ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 311 เรื่องน่าตื่นเต้น

ในร่องโขดหินโสโครกที่รกรุงรัง มีพวกหอยและปูกองใหญ่เกาะอยู่ในนั้น โขดหินโสโครกกระจัดกระจายไม่เป็นระเบียบอย่างกับเขาวงกต หอยกับปูพวกนี้อาศัยอยู่ในนั้น จะหนีก็หนีออกไปไม่ได้ ทำได้แค่ใช้ชีวิตอยู่ในนั้นต่อไป
เมื่อเป็นเช่นนี้ โขดหินโสโครกตรงนี้จึงดูเหมือนฟาร์มเพาะพันธุ์สัตว์ของเฮยป้าหวังอยู่นิดๆ หอยกับปูก็คือสัตว์ที่มันเลี้ยงไว้เป็นอาหารนั่นเอง
ฉลามขาวยักษ์มีลักษณะการกินที่หลากหลายมาก ตั้งแต่พันธุ์ปลาใหญ่เล็กไปจนถึงสิ่งมีชีวิตจำพวกหอย ล้วนแต่สามารถเป็นอาหารของพวกมันได้ทั้งนั้น เนื่องจากพวกมันมีฟันที่แหลมคมและหนาแน่น จึงทำให้พวกมันเคี้ยวเปลือกและกระดองของสิ่งมีชีวิตจำพวกหอยและปูได้
ฉินสือโอวไม่ได้รู้สึกสนใจหอยกับปูพวกนี้ สิ่งที่ดึงดูดเขาคือเปลือกหอยขนาดใหญ่สิบกว่าเซนติเมตรต่างหาก
เปลือกหอยอันนี้มีความสวยงามเป็นอย่างมาก มันมีรูปทรงเป็นวงรี ตรงกลางหลังยกสูงขึ้น เปลือกหนาทั้งสองด้านมีความเรียบเสมอกัน สิ่งที่สนใจที่สุดก็คือสีแดงเข้มทั่วทั้งตัวของมัน กระแสน้ำซัดเป็นระลอก ก้อนกลมๆ สีแดงก็เปล่งประกายระยิบระยับ ราวกับลูกบอลไฟที่มีเปลวเพลิงลุกโชน
ในตอนนี้ หอยตัวนี้กำลังนอนอยู่บนโขดหินโสโครกสีขาวก้อนหนึ่ง สีที่ดูตัดกันแบบนี้ ก็ยิ่งทำให้สีแดงราวกับเปลวเพลิงของมันยิ่งดูสวยงามละลานตายิ่งกว่าเดิม
หลังจากได้เห็นหอยตัวใหญ่ตัวนี้ ฉินสือโอวก็รู้สึกดีใจขึ้นมาทันที แค่แวบเดียวเขาก็ดูออก หอยตัวนี้คือหอยเบี้ยสีทองที่มีชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือในวงการนักสะสมเปลือกหอยนั่นเอง!
หอยเบี้ยมีชื่อเรียกในกลุ่มสัตว์น้ำประเภทมีเปลือกอีกชื่อหนึ่งว่า ‘สมบัติ’ จากจุดนี้ก็จะรู้ได้ถึงความล้ำค่าของมันแล้ว
ความจริงแล้ว หอยเบี้ยส่วนใหญ่ไม่ได้มีมูลค่าอะไร พวกมันอยู่ในซีกโลกเขตร้อน แพร่พันธุ์ในทะเลเขตกึ่งร้อนและเขตอบอุ่นได้อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในเขตน้ำอุ่นมหาสมุทรแปซิฟิกของประเทศอินเดียหรือไม่ก็เขตกระแสน้ำอุ่นในมหาสมุทรแอตแลนติก ก็สามารถงมพวกมันขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย
หอยเบี้ยสีทองเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่แตกต่างออกไป ที่มันมีชื่อเล่นแบบนี้ไม่ใช่เพราะมันมีค่าเหมือนทองคำ แต่เป็นเพราะเมื่อก่อนไม่มีการหมุนเวียนเงินตราที่เป็นที่ยอมรับกัน คนโบราณบางส่วนจึงใช้หอยเบี้ยชนิดนี้แทนเงินตรา
ตอนนี้ประโยชน์ของหอยเบี้ยสีทองอยู่ที่การชื่นชม ฉินสือโอวก็เป็นผู้ที่ประสบการณ์ความรู้เกี่ยวกับทะเลอย่างกว้างขวางคนหนึ่ง ที่ฟาร์มปลาของเขาก็ยังเลี้ยงหอยนมสาวทะเลยักษ์ไว้หนึ่งตัว หลังจากที่เขาได้เห็นหอยเบี้ยสีทองแล้ว เขาก็ยังมีความรู้สึกตกตะลึงอยู่ หอยชนิดนี้มีความสวยงามมากด้านนอกของเปลือกเกลี้ยงเป็นมัน งดงามมากจริงๆ
แต่เมื่อว่ายน้ำไปดูข้างๆ โขดหิน ฉินสือโอวก็รู้ผิดหวังขึ้นมา หอยเบี้ยสีทองตัวนี้ตายแล้ว เหลือเพียงแค่เปลือกเท่านั้น
เช่นนี้มูลค่าของมันก็ลดลงมาไม่น้อย ปกติแล้วหอยเบี้ยสีทองเป็นๆ ที่มีขนาดใหญ่และสวยงามขนาดนี้ ถึงจะเทียบไม่ได้กับหอยนมสาวทะเลยักษ์ที่เป็นสมบัติล้ำค่าของชาติ แต่ถ้าเอาไปขายก็คงได้หลายแสนดอลลาร์
ตายแล้วก็ไม่เป็นไร เอากลับไปให้วินนี่ก็ได้ เอาของแบบนี้ไปมอบเป็นของขวัญให้กับแฟนสาว เท่กว่าให้พวกเครื่องประดับเงินๆ ทองๆ เสียอีก
มาถึงตรงนี้ ฉินสือโอวก็เริ่มเหนื่อยแล้ว เขากำลังจะกลับไปพักที่ฟาร์มปลา
แต่ปรากฏว่า เฮยป้าหวังเห็นว่าเขาสนใจหอยเบี้ย จึงพุ่งเข้ามาหาทันที มันใช้หัวดันโขดหินโสโครกที่อยู่ข้างๆ จากนั้นก็ชนโขดหินโสโครกที่แตกๆ ออกก้อนนั้นให้ล้มลง
ฉินสือโอวสะดุ้งตัวโยน เจ้านี่บ้าไปแล้วหรือไง? หรือของชิ้นนี้เป็นของรักที่มันไม่อยากให้เขาแตะต้อง?
หลังจากดันโขดหินออกแล้วเฮยป้าหวังก็ใช้ปากทรงกระสวยกวาดทรายที่อยู่ด้านล่างออก หอยเบี้ยสีทองสีทองหลายสิบตัวที่มีขนาดเล็กใกล้เคียงกันก็ปรากฏตัวขึ้น
หอยเบี้ยตัวเล็กพวกนี้ยังมีชีวิตอยู่ มีหลายตัวที่ตอนแรกกำลังแลบลิ้นออกมาหาอาหาร พอโขดหินโสโครกที่ใช้ซ่อนตัวถูกดันออก ก็ทำให้พวกมันตกใจจนรีบหดตัวเข้าไปข้างในเปลือก
คราวนี้ฉินสือโอวก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาทันที ในนี้มีลูกๆ ของมันอยู่เยอะขนาดนี้เลยเหรอ? ดีเลย เอากลับไปเลี้ยงดีกว่า เอาหอยพวกนี้ไปเลี้ยงไว้ในตู้ปลา คงจะสวยงามน่าดู
เก็บหอยเบี้ยตัวน้อยพวกนี้มาแล้ว ฉินสือโอวชนโขดหินโสโครกรอบๆ ทั้งหมด เพื่อดูว่ายังมีของดีที่ยังตกหล่นอยู่ไหม
หอยทากสีทองมักอาศัยอยู่ตามแนวโขดหินใกล้กับบริเวณน้ำขึ้นน้ำลงในทะเล พอน้ำลงแล้ว ก็มักจะซ่อนตัวอยู่ที่ใต้โขดหิน ช่องว่างในแนวปะการังกับในถ้ำ ดังนั้นถ้าต้องการจะตามหาร่องรอยของมัน ก็ต้องทุบโขดหินให้แตกออกก่อน
หอยเบี้ยพวกนี้ยังมีขนาดตัวแค่สามสี่เซนติเมตร เล็กกว่าหอยเบี้ยตัวแรกอยู่มาก คิดดูแล้วน่าจะเป็นแม่หอยเบี้ยที่ตายหลังจากมาออกลูกไว้ที่นี่ เหลือไว้เพียงเปลือกหอยที่อยู่บนโขดหินอันนั้น
พอหาหอยเชลล์ตัวใหญ่มากินเนื้อข้างในแล้ว ฉินสือโอวก็ควบคุมให้ลูกหอยเบี้ยค่อยๆ มุดเข้าไปในเปลือกหอยเชลล์ พร้อมทั้งเปลือกหอยอันใหญ่อันนั้น วางรวมกันแล้วอมไว้ในปากของฉลามขาว แล้วพาเฮยป้าหวังฝ่าคลื่นโต้ลมพายุคลั่งกลับไปยังฟาร์มปลา
เฮยป้าหวังติดตามเขามา ฉินสือโอวเพิ่มจิตสำนึกแห่งโพไซดอนเข้าไปพอสมควร เขาช่วยมันรักษาบาดแผลที่อยู่บนร่างกาย เมื่อเป็นเช่นนี้ระดับความเร็วและพลังของมันก็ตามฉลามขาวทันแล้ว
หลังจากออกคำสั่งให้ฉลามขาวกลับไปที่ฟาร์มปลาแล้ว ฉินสือโอวก็ดึงจิตสำนึกแห่งโพไซดอนกลับมาแล้วนอนหลับไป
วันต่อมาเขาตื่นแต่เช้ามาออกกำลังกาย ฉินสือโอวเจตนาพาวินนี่ไปวิ่งบนชายหาด คลื่นทะเลสาดซัดมาแล้วถอยกลับไป แสงแดดสีทองส่องลงบนเปลือกของหอยเบี้ยสีทอง จนสะท้อนลำแสงเป็นประกายงามตา
“นั่นอะไรน่ะ?” วินนี่สังเกตเห็นจึงวิ่งเข้าไป พอเก็บหอยเบี้ยสีทองขึ้นมาแล้ว เธอก็แสดงความดีใจออกมา เหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่ทั้งกระโดดทั้งร้องตะโกน “มาเร็วๆ เสี่ยวฉิน มาดูนี่สิคะ หอยแห่งความสุขล่ะ!”
สำหรับฉินสือโอวแล้ว หอยเบี้ยสีทองคือของที่สามารถขายได้ราคา แต่ในสายตาของวินนี่ มันก็เปลี่ยนมามีอีกสถานะหนึ่ง คือหอยแห่งความสุข
หอยแห่งความสุขเป็นชื่อเล่นของหอยเบี้ยสีทอง มีต้นกำเนิดจากยุคราชวงศ์โมกุลของอินเดีย ในตอนนั้นจักรพรรดิชาห์จาฮานได้พบกับมุมตัช มาฮาล สาวสวยที่มาขายขนมที่ตลาด ในตอนนั้นเขามีหอยเบี้ยสีทองอยู่หนึ่งอันพอดี จึงมอบมันให้กับแม่ค้าขายขนมคนสวย พร้อมทั้งยังบอกกับเธอว่าจะช่วยทำให้เธอมีความสุขไปทั้งชีวิต
ด้วยเหตุนี้ ต่อมาหอยเบี้ยสีทองจึงมีชื่อเรียกเช่นนี้ ที่อินเดียหอยชนิดนี้เป็นหนึ่งในของขวัญที่คนหนุ่มสาวใช้เพื่อขอความรัก
เรื่องราวเกี่ยวกับความรักของชาห์จาฮานกับมุมตัช มาฮาล ที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือทัชมาฮาล หลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระมเหสีมุมตัช จักรพรรดิชาห์จาฮานก็เจ็บปวดเจียนตาย เขาจึงสร้างสุสานที่มีชื่อเสียงก้องโลกขึ้นมาเพื่อเธอ
ด้วยความหมายบางอย่าง ก็ทำให้เรื่องราวความรักของทัชมาฮาลถูกบรรยายอย่างเกินจริง จนเกิดเรื่องเล่าอย่างหอยแห่งความสุขขึ้นมา ฉินสือโอวกล้าพนันเลยว่า นี่เป็นเรื่องที่มีคนกุขึ้นมาเพื่อใช้จีบสาวในภายหลัง
ทว่าวินนี่ไม่สนใจ เมื่อเก็บเปลือกหอยขึ้นมาแล้วเธอก็มีความสุขอย่างถึงที่สุด ที่น่าดีใจกว่าก็คือ พอฉินสือโอวช่วยเธอปัดทรายออก ก็เจอเข้ากับหอยเบี้ยตัวเล็กอีกสองตัว อีกทั้งยังเป็นหอยที่มีชีวิตอยู่อีกด้วย
เมื่อคืนวานนี้ฉินสือโอวหาหอยเบี้ยที่ยังเป็นๆ มาได้ทั้งหมดยี่สิบสี่ตัว มียี่สิบสองอันที่ส่งไปไว้ที่เขตแนวปะการัง ส่วนอีกสองอันที่เหลือก็เอามาส่งไว้ที่ริมทะเล เก็บไว้เป็นของขวัญให้วินนี่
ฉินสือโอวกลับไปที่วิลล่าเขาหาตู้ปลาขนาดใหญ่ที่ได้รับการตกทอดมาหนึ่งตู้ หลังจากเช็ดล้างทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วก็ใส่โขดหินกับสาหร่ายลงไป วินนี่วางเปลือกหอยกับลูกหอยเบี้ยลงไปข้างในเพื่อเลี้ยงมันไว้
ตอนเช้าได้หอยสมบัติมา วินนี่ก็ตกอยู่ในห้วงของความสุขไปทั้งวัน ตอนนำทัวร์นักท่องเที่ยวก็แย้มยิ้มด้วยความเบิกบานใจยิ่งกว่าเดิม ทำเอากลุ่มหนุ่มใหญ่หลงเสน่ห์จนโงหัวไม่ขึ้น
ทางฝั่งฉินสือโอวกลับค่อนข้างกลัดกลุ้ม ตอนเย็นวินนี่กลับมาถึงก็เห็นว่าเขาไม่สบายใจ จึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น ฉินสือโอวถอนหายใจออกมาแล้วพูดกับเธอว่า “วันที่สิบแปดเราต้องไปงานเลี้ยงใช่ไหมล่ะ ถึงตอนนั้นก็จะมีการประมูลด้วย ผมยังไม่รู้เลยว่าผมจะเอาอะไรไปร่วมประมูลดี”
ที่จริงเขามีสิ่งของมีค่าอยู่หลายอย่าง ทว่าส่วนใหญ่แล้วเป็นสิ่งมีชีวิต คงจะเอาไปเข้าร่วมการประมูลไม่ได้แน่ๆ
ตอนนี้ฉินสือโอวเริ่มจะเสียดายแล้ว ถ้ารู้เร็วกว่านี้ตอนที่เขาหาเหรียญทองคำพวกนั้นเจอก็น่าจะเอากลับมาด้วยสักหน่อย ถ้ามีเหรียญทองพวกนั้นเขาคงไม่ต้องมากลุ้มใจแบบนี้
วินนี่กะพริบตาโตๆ เธอ ลองนึกๆ ดูแล้วก็พูดขึ้นมาว่า “จริงๆ ปัญหานี้ง่ายมากเลยค่ะ พวกเรามีของดีๆ ที่เอาไปร่วมงานประมูลได้อยู่นะคะ”
“อะไรเหรอครับ?”
…………………………………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset