ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 304 การเปลี่ยนแปลงของบุช

นั่งดูพระจันทร์และดวงดาวบนท้องฟ้ากับวินนี่อยู่ครึ่งค่อนคืน บนหน้าของฉินสือโอวก็ถูกยุงกัดจนเป็นตุ่มใหญ่อยู่สองสามจุด นี่เป็นผลจากการที่เขาใช้โคมไฟไล่ยุง ไม่อย่างนั้นอาจจะถูกยุงกินไปแล้วก็ได้
ประสบการณ์ในค่ำคืนนี้ทำให้ฉินสือโอวได้รู้สองสิ่ง 1 ต่อให้วิวทิวทัศน์ของแคนาดาจะงดงามยิ่งกว่านี้ แต่ที่นี่ก็ยังมียุงอยู่ โดยเฉพาะริมฝั่งแม่น้ำยุงยิ่งเยอะ 2 ยุงจะไม่ปล่อยคุณไปเพียงเพราะคุณเป็นสาวสวยเท่านั้นหรอกนะ วินนี่มีผิวบอบบาง ยิ่งโดนยุงกัดจนน่าสงสารยิ่งกว่า…
แต่ที่ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกประทับใจก็คือ ถึงวินนี่จะโดนยุงกัด แต่ก็ไม่ได้บ่นว่าหรือกล่าวโทษ และยิ่งไม่ได้ขอให้รีบกลับแต่อย่างใด เธอเพียงแต่อิงแอบอยู่ในอ้อมกอดของฉินสือโอวเท่านั้น ไม่ได้สนใจว่าตัวเองจะถูกยุงกัด
ฉินสือโอวเองก็ไม่อยากจะปล่อยมือ ตอนที่ได้นั่งกอดวินนี่อยู่ริมลำธาร เขารู้สึกภูมิใจจริงๆ ตอนนี้ฉันกำลังโอบกอดโลกทั้งใบอยู่!
ต้มโจ๊กเมื่อตอนรุ่งสาง เมื่อคืนนี้ไกด์นำเที่ยวทั้งสองคนพานักท่องเที่ยวไปสร้างกับดักไว้ที่ริมแม่น้ำ จับได้กระต่ายป่าสโนว์ชูมาสองตัว พอย่างจนสุกแล้วก็แบ่งให้คนละนิดคนละหน่อย ทุกๆ คนก็ทานอย่างเอร็ดอร่อย
เมื่อทานจนอิ่มท้อง ก็ต้องเดินทางกลับแล้ว ทางลงเขาง่ายกว่าทางขึ้นมาก ฉินสือโอวไม่จำเป็นต้องเดินไปพร้อมกับพวกนักท่องเที่ยวแล้วก็ได้
ภายใต้การนำทางของหู่จือและเป้าจือ เขาเดินอยู่ในป่าทึบ ระหว่างนั้นก็ใช้ธนูล่าไก่ฟ้ามาได้ถึงสี่ตัว
ครั้งนี้ต้าป๋ายก็ได้แสดงความสามารถออกมาเป็นครั้งแรก มันปีนป่ายไปบนต้นไม้เพื่อหยิบเอารังนกออกมา มันใช้ปากคาบไข่นกเอาไว้แล้วนำไปมอบให้กับฉินสือโอว
“ถือว่าไม่ได้เลี้ยงเสียข้าวสุก เฮเกลพูดถูกแล้ว มีชีวิตอยู่จึงสมเหตุสมผล ตอนนี้ต้าป๋ายเองก็พอใช้ได้เลย มันแสดงให้เห็นถึงคุณค่าของตัวมันเองแล้ว” ฉินสือโอวพูดกับนีลเซ็นด้วยรอยยิ้ม
อีวิลสันเข้ามาดูใกล้ๆ จากนั้นก็หยิบไข่นกไปสองใบ ฉินสือโอวนึกว่าเขาอยากรู้ว่ามันคืออะไร แต่ปรากฏว่าเจ้าหมอนี่กลับตอกไข่ แล้วกลืนไข่ขาวกับไข่แดงดิบๆ พวกนั้นลงไปทันที
“อีวิลสัน เมื่อเช้านายกินข้าวไม่อิ่มเหรอ?”
“ไม่ อีวิลสันกินอิ่มแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นนายจะกินไข่เข้าไปทำไม? มันยังดิบอยู่นะ”
“กินอิ่มแล้วแต่ก็ยังไม่ได้กินอีก แถมยังเดินมานานขนาดนี้ บอส อีวิลสันหิวอีกแล้ว”
“เวรเอ๊ย แบบไหนที่เรียกว่าเดินมานานขนาดนี้? พวกเราเพิ่งจะกินมื้อเช้าไปเมื่อสิบห้านาทีที่แล้วนี่เองนะ”
เดินเล่นเอ้อระเหย แค่แป๊บเดียวก็ลงมาถึงตีนเขาแล้ว ฉินสือโอวรออยู่ครึ่งชั่วโมง วินนี่กับคนอื่นๆ เดินโอ้เอ้จนมาสาย เขาจึงบอกว่าจะขอขับรถกลับไปก่อน
กลับมาถึงวิลล่า แม่กระรอกดินกำลังพาลูกๆ ของมันฝึกขุดรูอีกครั้ง
พูดถึงเรื่องนี้ฉินสือโอวก็ค่อนข้างจนปัญญาแล้วเหมือนกัน กระรอกดินพวกนี้พากันขุดจนสนามหญ้าเป็นหลุมเป็นบ่อ จะกลบรูก็เปลืองแรงเสียเปล่า พูดก็ไม่ฟัง นี่เป็นสัญชาตญาณโดยธรรมชาติของกระรอกดิน ความต้องการที่จะขุดรูของพวกมันมีมากกว่าความต้องการด้านอาหารเสียอีก
ฉินสือโอวผายมือออกไปเพื่อสั่งให้หู่จือและเป้าจือไปขู่ครอบครัวกระรอกดินให้กลัว ภายใต้การนำของแม่กระรอกดิน ลูกๆ ทั้งสี่ตัวจ้องมองไปที่หู่จือกับเป้าจืออย่างใจเย็น จากนั้นก็ขยับอุ้งเท้าด้วยความรวดเร็ว พวกมันขุดหลุมเล็กๆ ของตัวเองแล้วมุดลงไปทันที
หู่จือและเป้าจือไม่เข้าใจเรื่องนี้ คิดว่าจะใช้วิธีนี้หนีไปได้อย่างนั้นเหรอ? พวกมันก็เริ่มขุดหลุมเช่นกัน ใช้เท้าหน้าถางพื้นด้วยความรวดเร็ว แต่กลับพบแค่เศษดินที่กระเด็นออกมาเท่านั้น พวกมันจึงขยายปากรูให้กว้างขึ้นกว่าเดิมอีกสองรอบ
“หยุดๆ ๆ!” ฉินสือโอวทำได้แค่ตะโกนสั่งให้พวกมันหยุด แหย่กระรอกดินพวกนี้ไม่ได้เลยจริงๆ เขาเลยพาหู่จือเป้าจือกลับมาที่วิลล่า
ที่หน้าประตูของวิลล่า ปอหลัวกำลังนอนขี้เกียจสันหลังยาวอยู่บนพื้น ปากของมันขมุบขมิบไม่หยุด ดูเหมือนกับกำลังเคี้ยวอะไรอยู่ตลอดเวลา นี่เป็นเรื่องปกติมาก กวางอูฐมีสัญชาตญาณเหมือนกันกับวัวและแกะ พวกมันต่างก็เป็นสัตว์เคี้ยวเอื้อง
บุชกระโดดขึ้นมาอยู่บนตัวของปอหลัว กระดกหางใหญ่ๆ ไปมา
ในวัยเด็กอินทรีหัวขาวจะเติบโตอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาแค่ครึ่งปี พวกมันก็จะโตจนตัวเท่ากันกับพ่อแม่ของพวกมัน กระทั่ง อินทรีหัวขาวที่ยังไม่โตเต็มวัยก็มักจะตัวใหญ่กว่าอินทรีหัวขาวบางตัวที่โตเต็มที่แล้วนี่เป็นเพราะอินทรีหัวขาวที่ยังหนุ่มจะมีขนหางและขนปีกที่ยาวกว่า
แน่นอนว่า ถ้าพูดถึงน้ำหนักตัวแล้ว อินทรีหัวขาวที่โตเต็มวัยก็ย่อมมีน้ำหนักมากว่าอินทรีหัวขาวที่ยังเด็ก
นอกจากนี้ ขนของอินทรีหัวขาวที่ยังไม่โตเต็มวัยจะเป็นสีน้ำตาลเข้มทั่วทั้งตัว ต้องรอจนกระทั่งอายุสี่ถึงหกปี ขนส่วนหัว ส่วนคอและส่วนปีกของพวกมันถึงจะค่อยๆ กลายเป็นสีขาว
บุชเหยียบไปมาอยู่บนตัวของปอหลัว กวางอูฐที่ขี้หงุดหงิดก็ยังอดทนอดกลั้น นี่อาจจะเป็นพลังของสัตว์ที่เป็นศัตรูกันโดยธรรมชาติ ลูกกวางก็เป็นอาหารชนิดหนึ่งของอินทรีหัวขาว พวกมันมีพละกำลังมหาศาล เพียงพอที่จะจับลูกกวางแล้วบินขึ้นไปได้
พอมองเห็นฉินสือโอว บุชก็กางปีกออกจากนั้นก็โดดลงมาจากบนหลังของปอหลัว มันร้องแควกๆ ไปพร้อมกับวิ่งเข้ามาหาฉินสือโอว
ฉินสือโอววางแขนลง บุชก็กระโดดขึ้นมาตรงกลางท่อนแขนเขาทันที กรงเล็บใหญ่งุ้มปิด เกาะแขนของฉินสือโอวไว้แน่น ถึงมันจะยังเด็ก แต่กรงเล็บของมันมีพละกำลังไม่น้อยเลย
ตามกาลเวลาที่ล่วงเลยไป บุชเริ่มแสดงให้เห็นถึงการเติบโตของมันบ้างแล้ว อย่างเช่นตรงโหนกคิ้วของมัน ก็นูนขึ้นมามากกว่าตอนที่ฉินสือโอวเพิ่งจะเก็บมันมาเลี้ยงนิดหน่อยแล้ว
โหนกคิ้วของอินทรีหัวขาวเป็นเอกลักษณ์ของพวกมัน ซึ่งจะนูนออกมาข้างนอก แบบนี้จะทำให้พวกมันดูดุร้ายยิ่งขึ้น
ส่วนที่ยื่นออกมาแบบนี้เป็นผลมาจากวิวัฒนาการทางธรรมชาติ ซึ่งจะช่วยปกป้องดวงตาของนกอินทรีจากความร้อน และยังสามารถกำบังลมและป้องกันฝุ่นได้อีกด้วย
อีกทั้ง อินทรีหัวขาวชอบที่จะบินขึ้นไปพักบนต้นไม้ พวกมันมีลำตัวขนาดใหญ่ ทำให้มักจะชนเข้ากับกิ่งไม้ได้อย่างง่ายดาย เมื่อเป็นเช่นนี้ถ้าหากมีกิ่งไม้ที่ดีดขึ้นมา โหนกคิ้วที่นูนขึ้นมาก็จะช่วยปกป้องไม้ให้ดวงตาของพวกมันได้รับบาดเจ็บ
ตามปกติแล้ว ลูกอินทรีหัวขาวที่ยังมีอายุไม่ถึงหนึ่งเดือนเต็มจะไม่มีโหนกคิ้วที่นูนขนาดนี้ อย่างน้อยต้องรอให้มีอายุครบหนึ่งปี โหนกคิ้วถึงจะเริ่มโต
ฉินสือโอวพอจะทราบถึงสถานการณ์แบบนี้มาก่อน เขาจึงเดาว่าที่บุชมีการเจริญเติบโตที่รวดเร็วขนาดนี้ อาจจะเป็นเพราะได้รับผลกระทบมาจากพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอน
พลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนมีผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตที่ต่างกันออกไป น่ามหัศจรรย์มาก จนถึงตอนนี้ฉินสือโอวก็ยังไม่ได้ศึกษาให้แน่ชัด แน่นอนว่า เขาไม่เคยศึกษามันอย่างจริงจังมาก่อนเช่นกัน
ทานมื้อเที่ยงเรียบร้อยแล้ว ฉินสือโอวจึงกางร่มกันแดดนั่งเล่นโทรศัพท์ที่ริมชายหาด ปรากฏว่าทันใดนั้นหู่จือกับเป้าจือก็ลุกขึ้นมาแล้วมองไปที่วิลล่าอย่างระมัดระวังตัว
ฉินสือโอวหันกลับไปมอง ก็พบกับเงาของมาคส์ วิล เขาเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มแล้วกล่าวทักทาย “ฉันรู้อยู่แล้ว เพื่อน เวลานี้นายต้องกำลังนอนพักอยู่ที่นี่แน่ๆ นายเป็นคนที่มีอารมณ์สุนทรีย์จริงๆ เพื่อน”
อีวิลสันเห็นว่าวิลมาที่นี่ จึงยกเก้าอี้นอนหนึ่งตัวแล้ววิ่งมาที่วิลล่า อีกทั้งยังหยิบไอซ์ไวน์มาด้วยหนึ่งขวด
ฉินสือโอวยกนิ้วโป้งให้อีวิลสันเพื่อชมว่าเขาทำได้ดีมาก อีวิลสันหัวเราะแหะๆ และยิ้มซื่อๆ จากนั้นก็นั่งลงบนชายหาดเพื่อเล่นกับหู่จือและเป้าจือ
ฉงต้ายังฝังใจกับเขามาโดยตลอด ขอแค่อีวิลสันปรากฏตัว มันก็จะหลบอยู่ด้านหลังของฉินสือโอวอย่างแน่นอน ถ้าตอนนั้นไม่ใช่เพราะพ่อฉินช่วยไว้ มันคงจะถูกอีวิลสันฆ่าตายแน่ๆ อีกทั้ง ยังจินตนาการได้ว่า เจตนาในการฆ่าของอีวิลสัน ก็เพื่อจะเอาเนื้อมันมากิน…
เมื่อวิลมาถึงก็ขอบคุณฉินสือโอวที่ช่วยดึงตัวเขามาสร้างสนามยิงปืนก่อนเป็นอย่างแรก ถึงแม้จะเป็นงานเล็กๆ แต่ก็เป็นงานที่ทำเงินได้เหมือนกัน ในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำของนิวฟันด์แลนด์นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ
หลังจากแสดงความขอบคุณแล้ว วิลก็ส่งคำเชื้อเชิญออกมา “ฉิน อีกสองวันก็จะตรวจรับโครงงานแล้ว ฉันพอจะมีเวลาว่างอยู่ นายไปเป็นแขกให้บ้านฉันหน่อยเถอะ ภรรยากับลูกของฉันได้ฟังเรื่องนาย ก็เลยอยากจะรู้จักนายน่ะ”
ช่วงนี้ฉินสือโอวไม่มีอะไรให้จัดการ ก็มีวันที่ 20 เดือนกันยายนที่บิลลี่เชิญให้เขาไปร่วมงานประมูล แต่เขายังไม่ได้ตัดสินใจที่จะไปเข้าร่วมงานประมูล
ดังนั้น เขาจึงตอบรับคำเชิญของวิล เขาจะลองปรึกษากับวินนี่ เพื่อหาเวลาไปเยี่ยมบ้านของวิลสักหน่อย
เมื่อคุยเรื่องนี้จบแล้ว วิลดื่มไอซ์ไวน์ได้สองแก้วก็ขอตัวกลับ ฉินสือโอวไม่มีอะไรทำเลยเล่นโทรศัพท์ต่ออีกสักพักแล้วกำลังเตรียมตัวนอน ปรากฏว่าโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset