่างใหญ่คนนั้นยังคงพึงพอใจที่เมื่อสักครู่ได้พูดจาลวนลามวินนี่ เขากำลังสูบบุหรี่รับลมทะเล
แต่ปรากฏว่ากลับมีเฮลิคอปเตอร์บินมาทางเขาอย่างรุนแรงและรวดเร็ว จากนั้นก็ลดระดับความสูงลง จนแทบจะจอดอยู่ด้านบนเรือประมงราวๆ สี่ห้าเมตร
ใบพัดหมุนวนส่งเสียงฮูฮูด้วยความรวดเร็ว พาลมแรงพัดเข้าใส่เรือประมงและผิวทะเล ทันใดนั้น เรือประมงก็เริ่มโคลงเคลงไปทั้งทางซ้ายและขวา อีกทั้งบนผิวน้ำก็เกิดเป็นคลื่นลูกใหญ่ขึ้นมา เดิมทีนักเลงโตคนนั้นกำลังตากลมทะเลอยู่ แต่ปรากฏว่าเขา ถูกคลื่นทะเลสาดเข้าใส่ซะเต็มหน้า
“เวร ไอ้เวร! ให้ตาย ให้ตาย ให้ตายเหอะ ไป ไป ไสหัวไป…” นักเลงคนนั้นเกาะแคมเรือพร้อมทั้งเงยหน้าด่าด้วยความโมโห ลมพัดแรงเกินไป พัดแรงจนเขาพูดไม่ออก
ฉินสือโอวมองทะลุกระจกหน้าต่างลงมา เขาพูดขึ้นมาว่า “ที่รัก ผมรู้สึกว่าท่าทางปากของหมอนั่นดูไม่เหมือนกับว่าเขากำลังขอโทษเลย ดูท่าว่าเขาน่าจะยังได้รับบทเรียนไม่พอนะ”
วินนี่เห็นสภาพเหมือนหมาจนตรอกของนักเลงโตคนนั้นก็อดที่จะสงสารไม่ได้ เธอบอกกับฉินสือโอวว่า “ช่างเถอะค่ะ เขาก็แค่พวกคนปากไม่ดี ไม่จำเป็นต้องลดตัวลงไปยุ่งด้วยหรอกค่ะ”
ฉินสือโอวส่ายหัว “ไม่ครับ ต้องให้บทเรียนกับคนแบบนี้บ้าง ผมก็แค่ช่วยให้บทเรียนกับเขาฟรีๆ เท่านั้นเอง ไมคอฟ ลดระดับความสูงลงหน่อย ให้หมอนั่นมันแฮปปี้กว่านี้หน่อย”
“โอเคครับ มิสเตอร์” นักบินดึงแท่นบังคับลงเล็กน้อย เฮลิคอปเตอร์ก็ลดระดับความสูงลงไปหนึ่งเมตรครึ่ง คราวนี้ลมก็พัดแรงอย่างคลุ้มคลั่งยิ่งกว่าเดิม พัดจนเรือประมงหมุนอยู่กับที่ ดูแล้วเหมือนกับว่ากำลังลอยอยู่ท่ามกลางพายุอย่างไรอย่างนั้น
พอขยับเข้ามาใกล้ นักเลงโตคนนั้นก็มองเห็นท่าทางของวินนี่ได้อย่างชัดเจน ทันใดนั้นเขาก็อารมณ์เสียขึ้นมาทันที เขากอดแคมเรือไว้แล้วเริ่มตะโกนอย่างป่าเถื่อน
ฉินสือโอวร้องเหอะๆ แล้วบอกให้ไมคอฟพาเฮลิคอปเตอร์บินขึ้นเพื่อมุ่งหน้าไปยังฟาร์มปลา
เครื่องยนต์ของเฮลิคอปเตอร์ดังอื้ออึงจนแสบแก้วหู ถ้าหากเข้าใกล้เฮลิคอปเตอร์จากทางด้านนอก เสียงคงดังจนเหมือนฟ้าผ่า แต่ถ้าหากอยู่ในห้องเคบิน ก็คงจะสบายกว่ามาก ห้องเคบินของเฮลิคอปเตอร์ถูกปิดอย่างแน่นสนิท จึงสามารถตัดเสียงดังแสบแก้วหูจากภายนอกได้
ทว่า ก็ยังยากที่จะหลีกเลี่ยงเสียงรบกวนบางส่วน เพื่อที่จะลดน้ำหนักขึ้นบินของเฮลิคอปเตอร์ลำนี้ จึงต้องพยายามลดระดับความหนาเปลือกด้านนอกของตัวเครื่องให้มากที่สุด
ดังนั้น ฉินสือโอวกับวินนี่จึงสวมหูฟังพร้อมไมโครโฟนที่ถูกเตรียมไว้ก่อนแล้ว สุดท้ายโลกใบนี้จึงเงียบสงบลงในที่สุด
ฉินสือโอวถอนหายใจออกมา จริงๆ แล้วเขายังอยากจะอวดของต่ออีกหน่อย แต่ดูจากตอนนี้แล้ว ความรู้สึกตอนนั่งเฮลิคอปเตอร์ต่างกับตอนนั่งเครื่องบินอยู่มากนัก ไม่แปลกใจเลยที่พวกคนรวยจะพากันซื้อเครื่องบินโดยสารแทนเฮลิคอปเตอร์
เขาเริ่มรู้สึกว่าเฮลิคอปเตอร์ไม่คุ้มค่าแล้ว ซื้อของราคาเท่าไหนก็ได้ของคุณภาพแบบนั้น เฮลิคอปเตอร์ราคาห้าแสนดอลลาร์จะไปสู้เฮลิคอปเตอร์หลายเครื่องยนต์ราคาห้าล้านได้ยังไงกัน?
แต่แค่ครู่เดียว ฉินสือโอวก็กลับมารู้สึกคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายแล้ว
เฮลิคอปเตอร์บินไปอย่างรวดเร็วและมั่นคง ฟองคลื่นหมุนขึ้นหมุนลงพัดวนอยู่ในมหาสมุทร เมื่ออยู่บนที่สูงก็มองออกไปได้ไกลขึ้น พอมองออกไปทางด้านนอกเฮลิคอปเตอร์ ก็จะมองเห็นเกาะแฟร์เวลที่โอบล้อมด้วยสีเขียวได้โดยตรง
สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ระยะห่างของฉินสือโอวกับเมืองแฟร์เวลถูกลากให้เข้ามาใกล้กันยิ่งขึ้น ปกติแล้วถ้านั่งเรือจะต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงระยะห่างถึงจะสิ้นสุดลง แต่ภายใต้ความเร็วของเฮลิคอปเตอร์ ใช้เวลาเพียงสิบห้านาทีก็จัดการได้แล้ว
เฮลิคอปเตอร์วนเวียนอยู่บนท้องฟ้าของเกาะแฟร์เวล ฉินสือโอวกวาดสายตามองไปรอบๆ สิ่งที่มองเห็นก็คือมหาสมุทรกว้างสุดลูกหูลูกตาที่โอบล้อมไว้ทั้งสี่ทิศ กับพระอาทิตย์ยามอัสดงที่กำลังตกลงสู่พื้นผิวทะเลอย่างช้าๆ
คลื่นทะเลทุกลูกที่ถูกแสงอาทิตย์ยามเย็นย้อมจนกลายเป็นสีส้มพัดเข้าสู่เกาะแฟร์เวลจากทุกทิศทาง คลื่นทะเลเชี่ยวกราก ลมทะเลพัดพาส่งเสียงหวีดหวิว เมื่อมองออกไปไกลๆ ก็มีฝูงนกทะเลที่กำลังว่ายวนอยู่บนท้องฟ้า บางตัวกำลังหาอาหาร บางตัวก็กำลังจะบินกลับรังในป่าบนเทือกเขาเคอร์บัล
เทือกเขาเคอร์บัลกลายเป็นสีเขียวมรกต บรรยากาศของฤดูร้อนปรากฏให้เห็นผ่านเทือกเขาทั้งลูกอย่างมีสีสันและมีชีวิตชีวา เมื่อมองไปยังมหาสมุทรอีกครั้ง เรือโดยสารลำหนึ่งก็กำลังลอยเคลื่อนที่อยู่อย่างช้าๆ บนท่าเรือมีคนบางกลุ่มที่กำลังรออยู่…
……………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset