ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 355 ยืนยันตัวตน

วินนี่บอกว่า “ต้องดูขนาดของพื้นที่ที่จะสร้าง เพราะสนามบินก็คือการเอาเงินกองสุมขึ้นมา หนึ่งตารางเมตร 500 ดอลลาร์แคนาดา คุณต้องการสร้างพื้นที่กว้างแค่ไหนล่ะ?”
“แพงขนาดนี้เลย?” ฉินสือโอวถาม
ถ้าหากเป็นเครื่องบินโดยสาร ขนาดของสนามบินอย่างน้อยก็ต้อง 10 เอเคอร์ขึ้นไป หรือก็คือประมาณสี่หมื่นตารางเมตร หลักๆ แล้วลานวิ่งจะต้องสร้างค่อนข้างยาว ถ้าไม่มีลานวิ่งจะขึ้นบินยังไงกัน? เฮลิคอปเตอร์? ช่างเถอะ ในสนามหญ้าเฮลิคอปเตอร์ก็ขึ้นบินได้
ขนาดพื้นที่สี่หมื่นตารางเมตร ตารางเมตรละ 500 ดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือยี่สิบล้านเลย
วินนี่นอนหมอบใช้นิ้วมือเรียวเริ่มคำนวณอยู่บนเตียง “คุณคิดว่าสนามบินใช้แค่ปูนซีเมนต์ปูให้เรียบก็พอแล้วเหรอ? ไม่ใช่อย่างนั้นเลย คุณยังต้องมีหอสังเกตการณ์ สตูดิโอวิทยุ ศูนย์รับสัญญาณดาวเทียมและอาคารรองรับต่างๆ”
แอร์โฮสเตสสวยนอนอยู่บนเตียงแบบนี้ สัดส่วนโค้งเว้าขึ้นลงเป็นจังหวะทำให้หลงใหลยิ่งนัก ราวกับเป็นคลื่นลูกหนึ่ง ฉินสือโอวตบเบาๆ คลื่นก็เริ่มซัดสาด
“บ้า” วินนี่ผลักฉินสือโอวไปทีหนึ่ง “คุณอย่าเล่น พูดดีๆ”
ฉินสือโอวพลิกตัวขึ้นมา พูดอย่างยิ้มๆ ว่า “เล่นก่อนแล้วค่อยพูดดีๆ”
คืนนี้ ฉินสือโอวและวินนี่ก็ไม่ได้ข้อสรุปออกมาว่าจะสร้างสนามบินยังไง แต่ว่าเขาได้ตัดสินใจแน่นอนแล้วว่าจะสร้างสนามบิน
อันดับแรก ตอนนี้เครื่องบินแทรกเตอร์ของเขายังจอดอยู่ในสนามบินนครเซนต์จอห์นตลอด ไม่ค่อยสะดวกเวลาที่จะใช้งาน จำเป็นต้องขับเฮลิคอปเตอร์ไปที่สนามบินแล้วค่อยบินกลับมา เสียค่าน้ำมันไปไม่น้อยเลย รองลงมา เขาขาดแคลนลานจอดรถ ถ้าหากมีสนามบินขึ้นมา รถยนต์สามารถจอดที่นี่ได้เลย
และที่สำคัญคือ มีเงินที่หมุนเวียนได้ในบัญชี 100 ล้านดอลลาร์แคนาดา ในใบเสียภาษีไตรมาสที่ 2 เมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ทำให้เขาเจ็บปวดยิ่งนัก จำเป็นต้องใช้จ่ายและใช้จ่ายอย่างมาก ไม่อย่างนั้นก็จะถูกผีดูดเลือดแผนกการเงินของแคนาดาเอาไปหมด
เช้าวันที่สอง ฉินสือโอวก็โทรศัพท์หาวิล ถามทีมสถาปนิกของเขาว่าสามารถสร้างสนามบินได้หรือเปล่า
นี่เป็นงานใหญ่ ใหญ่กว่าการสร้างท่าเรือเสียอีก วิลตัดสินใจรับงานทันที “คุณวางใจได้เลย ฉิน ทีมสถาปนิกของพวกเรามีความสามารถเพียงพอที่จะรองรับโครงการของคุณ เพราะว่าพวกเรามีเพื่อนร่วมธุรกิจ การก่อสร้างสนามบินส่วนตัวไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน”
ตอนเช้าสิบโมง เบลคที่สี่ก็มาถึง ครั้งนี้เขาขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เบล 505 ลำหนึ่งมา
เบล 505 ไม่ได้เหมือนตัว AC-310 ที่เป็นเครื่องเล็ก แม้ว่ามันจะเป็นเฮลิคอปเตอร์เครื่องยนต์เดี่ยวเหมือนกัน แต่ว่ามีที่นั่งห้าที่นั่ง ใช้เครื่องยนต์แบบเอกซ์เทอร์โบชาฟต์ ปลอดภัย รวดเร็วและสะดวกสบาย
เฮลิคอปเตอร์สีฟ้าจอดอยู่บนพื้นหญ้าในฟาร์มปลา พ่อแม่ฉินสือโอวต่างก็ออกมาดู ฉินสือโอวส่งเฮลิคอปเตอร์ไปที่สนามบินหมดแล้ว เพื่อลดความกังวลของพ่อแม่เรื่องการใช้จ่ายของเขา
เห็นว่าพ่อแม่มีความสนใจ ฉินสือโอวจึงให้พวกเขาขึ้นไปลองนั่งดู
พ่อของฉินสือโอวรีบปัดมือบอก “เครื่องบินใหญ่โบอิ้งอะไรนั่นฉันกับแม่แกก็เคยนั่งมาแล้ว เครื่องบินเล็กนี่จะมีอะไรอีก”
เสี่ยวฮุยอิจฉาตาร้อนถามว่า “คุณปู่ ผมอยากนั่งเฮลิคอปเตอร์ เฮลิคอปเตอร์สุดยอดมาก คุณครูบอกว่ามันสามารถหยุดอยู่บนอากาศไม่ขยับได้ด้วย”
เบลคกระโดดลงมา นอกจากเขาแล้วยังมีอีกสามคน คนหนึ่งคือเชเชฟสกีเพื่อนเก่าของเออร์บัก หรือก็คือผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ระดับภูมิภาคออนแทรีโอของบริษัทจัดประมูลริชชี่ พ่อมองดูเขาแล้วลากฉินสือโอวไปกระซิบว่า “คุณคนนี้หน้าตาเหมือนกับคุณเลนินมากเลย”
ฉินสือโอวแอบยิ้มเห็นด้วย ครั้งแรกตอนที่เจอเชเชฟสกีเขาเองก็รู้สึกแบบนี้เหมือนกัน ความรู้สึกของพ่อยิ่งชัดเจนกว่า เพราะว่าเมื่อก่อนผนังบ้านมีภาพของเลนินติดอยู่ พ่อเห็นมาเป็นสิบปีแล้ว
อีกอย่างสองคนที่มาพร้อมกับเชเชฟสกีอายุไม่ได้ห่างกันมาก ท่าทางประมาณห้าสิบปีได้ คล้อยหลังเบลคได้แนะนำว่าทั้งสองคนต่างเป็นผู้เชี่ยวชาญภาพสีน้ำมัน
ฉินสือโอวจับมือกับทั้งสามคน จากนั้นบอกเบลคถึงความต้องการของเด็กๆ
เบลคจะปฏิเสธเรื่องแบบนี้ได้ยังไง? เขาโบกมือยิ้มบอก “อย่างนั้นก็ขึ้นเครื่องบินเถอะ ทักษะการขับของแคลเล็นดีมาก ให้ครอบครัวนายไปลองดูเถอะ”
เทียบกับบิลลี่แล้ว เบลคเตรียมพร้อมรอบคอบกว่ามาก เขารู้ผ่านคิวคิวของฉินสือโอวว่าพ่อแม่ของเขามาแล้ว ดังนั้นครั้งนี้เลยเตรียมของขวัญมาด้วย
ที่ให้พ่อและแม่ฉินสือโอวเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมชั้นดีชุดหนึ่ง ที่ให้พี่สาวฉินสือโอวเป็นเครื่องสำอางแบรนด์หลุยส์ วิตต็องชุดหนึ่ง ที่ให้พี่เขยเป็นนาฬิกาข้อมือเรือนหนึ่ง เป็นนาฬิกากลไกจักรกลฝังเพชรโอเมก้าคอลเลคชั่นคอนสเตลเลชั่น
พี่เขยรู้จัก เปิดออกดูเห็นชื่อกลุ่มดาวโอเมก้าจึงรีบปฏิเสธทันที เบลคยิ้มตอบ “เห็นทีของขวัญของผมคงไม่ถูกใจคุณ”
“ไม่ใช่ แต่มันแพงเกินไป”พี่เขยฝืนยิ้มตอบ
พ่อของฉินสือโอวแอบถามถึงราคา พี่เขยก็บอกเบาๆ ว่าแสนสีแสนห้า พ่อของฉินสือโอวไม่พูดอะไรอีก แม้ว่าการมาแคนาดาครั้งนี้จะทำให้โลกทัศน์ของเขากว้างขึ้นมาก แต่ว่านาฬิกาเรือนละเป็นแสนก็ยังคงอยู่เหนือการยอมรับได้ของเขา
ฉินสือโอวให้พี่เขยรับเอาไว้ อธิบายว่า “นาฬิกานี่ไม่ได้แพงขนาดนั้นในแคนาดา ก็ประมาณหกหมื่นหยวนเท่านั้น”
เก็บของขวัญไว้แล้วส่งพ่อแม่ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไป ฉินสือโอวก็พาเบลคและผู้เชี่ยวชาญทั้งสามเข้าไปในห้องใต้ดิน ศึกษาภาพผลงานของแวนโก๊ะเพื่อระบุตัวตน
ชายวัยกลางคนที่ชื่อแมคจีลลาเป็นศาสตราจารย์ภาพสีน้ำมันคณะศิลปกรรมศาสตร์ของมหาวิทยาลัยโทรอนโต ตาเป็นประกายหลังเห็นภาพ ‘อาทิตย์อัสดงที่มงต์มาจูร์’ พูดอย่างดีใจว่า “ขอพระเจ้าคุ้มครอง จะมีชิ้นงานใหม่ของแวนโก๊ะที่เพิ่มเข้าไปในผลงานของเขาเองอีกแล้ว นี่เป็นเรื่องที่ทำให้ดีใจมากเรื่องหนึ่งจริงๆ”
ผู้เชี่ยวชาญอีกคนหนึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์ศิลปะแห่งชาติแคนาดา ชื่ออเล็กซ์ บอกว่า “ที่พิเศษยิ่งกว่าก็คือ ภาพนี้มีความหมายพิเศษ นี่เป็นงานเขียนช่วงเปลี่ยนผ่านในผลงานของแวนโก๊ะ และอีกอย่าง คนทั่วไปเชื่อว่าภาพสีน้ำมันภาพใหญ่นี้เป็นผลงานในช่วงรุ่งโรจน์ที่สุดของศิลปินคนนี้ แต่เสียดายที่ไม่เคยได้มีโอกาสพบเจอเลย”
สนทนากันสักครู่ บรรดาผู้เชี่ยวชาญก็เปลี่ยนรองเท้าและถุงมือเข้าไปในห้องสุญญากาศและเริ่มใส่แว่นตา ถือแว่นขยาย อีกอย่างยังมีเครื่องมือคอมพิวเตอร์สแกนต่างๆ เริ่มต้นการวิจัยศึกษา
พวกเขาวิจัยไปด้วยถกเถียงกันไปด้วย นำข้อสรุปบอกกับกลุ่มฉินสือโอวและเบลค
เชเชฟสกีพูดหลังจากมองดู “พูดจากมุมมองสไตล์และเทคนิคแล้ว ภาพนี้มีหลายที่มากที่เหมือนกันกับภาพเขียนของแวนโก๊ะตั้งแต่ฤดูร้อนปี 1888 อย่างเช่น ‘ภาพห้องนอน’ และ ‘ภาพเหมือนตัวเอง’ ต่างๆ ลายเส้นภาพเหล่านั้นต่างมีเงาของภาพๆ นี้อยู่
อเล็กซ์พูดอย่างไม่ค่อยพอใจเล็กน้อยว่า “ใช่ มีส่วนที่เหมือนอยู่จริง ภาพนี้ใช้เทคนิคการเปลี่ยนสีที่เหมือนกัน ดูสิ ตรงตำแหน่งลำต้นต้นไม้พวกนี้ สีเหลืองที่สดใสอยู่ๆ ก็สามารถเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลที่ขุ่นมัวได้ ไม่รู้ว่าทำไมแวนโก๊ะถึงมีความชอบนี้ เขาไม่รู้เหรอว่ามันจะทำให้สุนทรีย์ในการชมภาพลดลง?”
“แต่ก็ไม่สามารถปิดกั้นให้มันกลายเป็นภาพที่มีชื่อเสียงระดับโลกได้”เชเชฟสกียิ้มตอบ
เบลคอธิบายให้กับฉินสือโอวและบิลลี่ว่า “ภาพนี้เพิ่งเจอในทะเลมาใช่ไหม? อย่างนั้นมันก็น่าสนใจแล้วสิ ภาพนี้สามารถพลิกความเข้าใจของโลกศิลปะต่อผลงานของแวนโก๊ะได้เลย เทคนิคการเปลี่ยนสีของแวนโก๊ะแปลกประหลาดมาก มีหลายที่ที่อยู่ๆ สีก็จะเปลี่ยนเป็นสีเข้ม ศิลปินบางคนคิดว่าเป็นเพราะปฏิกิริยาทางเคมีจากการที่แสงอาทิตย์ส่องผ่านเม็ดสีโครเมียม พอดูตอนนี้แล้วเห็นชัดว่าไม่ใช่”
ถกเถียงหารือกันมาห้าหกชั่วโมงแล้ว ระหว่างนี้นอกจากดื่มนมวัวไปนิดหน่อย ผู้เชี่ยวชาญทั้งสามคนก็ทำงานตลอดเวลา
สุดท้ายเชเชฟสกีพยักหน้าให้ฉินสือโอวว่า “ยืนยันได้ว่านี่เป็นผลงานของจริง คุณฉิน คุณมีภาพที่ดีที่สุดภาพหนึ่งในฤดูใบไม้ร่วงนี้ไว้ครอบครอง”
อเล็กซ์บอกอีกว่า “เป็นของจริงแท้แน่นอน จากในภาพนี้พวกเราสามารถเห็นได้ชัดถึงการดิ้นรนของแวนโก๊ะระหว่างการวาดภาพ นี่ทำให้ภาพนี้ยิ่งมีเสน่ห์ขึ้นไปอีก”
………………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset