ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 326 ต่อสู้ในถิ่นตัวเอง

แคนาดาเป็นประเทศที่อุดมไปด้วยแหล่งพลังงาน ไฟฟ้าพลังน้ำมักจะอยู่ในภาวะล้นตลาด ดังนั้นการใช้พลังงานฟุ่มเฟือยในประเทศนี้จึงเป็นเรื่องที่หนักหน่วงมาก สถานที่ส่วนมากจึงเปิดไฟค้างไว้ตลอด
ฟาร์มปลาของฉินสือโอวในยามค่ำคืนก็มีหลอดไฟที่เปิดไว้ตลอดเช่นกัน ส่วนบนสุดของวิลล่ามีหลอดทังสเตนที่มีกำลังสูงอยู่สองดวงโดยหันไปคนละทางตามท่าเรือทั้งสองที่ นอกจากนี้ รอบด้านวิลล่าก็มีแขวนไฟดวงเล็กๆ ไว้จำนวนหนึ่ง ซึ่งไฟเหล่านี้พอตกเย็นจะสว่างจ้าทุกดวง
เดิมทีฉินสือโอวคิดจะปิดไฟพวกนี้ให้หมด แต่เบิร์ดไม่ให้เขายุ่ง ให้เขาพาหู่จือและเป้าจือขึ้นตึกไป หลังจากเขาเช็กกระสุนแล้วก็ล็อกประตู พิงอยู่ข้างหน้าต่างบานหนึ่ง
“สถานการณ์ย่ำแย่มากเหรอ?” ฉินสือโอวใจเต้นแรง
เบิร์ดอธิบาย “ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ ฝ่ายตรงข้ามเราไม่ธรรมดา เครื่องไล่สุนัขแบบอัลตร้าโซนิคปกติจัดการได้ไม่ยากหรอก แต่พวกนั้นเป็นแบบพลังงานต่ำทั้งนั้น สามารถทำให้พวกสัตว์เลี้ยงอย่างสุนัขตกใจกลัวได้ ตามความเห็นผมหู่จือและเป้าจือยังดูเก่งกาจกว่าสุนัขทหารที่ดีที่สุดด้วยซ้ำ แต่พวกมันกลับทนคลื่นอัลตร้าโซนิคชนิดนี้ไม่ได้ เห็นได้ชัดว่า ฝ่ายตรงข้ามต้องใช้เครื่องไล่สุนัขแบบอัลตร้าโซนิคแบบพลังงานสูงซึ่งห้ามขายกันในท้องตลาด”
อีกฝ่ายไม่ได้ใช้เครื่องไล่สุนัขด้วยอัลตร้าโซนิคตลอดเวลา หรือไม่หู่จือกับเป้าจือก็มีความสามารถในการต้านรับมาก พอผ่านไปสักพัก ทั้งสองตัวสะบัดหน้าไปมาแล้วก็กลับมาเป็นอย่างเดิม ต่างแยกเขี้ยวทั้งคู่เพราะเหตุการณ์เมื่อสักครู่ทำให้พวกมันโกรธจัด
หลังจากผ่านไปไม่กี่นาที กลุ่มคนสองกลุ่มรวมเป็นห้าหกคนเดินออกมาจากความมืด มุมที่เขาเลือกเดินแถวก็เหมาะเจาะ เป็นบริเวณที่ไฟทังสเตนทั้งสองดวงส่องไม่ถึงพอดี มีแค่ตอนที่ใกล้เข้ามาที่วิลล่า ที่แสงของหลอดไฟทังสเตนส่องถึง อย่างไรก็ต้องส่องเห็นพวกเขา
ฉินสือโอวประเมินคนที่เดินผ่าน เห็นเสื้อผ้าของคนพวกนี้ได้ชัดเจน ทุกคนใส่ชุดต่อสู้สีดำและรองเท้าหนังแบบสูง มีหน้ากากสีดำคลุมหน้า ใส่ถุงมือสีดำ ราวกับเป็นวิญญาณแต่ละดวงที่ลอยล่องออกมาในยามค่ำคืน
คนพวกนี้แบ่งเป็นสองกลุ่ม แต่ละกลุ่มมีสามคน หัวหน้าทั้งสองคนมีปืนไรเฟิลอยู่ในมือ ส่วนคนอื่นมือเปล่า มีร่องรอยของซองปืนและฝักดาบอยู่ตรงเอว
ตอนเดินขบวน ท่าขบวนฉับไวและสอดคล้องกันเป็นอย่างดี เพียงแค่เห็นยุทธวิถีตำแหน่งการเดินของพวกเขาก็รู้ได้ว่าเคยอยู่ในสนามต่อสู้มาก่อน
พอเห็นชัดว่าคนที่มาคือใคร ฉินสือโอวก็พยายามคิดหาทางสุดวิธีว่าจะรับมือกับพวกเขาอย่างไร ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนพวกนี้ไม่ได้มาในฐานะแขกที่เป็นมิตร ทั้งคลุมหน้าทั้งถือปืน ถ้าไม่ได้มาขโมยของในบ้านก็ต้องมาลักพาตัวเขา ไม่มีความเป็นไปได้อื่นแล้ว!
เบิร์ดให้เขาขึ้นตึกไปโทรเรียกตำรวจ และเตรียมจะยิงปืนขู่ไปพลางเพื่อถ่วงเวลา พยายามจนกว่าการช่วยเหลือจากตำรวจจะมาถึง
เบิร์ดพูดสิ่งที่คิดออกมา “คนพวกนี้ไม่รู้ว่าเรามีแผนการ ดังนั้นพวกเราสามารถล่อศัตรูให้มาติดกับก่อน พอพวกมันติดกับ ทางตำรวจเทศบาลเมืองใช้เวลามากสุดห้านาทีก็มาถึง ถัดมาห้านาทีหลังจากนั้นพวกเราก็ร่วมมือกันแล้วจับพวกมันไว้!”
“ไม่ ไล่พวกมันออกไป”
ฉินสือโอวกลับมีความคิดที่แตกต่าง คนพวกนี้ดูก็รู้ว่ารับมือด้วยยาก เขาไม่ได้กลัว แต่ที่วิลล่านี้มีแต่คนคอยรั้งเขาทำให้เขาแสดงความสามารถไม่ได้เต็มที่ ถ้าไปอยู่ในถิ่นของเขา อย่าว่าแต่หกคนเลย ต่อให้หกร้อยคนเขาก็จัดการได้อย่างง่ายดาย!
แล้วถิ่นของเขาคือที่ไหนกันล่ะ?
ทะเลไง!
ต้องไล่คนพวกนี้ลงทะเล ขอแค่พวกมันลงไปในทะเล จะฆ่าจะหั่นยังไงก็ขึ้นอยู่กับเขา!
เบิร์ดรู้สึกประหลาดใจก่อนอธิบายเพิ่มอีก “ผมแนะนำว่าทางที่ดีคือจับพวกมันไว้ เพราะตอนนี้เรายังไม่รู้ความสามารถและแผนการของพวกมัน ถ้าแค่ทำให้พวกมันตกใจแล้วหนีไป รอบหน้าพวกมันมาใหม่ พวกเราจะเสียเปรียบมากนะครับ”
กล่าวโดยสรุปคือในมุมมองของเบิร์ด พละกำลังคนของเรามีขีดจำกัด ถ้ายิ่งเป็นฝ่ายถูกต้อนคงรับมือไม่ไหว ถ้าไม่เอาคนพวกนี้มาจับมัดรวมกัน เห็นทีภายหลังฟาร์มปลาจะวุ่นวายไม่สิ้นสุด
ฉินสือโอวมั่นใจว่าพวกมันหนีไม่รอดจึงส่ายหน้า “ทำให้พวกมันตกใจและหนีไป ตอนนี้พวกเราคนไม่พอ ความปลอดภัยต้องมาก่อน”
ในเมื่อเจ้านายยืนยัน เบิร์ดในฐานะลูกน้องก็ได้แต่ทำตามแผน
ยื่นมือออกไปดึงสายเปิดไฟที่ห้องรับแขก ทันใดนั้นวิลล่าทั้งหลังก็สว่างโร่
จากนั้นเบิร์ดก็เล็งไปยังคนชุดดำที่ถือปืนไรเฟิลที่อยู่หน้าสุดแล้วยิงออกไปสามช็อตอย่างแม่นยำที่ขาของอีกฝ่าย ทำให้เขาล้มลงพร้อมเลือดพุ่งกระจาย! หลังจากยิงได้รับบาดเจ็บไปหนึ่งคน เบิร์ดรีบหันกระบอกปืนไปอีกทางทันที แล้วเล็งไปหนุ่มร่างใหญ่อีกคนที่ถือปืนอยู่
ส่วนอีกฝั่งภายใต้คำสั่งของฉินสือโอว อีวิลสันเปิดหน้าต่างยื่นเรมิงตันออกไป ‘ปังปังปัง’ ดึงไกปืนอย่างต่อเนื่อง สาดกระสุนออกไปไม่หยุด ปากกระบอกปืนเกิดประกายไฟ ทรงอำนาจน่าเกรงกลัว!
หู่จือและเป้าจือส่งเสียงคำรามแล้วพุ่งออกจากหน้าต่างสองบานอื่น แต่ไม่ได้พุ่งเข้าไปกัดคนอย่างโง่เง่า พวกมันกลับหลบซ่อนอยู่ในเงามืดของวิลล่าแผดเสียงคำราม
ฉงต้าถูกฉินสือโอวเตะก้นไปหนึ่งที จึงยืดคอขึ้นส่งเสียงคำรามขึ้นมา
ในพริบตา วิลล่าก็วุ่นวายไปหมด ทั้งบนตึกข้างล่างตึก ไฟทุกดวงสว่างในทันที ด้านนอกสุนัขเห่าหอนหมีก็คำราม ประกอบกับเสียงปืนไรเฟิลและปืนลูกซองสั่นสนั่น เหมือนกำลังทำสงคราม
ฉินสือโอวรีบรุดไปชั้นสอง พาเด็กสี่คนไปหลบที่ห้องนอนใหญ่ วินนี่ที่ยังคงสวมชุดนอนสายเดี่ยวมึนงง “เกิดอะไรขึ้น พระเจ้า?!”
“ไม่ต้องห่วง ไม่ได้มีเรื่องใหญ่อะไร พาเด็กๆ หลบซ่อนตรงนี้ให้ดีนะ” ฉินสือโอวผลักเชอร์ลี่ย์ให้วินนี่แล้วรีบวิ่งลงตึกไป
พอเขาไป วินนี่รีบปิดไฟในห้องนอน เธอรู้แน่ชัดว่าถ้าด้านนอกมีสงครามปืนกันอยู่ ห้องที่เปิดไฟก็เท่ากับตกเป็นเป้า
เห็นได้ชัดว่ากลุ่มผู้บุกรุกไม่ได้คาดหวังว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ขึ้น พวกนั้นมีการเตรียมพร้อมเผื่อถูกพบเข้าและเตรียมพร้อมที่จะโจมตี แต่ไม่ได้เตรียมว่าเป้าหมายจะมีสุนัขและหมี นอกจากนี้แล้วยังคาดไม่ถึงว่าฝ่ายตรงข้ามจะมีมือปืนที่แม่นยำขนาดนี้ด้วย แค่เผชิญหน้าก็ล้มมือปืนที่เก่งกาจไปสองคนแล้ว
แสงไฟส่องสว่าง ฉินสือโอวถือปืนลูกซองเบเนลลี่เอ็ม1วิ่งลงมา ปืนสามกระบอกยิงพร้อมกันในวิลล่านี้ เพียงครู่เดียวพลังยิงอันทรงพลังก็ทำให้คนเหล่านั้นหลาดกลัว
นอกจากนี้บนถนนที่ห่างไกลจากฟาร์มปลา รถปิคอัพหลายคันวิ่งมาด้วยความเร็วสูง สามารถมองเห็นไฟหน้ารถได้อย่างชัดเจน ไม่ต้องสงสัยเลย กำลังเสริมมาแล้ว
พอเจอการซุ่มโจมตีแบบนี้ กลุ่มผู้บุกรุกไม่สามารถดำเนินตามแผนเดิมได้ จึงทำได้เพียงพาคนที่ได้รับบาดเจ็บสองคนหนีไป
เบิร์ดทำตามคำสั่งของฉินสือโอว แค่ขับไล่ไม่ไล่ฆ่า เขาเปลี่ยนกระสุนไปสองแม็กกาซีนต่อเนื่อง เสียงปืนที่ดังชัดของ AR-15 ยังแผดเสียงไม่หยุด ลูกกระสุนถูกยิงออกไปบนพื้นทรายที่ห่างไกล ทรายสาดกระเซ็นราวกับเป็นทุ่งดอกไม้
นิมิตส์ที่มุดอยู่ในบ้านต้นไม้ของมันเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง มันเอียงคอคิดสักพัก ก็กระพือปีกแรงโบยบินขึ้นไป
ไกลออกไป กลุ่มหกคนที่หลบหนีอย่างสุดชีวิตมีคนร้องเสียงโหยหวนออกมาอย่างทรมาน
ครึ่งนาทีผ่านไป นิมิตส์บินกลับมาอย่างภาคภูมิใจ กรงเล็บของมันมีโม่งดำอยู่หนึ่งใบ บนนั้นมีเลือดสดไหลย้อย เห็นได้ชัดว่าเจ้าของโม่งดำคงรู้สึกไม่ดีเท่าไร
ฉินสือโอวไม่ได้สั่งให้ไล่ตาม หลังจากที่ขู่จนหกคนนั้นวิ่งหนีไป เขาให้วินนี่สวมชุดให้เด็กๆ เรียบร้อยและพาลงตึกมา
คนในวิลล่าไม่มีใครไล่ตามออกมา ผู้บุกรุกทั้งหกจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก คนที่ซวยโดนเบิร์ดยิงใส่ที่ขาตั้งแต่ตอนแรกสบถด่า “บ้าเอ๊ยๆ ใครบอกว่าไอ้สัตว์นี่มันเป็นพวกผิวเหลืองขี้ขลาดกัน? พวกมันมีปืน พวกมันทำไมถึงยิงได้แม่นขนาดนี้!”
มีคนหัวเสียบ่น “หุบปาก อังเดร ตอนนี้ที่สำคัญเลยคือสลายตัวก่อน! แม่ง พวกเราถูกจับได้ยังไง?”
“ต้องเป็นเพราะหมาของพวกมันแน่!”
“เป็นไปไม่ได้ เครื่องขับไล่สุนัขของพวกเราเป็นของที่ใช้ในกลุ่มทหารรัสเซีย ต่อให้เป็นหมาทหารที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี พอเจอคลื่นอัลตร้าโซนิคโจมตีแบบนี้ก็ต้องรีบหนีอย่างเจ็บปวด!”
“ไอ้เลว ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเพราะเครื่องไล่สุนัขนี่มีปัญหา! ปวดมาก ใครก็ได้ช่วยดูที่หน้าฉันที ไอ้นกสมควรตายนั่นขยุ้มหูของฉันจนเป็นแผล!”
“อ๊าก!!!”
เสียงร้องคราง อีกห้าคนที่เหลือรีบหันไปมองเพื่อนที่อยู่ด้านซ้ายมือสุด คนนั้นทำหน้าเจื่อน “บ้าเอ๊ย ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น ที่นี่มีกวางอูฐอยู่หนึ่งตัว ฉันตกใจหมด…”
ปอหลัวชินกับการนอนบนพื้นทรายในตอนค่ำคืน ตอนนี้มันมองไปด้วยตากลมโตใสไปที่กลุ่มคนลึกลับเหล่านี้ แน่นอนว่าคนกลุ่มนี้ไม่เสียเวลากับกวางอูฐที่ดูงี่เง่าตัวหนึ่ง หลังจากถุยน้ำลายก็ปีนขึ้นเรือเร็วไปทีละคน
“แม่ง เจอผีชัดๆ เดี๋ยวก็หมา เดี๋ยวก็หมี เดี๋ยวก็นก เดี๋ยวก็กวางอูฐ แม่งนี่มันฟาร์มปลาหรือสวนสัตว์เนี่ย?” ผู้โชคร้ายที่โดนกรงเล็บขยุ้มที่หูเอามือป้องหูที่เลือดไหลไม่หยุดพร้อมสบถด่าขึ้นมา
“ไม่ต้องพูดมากละโครินธ์ รีบขึ้นเรือแล้วเผ่นเถอะ…”
“อ๊าก!!” เสียงร้องครางดังขึ้นอีก
คนห้าคนที่ปีนขึ้นเรือเร็วไปแล้วหันกลับมาด้วยความโมโห เมื่อเห็นว่าสหายคนที่อยู่ปลายแถวทรุดลงไปกองอยู่บนพื้น กวางอูฐตัวน้อยสะบัดหน้าไปมาอย่างมีความสุข แยกกีบเท้าออกจากกันแล้วมุดลงไปในน้ำทะเลด้านข้าง ทำให้มือปืนคิดจะเล็งแต่กลับหาเป้าไม่เจอ
แม้แต่หน้าคนที่เป็นเป้าหมายยังไม่ได้เห็นด้วยซ้ำ คนทั้งกลุ่มก็จบด้วยการบาดเจ็บไปกว่าครึ่ง ทั้งหกคนพอขึ้นเรือเร็วก็ถอดโม่งดำทิ้ง นั่งหน้าแข็งกระด้างด้วยความโกรธในมุมมุมหนึ่ง จะระบายความโกรธยังไม่รู้จะไปลงที่ไหน
บนเรือเร็วยังมีอีกสองคน เดิมทีพวกเขารับผิดชอบในการให้ความช่วยเหลือ แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นดูแลรักษาทางด้านการแพทย์
พวกเขาเริ่มจากห้ามเลือดคนที่โดนยิงสองคนก่อนโดยด่วน ต่อด้วยพันแผลผู้โชคร้ายที่โดน เชสเตอร์ วิลเลี่ยม นิมิตส์ขยุ้มที่หูและแก้ม ที่จัดการยากหน่อยก็คือหนุ่มที่ถูกปอหลัวตัดเท้า
ปอหลัวเป็นพวกอารมณ์ร้าย สำหรับคนแปลกหน้าที่มาแหย็มกับมัน มันจะกลายเป็นจอบบ้าอำนาจที่ดุร้าย คนสุดท้ายที่ขึ้นเรือไป เท้าของเขาถูกตัดขาดแล้ว!
“เกิดอะไรขึ้น?” คนที่เป็นฝ่ายสนับสนุนสุดท้ายทนไม่ไหวจึงถามขึ้นมา “แค่ลักพาตัวคนผิวเหลืองไม่ใช่เหรอ? ทำไมพวกนายถึงโดนทำร้ายมากันขนาดนี้?”
หนึ่งในหกที่ยังคงอยู่ดีนั้นเป็นชายร่างใหญ่เขาขว้างหมัดไปที่ด้านข้างของเรือเร็วอย่างเกลียดชังและพูดด้วยความโกรธ “ไม่รู้ว่าปัญหามันอยู่ตรงไหน ไอ้สารเลวพวกนั้นมันเห็นเราก่อน พวกเราเลยได้แต่ถอยหนี”
“อะไรกัน? พวกนายทำภารกิจครั้งแรกหรือยังไง? ต่อให้พวกมันรู้ตัวก่อน ถ้าอย่างนั้นก็บุกเข้าไปจับมัดพวกมันก็ได้นี่ พวกนายไม่รู้เหรอว่าไอ้หนุ่มนั่นเป็นเศรษฐีที่มีราคาค่าตัวหลายสิบล้าน! แค่ทำภารกิจนี้สำเร็จ พวกเราก็กลับไปกินอยู่สุขสบายไปทั้งชาติแล้ว!”
“หุบปากเน่าๆ ของแกไปเลย! คิดว่าพวกฉันไม่รู้เหรอ ในวิลล่านั้นไม่ได้มีแค่คนผิวเหลืองกับพวกผู้หญิงและเด็กนะ ยังมีมือปืนที่แม่นมากและชายร่างมหึมาด้วย!”
“พอเถอะ ไม่ต้องทะเลาะกัน ครั้งนี้พวกเราประเมินศัตรูต่ำเกินไป แต่พวกเราก็โชคดีไม่น้อยที่เจอกับไอ้ขี้ขลาดกลัวตาย ถ้าเมื่อกี้พวกมันไม่ได้ยิงปืนไล่พวกเราไปก่อนแต่ล้อมเราไว้ในล็อบบี้ของวิลล่าแทน พวกเราทุกคนก็คงโดนจับอยู่ที่นั่น” คนหนึ่งพูดออกมาเพื่อปรับบรรยากาศ
พอฟังคำเหล่านี้ พวกชายร่างใหญ่ก็ไม่พูดอะไรต่อแล้ว
จริงๆ อาจจะดูน่าสมเพช แต่ในความเป็นจริงพวกเขาไม่ได้เสียหายอะไรมาก สหายสองคนที่โดนยิงก็เพียงแค่กระสุนถากที่ผิว กลับไปทายารักษาหน่อยเดี๋ยวก็หาย ส่วนอีกสองคนบอกได้แค่ว่าดวงซวย คนหนึ่งก็โดนกรงเล็บนกขยุ้ม ส่วนอีกคนก็เจอกวางอูฐหักข้อเท้า…
“กลับไปทำแผนการให้ละเอียดกว่านี้ คราวหน้าพวกเราหาโอกาสที่ให้คนผิวเหลืองนั่นอยู่ข้างนอกแล้วจับมัน ฉันไม่เชื่อหรอกว่าวันๆ มันจะอยู่แต่ในวิลล่าผุพังบ้านั่น!”
“ใช่ คอยจับตา ขอแค่มันไปผับ ไปร้านโต้รุ่ง ไม่ว่าจะไปที่ไหน พวกเราก็จัดการซะ….”
“ซ่า…” ทันใดนั้นคลื่นขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นบนหัวเรือ คลื่นหมุนวน ซัดเข้ามาทำให้คนบนเรือเปียกเหมือนลูกหมาตกน้ำ
……………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset