ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 335 มาสัมผัสโทรอนโต

เมื่อเข้าสู่ที่พัก พ่อแม่ของฉินสือโอวก็ถามว่าทำไมไม่กลับบ้านเลย ฉินสือโอวเลยพูดอธิบายว่ายังต้องเปลี่ยนเครื่องอีก เพราะบินมาแล้วสิบสองสิบสามชั่วโมงหาโรงแรมพักสักหน่อย พรุ่งนี้หรือมะรืนนี้ค่อยกลับไปเกาะแฟร์เวล
“เฮ้ย นอนบนเครื่องบนก็ไม่เหนื่อยเท่าไร พวกเราไม่ต้องนอนโรงแรมกันก็ได้ กลับบ้านกันก่อนเถอะ” พ่อของฉินสือโอวยังทำใจไม่ได้ที่จะเสียเงินไปกับสามห้องของเจ็ดคน
แม่ของฉินสือโอวมองไปยังวินนี่ แล้วก็พูดจัดแจงออกมา “คุณอย่าคิดถึงแต่ตัวเองสิ ยังมีเด็กน้อยเสี่ยวฮุยอยู่นะ พักที่นี่ก่อนสักหน่อยแล้วเดี๋ยวสักพักออกไปเดินเล่นกัน นี่พวกเราออกมาต่างประเทศกันเลยนะ”
เธอกังวลว่าทางครอบครัวของเธอจะแสดงความขี้งกเกินไปจนทำให้โดนครอบครัวของวินนี่ดูถูกเอาได้
วินนี่ที่กำลังยุ่งอยู่กับการไปรับคีย์การ์ด พอเห็นแม่ของฉินสือโอวกำลังมองตัวเองอยู่ก็ยิ้มหวานกลับไป
ส่วนฉินสือโอวก็ไปลูบหัวเสี่ยวฮุยแล้วถามว่า “นั่งเครื่องบินสนุกไหม?”
เสี่ยวฮุยหัวเราะแล้วตอบกลับ “สนุกมากครับ มีเกมเล่น มีทีวีดู แล้วก็ป้าแอร์โฮสเตสที่ขี้เหร่มาก”
พี่สาวเลยตีเสี่ยวฮุยเบาๆ ไปหนึ่งที และแกล้งทำเป็นโกรธแล้วพูดขึ้น “พูดอะไรไร้สาระ”
เสี่ยวฮุยที่ดูจะน้อยใจมากจึงถอนหายใจออกมาเหมือนผู้ใหญ่และพูดว่า “นั่นพ่อพูด ไม่ใช่ผมพูด”
ส่วนทางด้านพี่เขยก็ตกใจหน้าถอดสีทันที ไอ้หยา เด็กคนนี้ใส่ร้ายพ่อตัวเอง ทางด้านพี่สาวก็หน้าเปลี่ยนเป็นฉุนเฉียว
พอแบ่งห้องเสร็จ ฉินสือโอวก็ให้พ่อแม่พักผ่อน วินนี่ไปไชน่าทาวน์หาร้านอาหารสำหรับครอบครัวและสั่งอาหารซันตงหนึ่งชุด ทั้งหมดนั้นก็จะมีบะหมี่เย็นรวม ไข่ตุ๋นหอยเชลล์ ผัดผักจานเล็ก แล้วก็พวกซุปที่ใช้ผักเป็นหลัก สุดท้ายเพิ่มปลิงทะเลสับสูตรดั้งเดิมไปอีกหนึ่งจาน
ตอนเที่ยงขณะที่กินข้าวอยู่ที่โถงของโรงแรม มองดูอาหารคาวมากมายที่ดูดีมีฝีมือ พ่อของฉินสือโอวก็พูดขึ้น “ไอ้หยา เงินไม่ใช่น้อยๆ แน่ๆ เจ้าลูกคนนี้ มันจะ…”
“วินนี่จ่ายครับ” ฉินสือโอวพูดขึ้นอย่างไม่ลังเล
“มันจะ…จะรู้ใจคนแก่เกินไปแล้ว ไหนยังจะมีปลิงทะเลมาอีก มา ให้เสี่ยวฮุยกินสักคำ” พ่อของฉินสือโอวรีบเปลี่ยนคำพูดและหัวเราะกลบเกลื่อนทันที
พอพักผ่อนในตอนเที่ยงสักครู่ ในตอนบ่ายฉินสือโอวก็เช่ารถหนึ่งคัน ขับไปเกือบจะรอบเขตเมืองโทรอนโต ส่วนวินนี่ก็หาเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวแนะนำสองสามที่ ก่อนที่จะไปตลาดเซนต์ลอว์เรนซ์
ตลาดแห่งนี้ตั้งอยู่ที่เมืองเก่าแก่ ซึ่งในสมัยก่อนจะเป็นสถานที่ที่คนอังกฤษมีรวมตัวกัน และยังสามารถเห็นสถาปัตยกรรมแบบวิคตอเรียสมัยศตวรรษที่สิบเก้ามากมายและดูมีชีวิตชีวามาก
ในเมื่อเป็นตลาด แน่นอนว่าต้องมีจำพวกพ่อค้าเร่ขายของมากมาย ส่วนพ่อแม่ของฉินสือโอวก็เป็นเกษตรกรอยู่แล้วด้วยจึงรู้สึกคุ้นชินกับสถานการณ์แบบนี้ เลยพูดคุยไปรอบๆ อย่างอยากรู้อยากเห็นไม่หยุด
“โอ้ นี่แตงกวาใช่ไหม? ราคาเท่าไรเหรอ? แตงกวาแค่สองหยวน? ถูกกว่าบ้านเราอีก”
“แล้วพริกหยวกอันนี้ทำไมเป็นสีม่วงล่ะ? ยังมีสีน้ำเงิน นี่เป็นผักดัดแปลงพันธุกรรมใช่ไหม?”
“ที่นี่มีรูปวาดขายด้วย? แล้วทำไมไอ้หนวดยาวคนนั้นถึงมาดีดกีตาร์ที่ตลาดผักสดล่ะ? ใช่กีตาร์ไหม?”
พี่สาวที่ทนดูต่อไม่ได้แล้วจึงพูดขึ้น “พ่อ นี่มันปกติมากเลยนะ วินนี่ก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าจริงๆ ตลาดนี้ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยว คนที่เป็นศิลปินคนนั้นเป็นคนสร้างที่นี่”
จากนั้นก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินไปทางใต้ของตึกตลาด ที่นี่เป็นสถานที่คึกคักที่สุด ไม่เพียงแต่มีผลไม้ ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเนื้อสัตว์ และพวกอาหารทะเล แถมยังมีร้านขายของที่ระลึกและร้านขายผลงานศิลปะมากมาย
และฉินสือโอวที่จ่ายไปหนึ่งร้อยห้าสิบหยวนเพื่อให้จิตรกรคนหนึ่งวาดรูปรวมทั้งครอบครัว ก่อนจะไปก็ถ่ายภาพเก็บไว้ หลังจากนั้นจิตรกรก็จับปากกาวาดภาพอย่างเต็มที่ เขาไปเดินเล่นรอบหนึ่งก็กลับมา ภาพวาดสีสดใสก็ปรากฏบนกระดาษวาดภาพขนาดใหญ่
ตั้งแต่ออกมาจากประตูด้านข้างตึกทางเหนือของตลาด วินนี่ก็เริ่มช่วยคนในครอบครัวพาขึ้นไปบนปราสาทคาซ่าโลมาที่มีชื่อเสียงโด่งดัง
นี่คือปราสาทเก่าแก่ที่สุดในแคนาดา มีห้องพักที่ถูกตกแต่งอย่างงดงามทั้งหมดหนึ่งร้อยห้อง ห้องพักทุกห้องมีความประณีตสวยงามและหรูหรา จนทำให้พ่อของฉินสือโอวและคนอื่นๆ ตื่นตาตื่นใจจนพูดไม่ออก
“เมื่อก่อนที่นี่เป็นปราสาทของราชินีอังกฤษเหรอ?” พี่สาวถามด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะมาที่แคนาดาเธอรู้เกี่ยวกับประเทศนี้นิดหน่อย รู้แค่ความสัมพันธ์ของแคนาดากับราชวงศ์อังกฤษ
วินนี่ยิ้มและตอบขึ้น “ไม่ใช่ค่ะ มันถูกสร้างขึ้นโดยเฮนรี เพลลัตต์ผู้มีอำนาจทางการเงินของโทรอนโต เพื่อให้เป็นของขวัญแก่ภรรยาของเขา”
จากนั้นพ่อของฉินสือโอวมองไปยังฉินสือโอวและพูดว่า “ไม่รู้ว่าเมื่อไรเสี่ยวโอวของพวกเราจะสามารถให้ของขวัญแบบนี้กับเสี่ยวเวยได้กันนะ”
แล้วแม่ของฉินสือโอวก็หัวเราะขึ้น พี่สาวและพี่เขยก็หัวเราะ เสี่ยวฮุยที่ไม่รู้เรื่องก็ยังหัวเราะตาม ฉินสือโอวก็หัวเราะตามอย่างเป็นธรรมชาติ เขาบีบมือเล็กๆ ของวินนี่และพูดเสียงเบา “ตอนนี้ผมสามารถสร้างปราสาทเก่าแก่แบบนี้ได้จริงๆ แล้วนะ”
“จะทำให้พ่อแม่คุณตกใจตายเหรอ?” วินนี่เอามือปิดปากและแอบหัวเราะ
จากนั้นก็มองไปรอบๆ ด้านหลังคือรถโดยสารที่วิ่งลงไปทางเมืองใต้ดิน ที่นี่เหมาะมากที่จะทำเป็นสถานีสุดท้าย เพราะว่าสามารถนั่งรถเข้าชมได้ไม่ต้องเดินแถมไม่เป็นการลำบากต่อคนแก่อีกด้วย
เมืองใต้ดินยาวถึงยี่สิบเจ็ดกิโลเมตร เชื่อมต่อกับอาคารสำนักงานใหญ่ของโทรอนโตและห้างสรรพสินค้ารวมไปถึงสถานีรถไฟใต้ดิน ซึ่งมีร้านค้าและบริการกว่าหนึ่งพันสองร้อยแห่ง เพราะว่าอยู่ชั้นใต้ดิน ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงอากาศ นอกเสียจากแผ่นดินไหว ไม่เช่นนั้นที่นี่ก็จะสดใสเหมือนตอนกลางวัน ไม่มีลมมีฝน อุณหภูมิเหมาะสม
อาหารเย็นของครอบครัวก็กินที่เมืองใต้ดินเพื่อที่จะระวังกระเพาะอาหารของครอบครัว สิ่งที่กินก็จะเป็นอาหารจีนง่ายๆ มีผักเป็นหลักและมีเนื้อน้อยมาก ถึงแม้ว่าจะมีเนื้อก็เป็นเนื้อปลาและจำพวกอาหารทะเล
และหลังจากช้อปปิ้งเสร็จก็กลับไปถึงโรงแรม ในขณะที่คนในครอบครัวกำลังพูดและหัวเราะ พ่อของฉินสือโอวก็สังเกตเห็นพนักงานต้อนรับมองมาที่ตนและคนอื่นๆ ด้วยสายตาแปลกๆ จึงรีบดึงเสื้อของภรรยาและด้วยเสียงพูดเบาๆ ขึ้น “เบาเสียงหน่อย สำรวมไว้ด้วย ลืมข่าวเกี่ยวกับเพื่อนร่วมชาติเราพวกนั้นที่โดนวิพากษ์วิจารณ์ไปแล้วเหรอ?”
ฉินสือโอวรู้สึกว่าไม่มีอะไร ตรงทางประตูเข้านี้จะพูดคุยกันก็เป็นเรื่องปกติ
เถ้าแก่เนี้ยที่มองพวกเขาอย่างแปลกๆ เล็กน้อย หลังจากนั้นก็หันไปพูดกับสองสามคนที่นั่งอยู่ห้องรับแขก “ที่พวกเธอรอแขกคนจีนอยู่ ใช่พวกเขาหรือเปล่า?”
แล้วสี่ห้าคนนั้นก็รีบลุกขึ้น ส่วนฉินสือโอวแค่มองก็รู้ว่าที่แท้ก็เป็นผู้ตรวจสอบและพนักงานรักษาความปลอดภัยของสนามบินมาเอง
หัวหน้าของพวกเขาคือหญิงผิวขาววัยกลางคน แต่งตัวแฟชั่นราวกับยังสาว เธอยิ้มต้อนรับ พอมองเห็นวินนี่ก็เลยทักทายขึ้นก่อน ส่วนวินนี่ที่พูดขึ้นอย่างประหลาดใจเล็กน้อยว่า “ผอ.แองเจล่า?”
ฉินสือโอวรู้ว่าคนพวกนี้มาประชาสัมพันธ์ แถมยังเข้าใจนิสัยของคนจีนอย่างดี คาดไม่ถึงว่าจะเป็นคนที่คุ้นเคยกัน อีกทั้งหญิงวัยกลางคนคนนี้และวินนี่รู้จักกันอย่างดี
เป็นอย่างที่คิดไว้เลย วินนี่แนะนำว่าหญิงวัยกลางคนคือผอ.ฝ่ายบริการผู้โดยสารของสนามบินนานาชาติโทรอนโตเพียร์สัน
เมื่อมองเห็นคนพวกนี้ โดยเฉพาะพนักงานรักษาความปลอดภัย พ่อและแม่ของฉินสือโอวก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอีกครั้ง ฉินสือโอวยิ้มเย็นๆ ขึ้นหนึ่งที ทันทีหลังจากนั้นประตูลิฟต์ก็เปิดออก เออร์บักก็เดินออกมาทันที
เมื่อได้พบกันแบบตัวต่อตัวโดยตรง ชายแก่ก็หัวเราะฮ่าๆ และพูดขึ้น “ผมกำลังจะไปเปิดห้องพอดีเลย นึกไม่ถึงว่าลงมาจะบังเอิญเจอพวกคุณ”
พูดเสร็จ เขาก็กอดพ่อและแม่ของฉินสือโอวและพูดพอเป็นพิธีไม่กี่ประโยค รวมถึงเรื่องสมัยที่เก็บกวาดสวนผักด้วยกัน จนสุดท้ายก็พูดยินดีต้อนรับสู่แคนาดา
แองเจล่าและพนักงานตรวจสอบคนอื่นๆ รออยู่ด้านนอก สมกับเป็นแอร์โฮสเตส พวกเธอยังสามารถยิ้มอยู่ได้ตลอดซึ่งชัดเจนว่าได้รับการอบรมและสามารถเก็บอารมณ์ได้เป็นอย่างดี
พอทางนี้คุยกันเสร็จแล้ว แองเจล่าก็เริ่มประชาสัมพันธ์ อันดับแรกเลยคือขอโทษหลังจากนั้นก็พูดคุยถึงการชดใช้ค่าเสียหาย เงื่อนไขก็คือขอให้ฉินสือโอวยกเลิกหนังสือฟ้องร้องต่อสนามบินนานาชาติโทรอนโตเพียร์สัน
………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset