ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 319 คิดถึงบ้านเกิด

จากบ้านไปนานกว่าห้าเดือนก็เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย ที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือการตกแต่งบ้านใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการปูกระเบื้องภายในบ้าน ประตูและหน้าต่างบานใหม่ และการเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ชุดใหม่ สำคัญที่สไตล์การตกแต่งที่สวยงาม เรียบง่ายแต่ประณีต
ห้องครัวก็เปลี่ยนไป ชุดเครื่องครัวสีแดงขนาดใหญ่จัดเรียงอย่างประณีตเรียบร้อย แต่ยังคงเก็บรักษาเตาไว้ใช้ในการปรุงอาหารในฤดูหนาว ทั้งยังสะดวกรวดเร็วและยังให้ความอบอุ่นกับเตียงได้ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
แม่ของฉินสือโอวหั่นต้นหอมอย่างชำนาญ ฉินสือโอวกระเทาะไข่ ตีด้วยตะเกียบ เปิดแก๊สตั้งน้ำมัน ส่วนแม่ของเขาก็ทำไข่เจียว
ก่อนที่จะเทไข่ลงในกระทะน้ำมัน แม่เขาเหยาะซอสถั่วเหลืองลงไปเล็กน้อย นี่เป็นเคล็ดลับพิเศษของการทำอาหารในบ้านพวกเขา ถึงแม้ว่าไข่เจียวที่ทอดออกมานั้นจะไม่สวยงามนัก แต่รสชาตินั้นอร่อยมาก มีรสของไข่ไก่บวกกับรสชาติสดใหม่ของซอสถั่วเหลือง
เมื่อมองดูไข่เจียวหนาๆ สองแผ่นถูกยกออกจากกระทะและวางบนจานอย่างรวดเร็ว ฉินสือโอวก็หยิบชิมชิ้นหนึ่งแล้วหัวเราะ “อร่อยกว่าไข่เจียวที่ผมกินที่แคนาดาเยอะเลย”
“งั้นก็ทอดอีกสักสองแผ่นสิ” แม่ของฉินสือโอวกล่าว ความรักที่เธอมีต่อลูกๆ ถูกแสดงออกผ่านการกระทำ
ฉินสือโอวพูดอย่างรวดเร็วว่าพอแล้ว หลังจากนั้นเขาก็ปรุงเนื้อผัดพริกด้วยตนเอง หลังจากนำออกจากกระทะ แม่ของฉินสือโอวชิมหนึ่งชิ้น พูดด้วยอารมณ์ว่า “ลูกชายของฉันโตขึ้นแล้วจริงๆ ทำอาหารได้อร่อยกว่าพ่อแม่เสียอีก”
ในขณะที่กินข้าวเที่ยง พ่อของฉินสือโอวถามถึงสถานการณ์ในต่างประเทศ ฉินสือโอวไม่ได้พูดความจริงทั้งหมด เขาพูดถึงความสามารถของฟาร์มปลาและลดความจริงลงหนึ่งร้อยเท่า แต่ถึงแม้กระนั้นพ่อแม่ของฉินสือโอวและคนอื่นๆ ฟังไปพลางทำเสียงจุ๊ๆ อย่างชื่นชม
ภายหลังพูดถึงเรื่องการตกแต่งบ้าน พ่อของฉินสือโอวพูดว่า “ตอนนี้ทุกอย่างราคาแพง วัสดุตกแต่งบ้านพวกนี้บวกกับค่าแรง การตกแต่งบ้านเลยใช้เงินมากกว่าแปดหมื่นหยวน! ฉันกับแม่ของแกว่าจะจัดให้เรียบร้อยก็พอ แต่พี่สาวของแกบอกว่ามีหลายคนแนะนำคู่ครองให้แก ถ้ามีคนมาบ้านมาเห็นสภาพบ้านผุพังเข้า คงจะส่งผลต่อความประทับใจในครอบครัวเราได้นะ”
“พอแล้ว” พอฉินสือโอวได้ยินสองประโยคนี้ก็รู้ได้ทันทีว่าวกกลับมาเรื่องเดิม ยังคงเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตเขา
เขาวางตะเกียบลงและหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ฉินสือโอวเอารูปวินนี่ออกมาแล้วส่งไปให้แม่ของเขา “ไม่จำเป็นต้องหาคู่ให้ผมแล้วนะ ดูสิครับ นี่คือลูกสะใภ้ของแม่”
ภาพถ่ายบนโทรศัพท์มือถือเป็นภาพถ่ายทั้งหมดในชีวิตประจำวันของวินนี่ ทั้งภาพลักษณ์ การหยอกล้อ ความอ่อนโยน ความสวยงาม และความสง่างาม เมื่อเทียบกับสาวๆ เหล่านั้นที่ถูกแนะนำมาล้วนต่างกันราวฟ้ากับดิน
เมื่อพ่อและแม่ของฉินสือโอวเห็นรูปหลายๆ รูปแล้วก็หัวเราะอย่างดีใจ จากนั้นก็รู้สึกเป็นกังวลใจแทน “ไอ้ลูกชาย ผู้หญิงคนนี้ดูดีมาก เธอจะตกลงปลงใจกับแกเหรอ? แกไม่ได้ทำรูปขึ้นมาหลอกพ่อกับแม่นะ?”
พี่สาวเห็นเรื่องสนุกก็อดร่วมด้วยไม่ได้ “เสี่ยวโอวอาจจ้างนางแบบมารับหน้าแทนเขาก็ได้ สมัยนี้หนุ่มอายุมากที่ไม่มีเจ้าของชอบใช้เงินจ้างผู้หญิงให้เป็นแฟน แล้วพามาที่บ้านเพื่อรับหน้าพ่อแม่ไม่ใช่เหรอ? ”
นี่เป็นประโยคแทงใจ หลังจากฟังคำพูดของพี่สาว ใบหน้าของพ่อและแม่ของฉินสือโอวก็จริงจังขึ้นมา
ฉินสือโอวร้องออกมาอย่างหมดคำพูด “อย่าไปฟังเรื่องไร้สาระที่พี่พูดเลย รอวินนี่ตื่นก่อนเถอะ ผมจะเปิดกล้องคุยกับเธอให้ทุกคนดู ผมล่ะยอมใจทุกคนจริงๆ”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ พ่อและแม่ของฉินสือโอวก็บังคับเขาไม่ได้อีกแล้ว หากมีสะใภ้อย่างวินนี่จริงๆ ทั้งสองก็ไม่มีอะไรจะพูด แค่ลักษณะภายนอกก็ยากที่จะหาได้เหมือนอย่างนี้
รูปร่างหน้าตาไม่ว่ากัน แต่หน้าที่การงาน การศึกษา อีกทั้งภูมิหลังจะเป็นยังไง
แม่ของฉินสือโอวถาม ฉินสือโอวกินไข่ไปด้วยพูดไปด้วย “วินนี่คือคนที่ผมรู้จักบนเครื่องบิน เมื่อก่อนเธอเคยเป็นแอร์โฮสเตส แต่ตอนนี้เธอทำงานเป็นมัคคุเทศก์ เธอเรียนที่มหาวิทยาลัยเวสต์เทิร์นออนตาริโอ วิทยาลัยสตรีเบรสเซีย…”
หา? แอร์โฮสเตสและมัคคุเทศก์ในสายตาของผู้สูงอายุล้วนเป็นงานที่สับสนวุ่นวายมาก และความเข้าใจของพวกเขาเกี่ยวกับแอร์โฮสเตสก็คือภาพลักษณ์มือที่สามในละครทีวี
“มหาวิทยาลัยอะไรนะ ชื่ออะไรน่ะ ทำไมไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเลย?”
“มหาวิทยาลัยเวสต์เทิร์นออนตาริโอ วิทยาลัยสตรีเบรสเซีย แน่นอนว่าทุกคนไม่เคยได้ยินชื่อนี้ มันเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยสตรีที่ดีที่สุดในยุโรปและอเมริกา ผมอาจยังอธิบายไม่ชัดเจน เอาง่ายๆ ว่าถ้าจัดอันดับมหาวิทยาลัยในโลก มหาวิทยาลัยเวสต์เทิร์นออนตาริโอก็เป็นมหาวิทยาลัยที่ยอดเยี่ยมกว่ามหาวิทยาลัยชิงหัวและมหาวิทยาลัยปักกิ่งเสียอีก”
“เยี่ยมขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ที่เยี่ยมไปกว่านั้นก็คือคุณยายของวินนี่เป็นคนจีนเหมือนกับเรา เป็นศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยชิงหัวด้วยนะครับ แต่ว่าตอนนี้เกษียณอายุแล้ว “
“แล้วทำไมเธอถึงต้องไปเป็นแอร์โฮสเตสล่ะ? “
“น่าจะเป็นงานอดิเรกครับ จะว่าไปแล้ววินนี่ได้รับคัดเลือกจากบริษัทแอร์แคนาดาให้เป็นกระดูกสันหลัง ถ้าไม่ลาออกเพราะผม เธอก็จะเป็นผู้จัดการทั่วไปของภูมิภาคแอร์แคนาดาได้ภายในห้าปีเลยนะ”
อาหารมื้อนั้นกลายเป็นการประชุมทำความเข้าใจเกี่ยวกับวินนี่ของคนแก่ทั้งสอง ฉินสือโอวทนไม่ไหวจริงๆ เมื่อทานอาหารเสร็จวางตะเกียบลงแล้วก็รีบออกไปจากตรงนั้น
ในตอนบ่าย ฉินสือโอวนอนพักกลางวัน พอดีกับที่วินนี่กำลังตื่นนอน เธอโทรหาเขา ฉินสือโอวมีคอมพิวเตอร์อยู่ที่บ้าน ล็อกอินเอ็มเอสเอ็นได้ก็วีดีโอคอลคุยกันได้แล้ว
วินนี่ได้เตรียมการนี้ไว้ เธอสวมชุดกีฬาแบบอนุรักษ์นิยม แต่งหน้าแบบเรียบง่าย รวบผมไว้ด้านหลัง เรียกได้ว่าเธอจะเป็นภรรยาที่ดีและแม่ที่ดีของลูกได้แน่
พ่อแม่ของฉินสือโอวมึนงงกันทั้งคู่ ทั้งสองเป็นชาวนาที่เรียบง่าย ไหนเลยจะมีโอกาสได้พูดคุยกับสาวสวยมีออร่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพูดคุยกันแบบพบปะเผชิญหน้า พูดคุยกันได้ไม่กี่คำก็ไม่รู้จะคุยอะไรต่อ
วินนี่เป็นคนชวนคุยในเรื่องต่างๆ คุยเกี่ยวกับวิถีชีวิตของฉินสือโอว เปิดเผยสิ่งที่ไม่ดีของฉินสือโอวในแคนาดา เช่น การใช้จ่ายเงินอย่างไร้สาระ ประเพณีพื้นบ้านของเมืองแฟร์เวล โดยสรุปก็วนไปมากับเรื่องของฉินสือโอวและการใช้ชีวิตสองเรื่องนี้ เธอมีหัวข้อในการสนทนากับพ่อและแม่ของฉินสือโอวอย่างต่อเนื่อง
ปกติจะเปิดวีดีโอคอลคุยกันไม่กี่นาที แต่ครั้งนี้ลากยาวไปเป็นชั่วโมง เจ้าหู่จือ เป้าจือ และฉงต้าพอจะเข้าใจวีดีโอคอลอยู่บ้าง ทุกทรั้งที่เห็นวินนี่นั่งพูดคุยอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ก็รู้ว่าจะเห็นฉินสือโอวได้เหมือนกัน
ดังนั้นในระหว่างการสนทนา เจ้าพวกนี้ต่างมีอาการกระวนกระวาย เดินวนไปมา หันหน้าไปมอง ปีนโต๊ะ กระโดดขึ้นบนเก้าอี้ ส่งเสียงร้องเจี๊ยวจ๊าวอยากเห็นหน้าฉินสือโอว
จนวินนี่หยุดพวกมันไม่ได้ จึงตัดบทเลิกการสนทนากับพ่อแม่ของฉินสือโอว แล้วลุกออกมาให้เจ้าพวกนั้นได้เห็นหน้าของเขา
หลังจากปิดวิดีโอคอล พ่อและแม่ของฉินสือโอวพึงพอใจเป็นอย่างมาก ชมไม่หยุดว่าเป็น ‘ลูกสาวที่ดี’
ในตอนบ่าย ฉินสือโอวพาพ่อแม่ของเขาไปเที่ยวบ้านญาติๆ เช่นคุณตาคุณยาย ลุงป้าน้าอา และนำของขวัญไปมอบให้กับมือ
วันถัดไปของการกลับมาบ้าน ก็คือวันไหว้พระจันทร์แล้ว
เหมาเหว่ยหลงเตรียมขนมไหว้พระจันทร์สำหรับเขา ทั้งหมดเป็นขนมจากหมู่บ้านต้าวเซียง มีไส้ช็อกโกแลต ไส้ผลไม้ ไส้งา ไส้ถั่วลิสง และไส้ธัญพืชห้าชนิดเป็นต้น มีมากกว่าสิบรสชาติ ซึ่งครอบคลุมรสชาติหลักในตลาด
ประเพณีของเทศกาลไหว้พระจันทร์ในบ้านเกิดของฉินสือโอว นอกเหนือจากการกินขนมไหว้พระจันทร์แล้ว ยังมีการกินไก่ย่าง เทศกาลไหว้พระจันทร์ต้องเตรียมอาหารเลิศรสไว้หนึ่งโต๊ะ เพื่อให้ทั้งครอบครัวรวมตัวกันลิ้มรสอาหารและเพลิดเพลินกับการชมพระจันทร์ บรรยากาศคึกคักสนุกสนาน ถึงจะเรียกได้ว่าสมบูรณ์ทุกประการ
ครั้งนี้ฉินสือโอวนำไก่งวงกลับมาจากแคนาดา ไก่ตัวนี้มีน้ำหนักเกือบสิบกิโลกรัม หลังจากอุ่นเสร็จและนำออกมา พ่อและแม่ของฉินสือโอวตกใจนี่เป็นไก่หรือนกกระจอกเทศกันแน่?
ในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ มีเพียงสามคนในครอบครัวของฉินสือโอว พี่สาวพาลูกตามพี่เขยไปที่บ้านแม่สามี ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรฉินสือโอวก็ต้องกลับมาร่วมเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่บ้าน ไม่อย่างนั้นจะเหลือแค่คนแก่สองคนจะดูเงียบเหงามากเกินไป
อาหารถูกยกออกมาวางบนโต๊ะกินข้าวที่ลานบ้าน บนนั้นมีไก่งวงตัวใหญ่สีแดงๆ บวกกับยำแตงกวา ยำขึ้นฉ่ายถั่วลิสง ยำหัวหมู หมูสไลซ์ราดซอสกระเทียม โดยมีเมนูผักสองเมนูเนื้อสอง รวมทั้งหมดสี่จาน อาหารเลิศรสถูกจัดเตรียมไว้บนโต๊ะเป็นที่เรียบร้อย
………………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset