ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 348 ปลิงทะเลเป็นอะไรเหรอ

หลังจากที่ห่านทั้งสองสายพันธุ์แยกกันไปแล้วนั้น ฉินสือโอวก็รอจนถึงเวลาพลบค่ำ เมื่อเห็นว่าห่านทั้งสองสายพันธุ์นั้นไม่ได้ส่งสัญญาณที่จะต่อสู้กันจริงๆ แล้ว เขาจึงกลับบ้านไปได้อย่างสบายใจ
ที่ประตูบ้าน บุชยังคงหลบอยู่ในพุ่มไม้หน้าประตูบ้านแล้วยื่นหน้าออกมาอย่างหวาดระแวง เมื่อเห็นว่าฉินสือโอวกลับมา มันจึงกระพือปีกออกมาจากพุ่มไม้มาหาเขาอย่างรวดเร็ว ขาทั้งสองข้างที่ยังสั่นอยู่นั้น แสดงให้เห็นว่าเด็กคนนี้พึ่งจะถูกทำให้กลัวมาอย่างแน่นอน
ฉินสือโอวนั้นเข้มงวดเพราะอยากให้มันทำตัวดีขึ้น บุชนั้นทำอะไรอยู่กันแน่ มันเป็นนกอินทรีหัวขาว เป็นสัญลักษณ์ของอเมริกา! เป็นเจ้าแห่งมหาสมุทร! ไม่ต้องพูดถึงนกฟรีเกตอย่างนิมิตส์เลย นกอีแร้งนกอินทรีมองเห็นมันแล้วต้องกลัวสิถึงจะถูก!
อาหารเย็นวันนี้แม่และพี่สาวของเขาเป็นคนแสดงฝีมือทำ ไก่ตุ๋นเห็ด และ เนื้อเป็ดผัดพริก
ฟาร์มสัตว์ปีกที่เลี้ยงไก่และเป็ดพื้นเมืองนั้นมีการขยายพันธุ์ได้เป็นอย่างดี ไข่ไก่ก็มีออกมาให้กินอยู่เสมอ ลูกเป็ดลูกไก่ตัวเล็กปุกปุยเดินตามแม่เป็ดแม่ไก่ของพวกมันต้อยๆ ไปทั่วฟาร์ม ดูน่ารักเป็นอย่างมาก
ไก่ตุ๋นนั้นทำงาน แค่นำไก่ใส่ลงไปในหม้อความดันสูงรวมกับเห็ด ขิง โป๊ยกั๊กและมะแข่นและเครื่องปรุงรสอื่นๆ ตุ๋นรวมกัน
เนื้อเป็ดผัดพริกเป็นเมนูที่ต้องใช้เทคนิคในการทำอาหารเป็นอย่างมาก และเป็นอาหารเฉพาะของบ้านเกิดของฉินสือโอวอีกด้วย
เพราะว่าหนังเป็ดนั้นหนาและเต็มไปด้วยน้ำมัน ถ้าหากไม่มีเตาอบ ไม่ว่าจะนำไปตุ๋นหรือทำเป็นสตูก็ไม่อร่อย น้ำมันเยอะ ทำให้มันเลี่ยนเกินไป ด้วยเหตุนี้ บ้านเกิดของฉินสือโอวได้ค้นพบการทำผัดพริกกับเนื้อเป็ดจนแห้ง
เนื้อเป็ดจะถูกล้างจนสะอาดออกมาก่อนจะนำมานึ่งอย่างง่าย เพื่อเป็นการนำน้ำมันออกมาจากเนื้อเป็ดก่อน จากนั้นก็หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นก็ตั้งกระทะให้ร้อนจัดแล้วนำไปผัด วิธีทำอาหารเช่นนี้ต้องใช้พลังงานเป็นอย่างมาก ระหว่างที่ผัดอาจทำให้น้ำระเหยบางส่วนได้ ดังนั้นจำเป็นต้องคอยเทน้ำและเติมน้ำมันตลอดเวลา
เมื่อเนื้อเป็ดถูกคั่วจนน้ำออกมาจนหมด ผิวหนังด้านนอกนั้นจะกลายเป็นรอยยับยู่ยี่ จากนั้นก็นำออกมาพัก แล้วจากนั้นก็นำขิงและหัวหอมใหญ่นำมาผัดไฟในกระทะอีกครั้ง จากนั้นก็ใส่พริกแห้ง มะแข่นและเนื้อเป็ดลงไปผัดรวมกัน หลังจากที่ผัดจนมีกลิ่นหอมไปทั่ว จึงใส่ซอสถั่วเหลืองและโรยเกลือตบท้าย จากนั้นถึงเทลงใส่จาน
ฉินสือโอวนั้นชอบเนื้อเป็ดผัดฝีมือแม่ของเขาเป็นอย่างมาก ทั้งเผ็ดทั้งหอม เป็นอาหารที่เหมาะจะกินคู่กับข้าวสวยอย่างมาก ฉินสือโอวนั้นทำอาหารง่ายๆ ได้บ้าง แต่อาหารเมนูนี้นั้นเขาทำไม่ได้ เขาไม่ได้มีความอดทนขนาดนั้น
หลังจากอาบน้ำเสร็จเขาก็ลงมาข้างล่าง พี่สาวเขาก็นำเนื้อเป็ดผัดจานใหญ่ออกมาเสิร์ฟ กลิ่นหอมเผ็ดร้อนนั้นคุ้นเคยเป็นอย่างมาก ฉินสือโอวเอื้อมมือออกไปหยิบเนื้อชิ้นหนึ่งที่โรยด้วยมะแข่นเข้าปาก แล้วเคี้ยวอย่างช้าๆ ทั้งหอมทั้งเผ็ดจริงๆ!
พ่อของฉินสือโอวที่กำลังเล่นกับหู่จือและเป้าจือ เมื่อเห็นฉินสือโอวหยิบเนื้อเป็ดขึ้นมากิน ก็มองดุไปทางเขา ตอนนั้นวินนี่เดินเข้ามาพอดี ฉินสือโอวเดินเข้ามากอดเธอ แล้วหยิบเนื้อเป็ดชิ้นหนึ่งขึ้นมาให้เธอ แล้วถามเธอด้วยสายตาเปล่งประกายว่า “ที่รัก รสชาติเป็นยังไงบ้าง?”
“สุดยอดมากเลย” วินนี่ยกมือข้างหนึ่งป้องปากแล้วใช้มืออีกข้างยกนิ้วให้
สีหน้าของพ่อของฉินสือโอวนั้นเปลี่ยนมาเป็นอ่อนโยนทันที เขาหัวเราะออกมาเสียงดังแล้วพูดขึ้นว่า “เสี่ยวเวยชอบกินล่ะสิ ชอบก็ดีแล้ว กินก่อนสิ หากเย็นแล้วรสชาติจะไม่อร่อย แล้วก็เสียวเสว่และเด็กๆ พวกนี้ กินกันก่อนเลย”
ไม่รู้ว่าทำไม พ่อและแม่ของฉินสือโอวถึงชอบเติมชื่อให้คนในบ้านด้วยคำว่า ‘เสี่ยว’ วินนี่ก็เป็นเสี่ยวเวย เชอร์ลี่ย์ก็เป็นเสียวเสว่ พาวลิสก็เป็นเสี่ยวเป้า มิเชลก็เป็นเสียวหมี่ ยังดีที่กอร์ดอนไม่ได้ได้ถูกตั้งชื่อขึ้นมาใหม่ พวกเขาก็เรียกว่ากอร์ดอนเหมือนเดิม
ฉินสือโอวรีบพูดแก้ไขชื่อพวกนั้นว่า “พ่อ พวกเขาชื่อวินนี่กับเชอร์ลี่ย์ ทำไมพ่อเรียกชื่อเต็มๆ ไม่ได้?”
พ่อของฉินสือโอวตอบกลับอย่างตรงไปตรงมาว่า “เรียกแบบนี้ไม่ดูสนิทสนมกันมากกว่าหรือไง? ที่ฉันเรียกแกว่าเสี่ยวโอว แกไม่ชอบเหรอ? งั้นต่อไปฉันเรียกแกว่าฉือโอวดีไหม?”
ฉินสือโอวไม่ได้พูดอะไร เขาไม่ได้มีสิทธิ์ร้องเรียนอยู่แล้ว ชื่อของเขาถูกตั้งขึ้นจากอะไรกันนะ? สือโอว? เรียกว่า ‘โซ่วโซ่ว’ ก็ได้
เมื่อถึงเวลาทานอาหาร เสี่ยวฮุยและเด็กคนอื่นๆ ก็กินไปพลางพูดคุยหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน ส่วนวินนี่นั้นนั่งเงียบๆ อยู่ข้างๆ ไม่ว่าจะใช้ตะเกียบหรือมีดกับส้อม เธอก็ใช้มันได้อย่างสง่างาม
ก่อนหน้านี้พ่อแม่ของฉินสือโอวสังเกตเห็นข้อนี้ด้วยเช่นกัน ตอนนี้ค่อนข้างสนิทกันแล้ว จึงได้พูดออกมาว่า “เห็นเด็กสาวอย่างเสี่ยวเวยแล้ว อย่าว่าแต่ท่าทางการทำงานและการพูดจาเลย จะหาคนที่กินข้าวได้สง่างามแบบนี้ หาได้ยากนัก”
วินนี่วางตะเกียบในมือลงแล้วยิ้มออกมา เธอประสานมือเข้าด้วยกันที่ด้านหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “มหาวิทยาลัยของหนูเป็นมหาวิทยาลัยหญิงล้วน มีหลักสูตรที่สอนเรื่องมารยาทโดยเฉพาะ เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่เคยเรียนมาค่ะ”
แม่ของฉินสือโอวมองไปยังเด็กๆ ที่เสียงดังวุ่นวายราวกับลูกลิง พลางพูดออกมาว่า “เสี่ยวเวย เช่นนั้นหนูสอนเด็กๆ ของพวกเราหน่อยได้ไหม? สอนให้พวกเขาเรียนรู้เรื่องมารยาท ต่อไปจะได้ไม่ขายหน้าคนอื่นเขา”
วินนี่พยักหน้า แล้วตอบกลับว่า “ได้ค่ะ หลังจากกินข้าวเสร็จเดี๋ยวหนูจะเริ่มสอนตั้งแต่เรื่องพื้นฐานเลยค่ะ”
เมื่อได้ยินคำว่าเรียน เสี่ยวฮุยก็แทบจะร้องไห้ออกมาทันที สีหน้าซุกซนเหมือนลิงเปลี่ยนเป็นซีดเผือดเหมือนไก่ต้มทันที เขาเริ่มกัดตะเกียบด้วยความรู้สึกกระวนกระวาย
เมื่อกินข้าวเสร็จ วินนี่ก็สอนเรื่องมารยาทให้เด็กทั้งห้าคน ฉินสือโอวนั้นกลับมาที่ห้องแล้ว เขาใช้จิตสำนึกโพไซดอนพาตัวเขาไปยังฟาร์มปลา
เขาเริ่มไปตรวจดูการเจริญเติบโตของปลิงทะเลขั้วโลกเหนือก่อน ไม่ผิดหรอก ปลิงทะเลขั้วโลกเหนือน้อยใหญ่พวกนั้นได้เข้าสู่แนวปะการังแล้ว พวกมันเกาะอยู่ตามแนวปะการังเหล่านั้น หรือไม่ก็เข้าไปอยู่ในรอยแตกบริเวณแนวปะการัง พวกมันไม่ได้มีศัตรูตามธรรมชาติอยู่แล้ว อาหารของพวกมันที่นี่ก็อุดมสมบูรณ์ ตอนนี้พวกมันค่อยๆ ปรับตัวให้เข้ากับฟาร์มปลาได้แล้ว
ปลิงทะเลขั้วโลกเหนือนั้นชอบนอนอยู่บริเวณก้นทะเล ดังนั้นบริเวณหน้าท้องและหลังของพวกมันนั้นจึงแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งตัวไหนที่มีคุณภาพที่ดี ความแตกต่างของพวกปลิงทะเลขั้วโลกเหนือก็ยิ่งเห็นได้ชัด สิ่งนี้บ่งบอกได้ว่ามลพิษที่พวกมันได้รับนั้นค่อนข้างน้อย ทำให้ชีวิตของมันนั้นยืนยาวขึ้น
ก่อนหน้านี้ฉินสือโอวได้ถ่ายทอดพลังแห่งโพไซดอนให้แก่ปลิงทะเลขั้วโลกเหนือพวกนั้น เขาไม่คิดว่าพลังนี้จะทำให้ปลิงทะเลขั้วโลกเหนือเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เหล่าปลิงทะเลขั้วโลกเหนือพวกนี้ร่างกายเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
ปลิงทะเลขั้วโลกเหนือแต่ละตัวที่อยู่บนแนวปะการังนั้น มองดูพวกมันอาจจะรู้สึกว่าพวกมันไม่ได้ขยับ แต่ความเป็นจริงแล้วพวกมันส่วนใหญ่กำลังคลานอยู่ เพียงแต่ความเร็วช้ามากเท่านั้น หนึ่งชั่วโมงยังขยับไปไม่ถึงสองเมตรเลย
ฉินสือโอวให้พลังโพไซดอนแก่พวกมันเพราะอยากดูว่าพวกมันเหมือนปลาทะเลหรือไม่ เมื่อปลิงทะเลรับพลังโพไซดอนไปแล้วความเร็วในการเคลื่อนไหวของมันก็เพิ่มขึ้นไปด้วย ผลที่ได้นั้นเป็นที่แน่นอนว่า ปลิงทะเลขั้วโลกนั้นเคลื่อนไหวเร็วขึ้น พวกมันเหมือนกับหนอนผีเสื้อ ที่หดตัวขึ้นลงแล้วขยับตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
แต่ว่าการที่ผลเป็นเช่นนี้ก็มีเรื่องที่ไม่ดีอยู่ เพราะว่าเวลาที่ปลิงทะเลขั้วโลกเหนือขยับคือตนที่พวกมันกินอาหาร พวกมันใช้หนวดในการขยับตัว แต่มือของพวกมันนั้นคือทิวบ์ฟีทที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงแบบพิเศษมาก่อน โดยพวกมันสามารถจับอาหารเข้าปากได้เลย แบบนี้การเคลื่อนไหวที่เร็วขึ้นของมัน ก็ทำให้พวกมันหาอาหารไม่พบ
เมื่อลองดูพวกมันอีกครั้ง หากไม่เจอปัญหาอะไรฉินสือโอวก็เตรียมที่จะไปที่อื่นต่อ แต่จู่ๆ เขาก็สังเกตเห็นปลิงทะเลขั้วโลกเหนือตัวใหญ่ตัวหนึ่งกำลังกินทรายอยู่
เขาคิดว่าตัวเองนั้นมองผิดไป อาหารของปลิงทะเลขั้วโลกเหนือนั้นเป็นพวกซากพืชซากสัตว์ที่อยู่ในทรายและพวกสาหร่ายที่อยู่บริเวณหน้าดิน เรื่องนี้ฉินสือโอวรู้ดี
จิตสำนึกโพไซดอนเข้าไปตรวจสอบปลิงทะเลขั้วโลกเหนือตัวนั้น เขานั้นคิดถูก ปลิงทะเลขั้วโลกเหนือตัวนี้มันกินทรายจริงๆ
ฉินสือโอวไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาขยายจิตสำนึกโพไซดอนให้กว้างขึ้น แล้วเขาก็พบว่ามีปลิงทะเลขั้วโลกเหนือหลายตัวกำลังกินทรายอยู่!
เรื่องนี้ทำให้เขาตกใจกลัวเป็นอย่างมาก การมีกุ้งมังกรแก๊ฟคี่อยู่นั้นทำให้ในใจของเขานั้นรู้สึกไม่ดี ในใจของเขากังวลว่าจะเกิดเรื่องกับปลิงทะเลที่อยู่ที่นี่
เมื่อเห็นว่าปลิงทะเลขั้วโลกเหนือนั้นกินทราย ฉินสือโอวก็รีบออกมาจากทะเลแล้วโทรหาบิลทันที เขาถามว่า “เพื่อน ฉันเจอว่าตอนนี้ปลิงทะเลขั้วโลกเหนือของฉันมันกินทราย มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันเหรอ?”
บิลตอบกลับว่า “นี่เป็นเรื่องปกติ ไม่ต้องกังวลไป เชื้อราและแบคทีเรียบางตัวนั้นอาศัยอยู่ตามทรายที่ก้นทะเลและบนแนวปะการังที่แตกหัก ทรายพวกนี้มันจะช่วยปลิงทะเลขั้วโลกเหนือในการย่อยอาหาร เพื่อเป็นการรักษาสุขภาพของพวกมัน”
ฉินสือโอวพึ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองนั้นเป็นกระต่ายตื่นตูม เขาหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ปลิงทะเลขั้วโลกเหนือขนาดตัวเต็มวัยนั้นจะสามารถกินทรายเข้าไปได้เกือบสี่สิบลิตรต่อปี ดังนั้นเรื่องจริงคือปลิงทะเลขั้วโลกเหนือป่านั้นจะต้องทำความสะอาดท้องก่อนที่จะกินอาหาร เพราะหากไม่ทำความสะอาดก่อนท้องของพวกมันก็จะเต็มไปด้วยทรายและซากปะการัง
……………………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset