ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 302 ขึ้นเขาอีกครั้ง

ส่งเด็กๆ เข้าเรียนแล้ว ฉินสือโอวจึงเตรียมตัวไปขึ้นเขากับวินนี่
ครั้งที่แล้วที่ไปขึ้นเขานั้นได้เริ่มต้นจากป่าเล็กๆ ในฟาร์มปลา คราวนั้นยังไม่นับว่าเป็นช่วงฤดูร้อน วิวในตอนนั้นจึงเทียบไม่ได้กับตอนนี้
ตอนนี้เต็มไปด้วยสีสันเข้มข้นของฤดูร้อน ป่าลึกเงียบสงบ ต้นเมเปิล ต้นสน ต้นสพรูส ซีดาร์แดงตะวันตก ต้นสนดักลาส ชุ่มชื้นเขียวชอุ่ม ให้สีเขียวสดราวกับมรกต
ด้านหน้าของป่าเล็ก ยิ่งเต็มไปด้วยต้นไม้สีสวยสดนานาพันธุ์ หงส์ฟู่ ต้นควันใบม่วง ใบไม้ของต้นไม้ทั้งสองชนิดปรากฏให้เห็นเป็นสีม่วงอ่อน ใบของต้นเมตาเซโคเอียใบสีทองและต้นโซโฟร่าทองก็เป็นสีทองสุกสกาว
นอกจากนี้ยังมีใบของต้นพลัมแดงและเมเปิลแดงที่แล้วเหมือนกับกลุ่มไฟ ต้นสนบลูไอซ์มีเสน่ห์งดงามที่สุด ใบสีฟ้าสดถูกปกคลุมด้วยหยดน้ำค้าง ยามลมพัดก็เหมือนกับเกลียวคลื่นที่ม้วนวน…
เมื่อก่อนก็มีนักท่องเที่ยวที่สังเกตเห็นป่าผืนเล็กแห่งนี้เช่นกัน ตอนที่สาวๆ กลุ่มแรกมาที่นี่ก็ได้ถ่ายรูปไปเยอะจนนับไม่ถ้วนทั้งยังโพสต์ลงบนเว็บไซต์ท่องเที่ยวกับพวกเว็บไป๋ตู้เทียปาต่างๆ หลังจากนั้นนักท่องเที่ยวที่มาถึงทีหลังก็มักจะพากันมาเยี่ยมชมป่าผืนน้อยแห่งนี้ และยังตั้งชื่อให้มันว่าป่าสีรุ้งอีกด้วย
เนื่องจากทุกคนเคยมาแล้วหลายครั้ง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องขึ้นเขาจากตำแหน่งนี้อีก ฉินสือโอวเองก็ไม่อยากให้พวกนักท่องเที่ยวผ่านเข้าไปในฟาร์มปลาเหมือนกัน ในเมืองมีทางขึ้นเขาที่ดีกว่า นั่นก็คือทางที่ขับรถขึ้นไปยิงปืนเล่นเมื่อครั้งที่แล้วนั่นเอง
ฉินสือโอวจัดการอย่างค่อนข้างจริงจัง เนื่องจากต้องไปค้างแรมบนภูเขา ดังนั้นจึงต้องดูแลเรื่องความปลอดภัยให้ดี ปืน AR-15 ปืนเรมิงตัน ปืน M1911A1 ปืนยูเอสพีและปืนชนิดอื่นๆ ล้วนแต่ต้องพกติดตัว แถมในมือยังถือธนูคอมพาวด์ไปด้วย
นอกจากนี้ ฉงต้าต้าป๋าย หู่จือและเป้าจือก็ออกสนามมาด้วยกัน นีลเซ็นและเบิร์ดก็มาเป็นบอดี้การ์ดให้ ส่วนอีวิลสันรับหน้าที่คุ้มครองด้านหลัง ปลอดภัยหายห่วงแน่นอน
เมื่อมาถึงจุดรวมพล ฉินสือโอวเห็นว่าในกลุ่มนักท่องเที่ยวยังมีคนที่คุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่ หลี่เต๋อหลงนั่นเอง แต่เขาไม่ได้พาภรรยากับลูกสาวมาด้วย ฉินสือโอวเข้าไปทักทายเขา พวกเขายืนคุยกันอยู่สักพัก
ทางด้านหู่จือเป้าจือกำลังพยายามทำท่าทำทางให้ตัวเองดูน่ารักอยู่ ส่วนฉงต้าก็เป็นดาราดังตลอดกาลอยู่แล้ว พอลงรถมามันก็กลายเป็นนายแบบให้กล้องถ่ายรูปของคนจำนวนมาก จนเปลืองฟิล์มไปหลายม้วน
ตอนนี้มันตัวโตจนเกือบจะถึงหนึ่งเมตรแล้ว ตัวอ้วนๆ กลมๆ ตอนที่ไม่ขยับตัวก็ดูน่ารักมากๆ น่ารักแบบซื่อๆ บื้อๆ แต่ถ้าไปยั่วโมโหมัน ความน่ากลัวของมันจะมากยิ่งกว่าหมาป่าที่หิวโหยกับสุนัขพันธุ์โมโลสเซอร์เสียอีก
มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งถือเอาแอปเปิลลูกเล็กหนึ่งลูกแล้วเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง ฉงต้ากะพริบตาปริบๆ มันล้มตัวลงทำท่าซิทอัพสองครั้ง อย่างไร้การควบคุมความประพฤติ จากนั้นก็รอกินแอปเปิลอย่างไร้ซึ่งความอดทน
ท่าซิทอัพของฉงต้าน่ารักไร้เดียงสาเป็นอย่างมาก จนทำให้นักท่องเที่ยวหลุดยิ้มออกมา
ฉินสือโอวหั่นแอปเปิลออกเป็นสองส่วน ให้ฉงต้าครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งให้ต้าป๋าย ทั้งสองตัวนั่งกินด้วยกันอย่างมีความสุข
เมืองแฟร์เวลจ้างไกด์นำเที่ยวผู้ชายไว้สองคน ต่างก็พกปืนกับธนูและลูกธนูมาทั้งคู่ พวกเขาอธิบายสิ่งต้องห้ามในการปีนเขาให้ฟังก่อนหนึ่งรอบ อย่างเช่นไม่อนุญาตให้สูบบุหรี่ ไม่อนุญาตให้จุดไฟนอกเหนือจากตอนทานอาหารกับตั้งแคมป์ ไม่อนุญาตให้ออกห่างจากขบวนมากกว่าห้าสิบเมตรและข้อห้ามอื่นๆ พยายามอย่าให้เกิดความเสี่ยงให้มากที่สุด
ฉินสือโอวกอดธนูคอมพาวด์ เขาแสยะปากแล้วพูดขึ้นมาว่า “ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าตัวเองเหมือนพี่เลี้ยงเด็กเลยล่ะ?”
เบิร์ดสวมชุดป้องกันอย่างเนี้ยบ รองเท้าบูตสูงถึงข้อ ชุดลายพรางสีเขียว เขาสวมหมวกเบสบอล มีดทหาร ปืนพก ปืนไรเฟิล ทั้งยังแบกกระเป๋าสะพายหลังใบใหญ่อีกหนึ่งใบ เหมือนกำลังจะไปทำสงครามอย่างไรอย่างนั้น
“บอส คุณจะไม่สวมหมวกจริงๆ เหรอ? ผมแนะนำให้คุณพกไว้สักใบนะ” เบิร์ดเห็นฉินสือโอวมองมาที่เขาอย่างพินิจพิเคราะห์ก็ยิ้มออกมาน้อยๆ ทั้งยังถอดหมวกเบสบอลของตัวเองแล้วยื่นมาให้เขา
ฉินสือโอวส่ายมืออย่างแรง ให้ตาย ใบนี้เป็นหมวกสีเขียว[1]ด้วยสิ ถ้าเขาใส่มัน นี่ก็จะไม่ใช่ข่าวลือที่จะเอาไปออกทีวีได้เหรอ เรื่องนี้ก็เอาไปออกข่าวได้เหมือนกันนะ
หลังจากเน้นย้ำปัญหาที่ควรระวังในการขึ้นเขาไปแล้ว คลื่นมหาชนนักท่องเที่ยวก็เตรียมตัวจะขึ้นเขากัน
ฉินสือโอวเดินไปด้วยกันกับวินนี่ เขาเดินนำอยู่ด้านหน้า เพิ่งจะเดินมาได้ไม่ไกลเท่าไร นกคาร์ดินาลตัวน้อยสองตัวก็บินเข้ามา พวกมันเกาะอยู่บนกิ่งไม้แล้วมองมาที่กลุ่มนักท่องเที่ยวอย่างสนอกสนใจ คาดว่าพวกมันคงไม่เคยเห็นสิ่งมีชีวิตเช่นนี้มาก่อน
เมื่อมองเห็นนกคาร์ดินาล บรรดานักท่องเที่ยวก็ส่งเสียงดังเกรียวกราวขึ้นมาทันที “โอ้โห นกแองกรี้เบิร์ดล่ะ!”
นกนอร์ธเธิร์น คาร์ดินาลก็คือต้นแบบของแองกรี้เบิร์ดนั่นเอง ตอนที่ฉินสือโอวได้เห็นมันครั้งแรกก็รู้สึกสนใจมากๆ เช่นกัน ต่อมาเริ่มชินแล้ว เลยไม่ได้ตื่นเต้นเท่าไรนัก ในป่าผืนเล็กของเขาก็มีนกคาร์ดินาลอยู่ฝูงใหญ่ ทุกครั้งที่เข้าไปให้อาหารหมูให้อาหารไก่ก็มักจะพบพวกมันเป็นประจำ
การปีนเขามีปัญหาอยู่หนึ่งอย่าง นั่นก็คือต้นไม้รกทึบเกินไป วิวทะเลจึงถูกบังไว้หมด เดินไปได้ไม่นาน เหล่านักท่องเที่ยวก็เหนื่อยจนหายใจหอบ ต้องขอหยุดพักอยู่เรื่อยๆ
วินนี่จึงต้องให้นักท่องเที่ยวได้พักผ่อน ฉินสือโอวหมดคำจะพูด “ทำไมกำลังกายของพวกเขาถึงได้แย่ขนาดนี้เนี่ย? สู้คุณที่เป็นผู้หญิงไม่ได้เลยด้วยซ้ำ”
แต่วินนี่กลับเข้าใจพวกเขาดี เธอพูดกับเขาว่า “พวกเขาต่างก็กำลังแบกของกันทุกคน จะเหมือนกับฉันที่เดินตัวเปล่าได้ยังไงล่ะคะ? อีกอย่างหนึ่ง คุณคิดว่าฉันอ่อนแรงขนาดนั้นเลยเหรอคะ? ฉันวิ่งกับก็ฝึกโยคะทุกวัน คนพวกนี้ทำงานอยู่แต่ในออฟฟิศกันทั้งนั้น”
ฉินสือโอวให้นีลเซ็นไปสำรวจเส้นทางก่อน จึงหาตำแหน่งของลำธารเจอ เขาให้วินนี่พานักท่องเที่ยวไปพักที่ริมลำธาร ที่ริมลำธารมีลมพัดผ่าน สามารถตกปลาได้ ไม่แน่อาจจะเจอกับฝูงกวางหรือไม่ก็นกป่าที่มาดื่มน้ำ
แม่น้ำบนภูเขาใสสะอาด มีนักท่องเที่ยวบางส่วนถอดรองเท้าลงไปในแม่น้ำ ปรากฏว่าน้ำจากที่ดูเหมือนจะลึกถึงแค่ข้อเท้า แต่พอเดินลงไปในแม่น้ำกลับลึกจนแทบถึงหัวเข่า
ไกด์เตรียมเบ็ดตกปลาคันสั้นไว้เรียบร้อยแล้ว เบ็ดตกปลาหนึ่งคันมีขนาดความยาวแค่หนึ่งเมตร เหมาะสำหรับการตกปลาในลำธารแบบนี้ จากนั้นก็นำเบ็ดตกปลาไปแบ่งให้กับทุกๆ คน พอตะขอปลาตกลงไป แค่ครู่เดียวก็มีคนตกปลากะพงกับปลาไพค์ขึ้นมาได้
มีปลาแบบนี้มาติดเบ็ด ทุกๆ คนก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจขึ้นมาทันที วินนี่พาพวกเขาออกเดินทางอย่างกระตือรือร้น แต่นักท่องเที่ยวพวกนี้ขอเที่ยวตรงนี้ต่ออีกสักหน่อย
แม่น้ำใสสะอาดอย่างไม่มีอะไรมาเทียบเทียม สามารถมองเห็นปลาที่กำลังว่ายน้ำได้อย่างชัดเจน ทำให้การตกปลามีจุดมุ่งหมายมากยิ่งขึ้น ทำให้รู้สึกผ่อนคลายยิ่งกว่าการตกปลาในแม่น้ำหรือทะเลทั่วๆ ไปเสียอีก อีกทั้งยังเพลิดเพลินยิ่งกว่า
ยังไงซะ ความสนุกของการที่สามารถตกปลาหนึ่งตัวขึ้นมาได้ภายในสองนาทีกับการที่กว่าจะตกปลาได้แต่ละตัวต้องใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมงก็ต่างกันมากอยู่แล้ว
วินนี่ยิ้มออกมาอีกคราว เห็นนักท่องเที่ยวพวกนี้รู้สึกยังไม่เต็มอิ่ม จึงอธิบายให้พวกเขาฟังว่าจะยังต้องทานมื้อเที่ยงที่ริมแม่น้ำ ถึงตอนนั้นก็ยังสามารถตกปลาได้ แบบนี้ถึงจะระดมความสนใจให้พวกเขาให้ออกเดินทางได้
มาปีนเขาครั้งนี้ ฉินสือโอวมาเป็นเพื่อนวินนี่ ดังนั้นระหว่างการเดินทางเขาจึงค่อนข้างนิ่งเงียบ บางครั้งมีคนเขามาคุยกับเขา เขาก็คุยด้วยบ้าง พอไม่มีคนมาคุยด้วย เขาก็ถือธนูออกไปยิงเล่น
คนที่สนใจในตัวของฉินสือโอว ต่างก็เป็นพวกนักท่องเที่ยวผู้ชาย แน่นอนว่า พวกนั้นไม่ได้สนใจเขา แต่สนใจปืนที่อยู่ในมือของเขาต่างหาก
สนามยิงปืนในเมืองแฟร์เวลยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง สถานที่ถูกกำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้กำลังรวบรวมแรงงานเพื่อทำการก่อสร้าง ทีมงานก่อสร้างที่รัฐจ้างมาก็คือทีมงานของวิล ฉินสือโอวเป็นคนช่วยติดต่อ มาคส์ วิลให้พาทีมงานกลับมาที่เมืองแฟร์เวลอีกครั้ง
ดังนั้น นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จึงยังไม่ได้จับปืน พวกเขาทำได้แค่หาวิธีอื่น อย่างเช่นยืมปืนของฉินสือโอวมายิงเล่นนั่นเอง
ที่แคนาดา ผู้ชายมีของสี่อย่างที่ไม่ให้คนอื่นยืม อย่างแรกคือภรรยา เหตุผลก็ไม่ต้องอธิบาย อย่างที่สองคือรถยนต์ เนื่องจากถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้น บริษัทประกันจะเอาเรื่องที่รถไม่ใช่ที่คนขับ ต่อไปถ้าจะเอาประกัน ก็จะเหลือเงินประกันไม่มากแล้ว อย่างที่สามคือสุนัข นั่นก็เพื่อรักษาความจงรักภักดีของสุนัขเอาไว้
ของอย่างที่สี่ที่ไม่ให้คนอื่นยืม ก็คือปืนนั่นเอง
มีนักท่องเที่ยวยื่นบุหรี่ไปให้นีลเซ็น นีลเซ็นรับบุหรี่มาสูบ แต่พอเขาพูดเรื่องที่ว่าอยากจะยืมปืนมายิงเล่นขึ้นมา นีลเซ็นก็แกล้งทำเป็นฟังไม่เข้าใจแล้วเดินหนีไปทันที
พวกนักท่องเที่ยวรู้สึกเซ็งนิดหน่อย ฉินสือโอวหัวเราะออกมา แล้วเอาปืน AR-15 ไปให้พวกเขาผลัดกันยิงเล่น พร้อมทั้งอธิบายสาเหตุที่นีลเซ็นไม่ให้ยืมปืนให้พวกเขาฟังด้วยว่า “ที่แคนาดาเคยมีอุบัติเหตุเกี่ยวกับปืนหลายครั้ง เป็นปืนที่มีคนยืมไปแต่ปล่อยให้เจ้าของปืนเป็นคนรับโทษแทนซะอย่างนั้น”
พวกเขาพากันยิ้มเยาะ “ทำไมยังมีเรื่องแบบนี้อยู่อีก? แต่ยังไงพวกเราจะไม่ทำแบบนั้นแน่ๆ พวกเรามาเที่ยวต่างประเทศ ครอบครัวก็มีฐานะมีหน้ามีตา พวกเราไม่ทำเรื่องสิ้นคิดแบบนั้นหรอก”
……………………………

[1] หมวกสีเขียว มีความหมายว่าถูกสวมเขา ภรรยามีชู้

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset