ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 360 บุชหัดบิน

ในตอนกลางคืนฉินสือโอวพูดคุยเกี่ยวกับการโจมตีของอินทรีทองและถามว่า “มีวิธีจัดการกับมันไหม?”
ชาร์คและเพื่อนร่วมงานมองหน้ากันก่อนจะก้มหน้าลงเหมือนห่านขาวที่แตกต่างกันแต่ก็ยังเป็นห่านเหมือนกัน
เบิร์ดขบฟันแล้วพูดออกมา “เอาปืนมาให้ฉันสักกระบอก ฉันจะไปยิงมันให้ตายเอง!”
“ไม่ได้นะ!” ชาร์คและซีมอนสเตอร์รีบส่ายหัวด้วยความตกใจ “อินทรีทองและนกอินทรีหัวขาวเป็นเทพเจ้าในดินแดนแห่งนี้ เราไม่ควรไปล่าพวกมันด้วยปืน!”
นีลพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ต่อให้ได้รับอนุญาตให้ล่าพวกมันได้ฉันก็ไม่มีปัญญาอยู่ดี อินทรีทองมีสายตาที่ดีมาก ห่างออกไปสี่กิโลเมตรก็ยังสามารถมองเห็นตัวกราวด์ฮอกได้ แถมพวกมันยังฉลาดมากด้วย ถ้าเห็นคนถือปืนเข้าไป มันจะไม่บินลงมาแน่นอน และถึงจะใช้การซุ่มโจมตีก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะจับอินทรีทองในระยะพิสัยการยิง”
ในฐานะที่เป็นพลซุ่มยิงแห่งกองกำลังตอบโต้พิเศษของแคนาดา เขาถือเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้
ฉินสือโอวถามด้วยความสงสัย “อย่าบอกฉันนะว่า นายเป็นถึงหน่วยคอมมานโดพิเศษ แต่นกตัวเดียวก็ยังยิงไม่ตาย”
นีลเซ็นยิ้มอย่างขมขื่นและพูดขึ้น “อินทรีทองจู่โจมเหยื่อและตอบโต้ได้ในพริบตาเดียว ระดับความเร็วกว่า 188 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป้าหมายที่เคลื่อนที่เร็วอย่างนี้ยังไงก็ยิงไม่โดนหรอก!”
ฉินสือโอวตบโต๊ะอย่าโมโห “นายเป็นหน่วยรบพิเศษไม่ใช่เหรอ? ขับเครื่องบินไม่เป็น ยิงนกไม่ได้ นี่นายยังเป็นหน่วยรบพิเศษอยู่อีกหรือเปล่า? ราชาหน่วยรบพิเศษไม่ว่าจะขึ้นเขาล่าเสือหรือลงทะเลล่าฉลามก็ไม่มีปัญหาไม่ใช่หรือไง? ในนิยายเขียนไว้แบบนี้นี่”
นีลเซ็นหัวเราะไม่ออก
“การยิงอินทรีทองไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ แต่มันมีความเสี่ยง” เบิร์ดพูดอย่างจริงจัง
บอสใหญ่มองเขาอย่างให้กำลังใจ นั่นหมายถึงให้เขาพูดต่อไป
เบิร์ดกล่าว “เราต้องใช้เหยื่อล่อ แล้วก็ซุ่มโจมตีอยู่ใกล้ๆ เหยื่อ แต่เหยื่อตัวนี้ต้องดึงดูดนกอินทรีทองได้เป็นอย่างดี อย่างเช่นบุชเป็นต้น”
พูดไปเขาก็ใช้สายตามืดมนจ้องมองบุช บุชตัวสั่นเทิ้มตามสัญชาตญาณก่อนที่มันจะเก็บปีกแล้ววิ่งตุปัดตุเป๋ไปนอนข้างหลังฉงต้าอย่างรวดเร็วหลัง หลังจากซ่อนตัวแล้วมันก็ยังรู้สึกไม่ปลอดภัยจึงคิดจะมุดเข้าไปอยู่ใต้ปีกของนิมิตส์
ช่วยไม่ได้ บุชกินดีอยู่ดีและเติบโตอย่างรวดเร็ว ตอนนี้มันสูงได้ครึ่งเมตรแล้ว มันเป็นอินทรีทะเล ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมุดเข้าไปใต้ปีกของนิมิตส์เพื่อหาที่หลบภัย
ฉินสือโอวส่ายหัวอย่างรวดเร็ว เรื่องนี้จะเสี่ยงไม่ได้ ความเร็วปานสายฟ้าแลบของอินทรีทองเขาก็เห็นด้วยตาตัวเองมาแล้ว ห่านขาวถูกโฉบไปในพริบตาเดียว ดังนั้นหากทำพลาดไป บุชจะต้องถูกโฉบไปแน่นอน
แม้ว่าจะยิงโดน แต่ก็ยังอันตรายอยู่ดี เพราะเมื่ออินทรีทองใกล้ตายมันจะสู้สุดตัว แล้วถ้ามันใช้กรงเล็บจิกบุชให้ตายจะทำอย่างไร?
อย่าประมาทอินทรีทอง มันมีฝีมือแน่นอน
คุยไปคุยมาก็ไม่มีวิธีที่ดี ซีมอนสเตอร์จึงผายมือแล้วพูดออกมา “นอกจากจะให้บุชเติบโตโดยเร็ว ความทรงพลังที่แฝงอยู่ของอินทรีหัวขาวจะสามารถโจมตีอินทรีทองให้พ่ายแพ้ได้ มีเพียงมันเท่านั้นที่จะสามารถจัดการกับอินทรีทองได้ พวกมันเป็นคู่อริกันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว!”
ฉินสือโอวมองไปที่บุช อีกฝ่ายก้มหัวทำเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ว่าพวกคุณกำลังคุยอะไรกันอยู่ กรงเล็บใหญ่ขูดขีดไปมาแสร้งทำเป็นเล่นอย่างมีความสุข
หลังจากจ้องมองบุชสักพัก ฉินสือโอวพบว่า เฮ้ย เจ้าหมอนี่มันโตแล้วนี่นา มันสูงกว่าครึ่งเมตรแล้ว ดูเหมือนว่ามันจะบินได้แล้วสินะ?
ฉินสือโอวกระดิกนิ้วเป็นสัญญาณให้บุชยับมา บุชเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะก้มหัวใช้จะงอยปากที่เหมือนเบ็ดตกปลามุดไปใต้ปีกเหมือนไม่ได้ยินเสียงเรียกของฉินสือโอว
เมื่อเห็นอย่างนี้ฉินสือโอวก็หัวเราะ เขาผิวปากเรียกฉงต้าแล้วชี้ไปทางบุชก่อนจะชี้มาด้านหน้าของเขา ฉงต้าดึงมันขึ้นมาดัง ‘ผัวะ’ แล้วใช้อุ้งเท้าตบมันจนบุชที่ถูกตบลอยมาทันที
“กว๊าก กว๊าก!” บุชร้องด้วยความโกรธ มันถูกตบล้มลงไปบนพื้น แต่ตอนนี้มันอ้วนเกินไป มันจึงกลิ้งไปสองตลบเหมือนขวด และสุดท้ายมันก็ตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาอย่างมึนงงก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของฉินสือโอว
จิตใต้สำนึกสั่งให้บุชวิ่ง แต่ฉินสือโอวคว้ามันขึ้นมาก่อนที่มันจะสยายปีกออกมาดังฟุบ ปีกของมันมีความยาวอย่างน้อย 1.2 เมตรเลยทีเดียว!
เมื่อเทียบความยาวกับอายุของบุช ปีกคู่นี้ก็เรียกได้ว่ามีพรสวรรค์ไม่น้อยเลยทีเดียว ปีกย่อมเกี่ยวพันถึงความเร็วในการบินและพลังความแข็งแกร่งของนกตัวหนึ่ง และเมื่อเปรียบเทียบความยาวลำตัวกับปีกของบุชก็จะเห็นได้ชัดว่ามันมีศักยภาพในการครอบครองท้องฟ้า!
หลังจากได้เห็นบุชสยายปีก เบิร์ดและคนอื่นๆ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “บอส ถึงเวลาปล่อยมันบินแล้ว!”
นิมิตส์หมอบอย่างสงบเสงี่ยมอยู่ข้างๆ มันใช้ปากหวีขนเป็นครั้งคราวเหมือนว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับมันจึงไม่ต้องเป็นกังวลใดๆ
ในตอนกลางคืน ฉินสือโอวไม่มีอารมณ์ไปเดินเล่นที่ชายทะเล เรื่องของอินทรีทองเมื่อตอนกลางวันรบกวนจิตใจเขามากเกินไป เขาต้องหาวิธีจัดการมันให้ได้!
เมื่อถึงตอนกลางวันฉินสือโอวก็บอกว่าการบินของบุชเป็นเรื่องใหญ่มาก
วินนี่ลางานเป็นพิเศษ เธอเป็นแม่ของบุชจึงต้องการดูภาพลูกบินขึ้นสู่ท้องฟ้า เชอร์ลี่ย์และลูกทั้งสี่คนก็อิดออดไม่อยากไปโรงเรียน ฉินสือโอวจึงช่วยลาให้พวกเขา เออร์บักเองก็สนอกสนใจอย่างมาก เขามีชีวิตอยู่มาจนป่านนี้ก็ยังไม่เคยได้เห็นภาพการปล่อยนกอินทรีหัวขาวบินเลย
ครั้นแล้วทุกคนจึงมารุมจับตัวบุชไว้แล้วปล่อยให้มันบิน บุชกลอกลูกตาไปมา มันพยายามจะหนีอยู่หลายครั้ง แต่ก็ถูกหู่จือและเป้าจือไล่จับกลับมาได้ มันจึงได้แต่เดินไปด้านหน้าอย่างหมดอาลัยตายอยาก
“จะเอามันไปบินที่ไหนดีล่ะ?” พาวลิสถามอย่างกระตือรือร้น
ฉินสือโอวชี้ไปที่จุดสูงสุดของเทือกเขาเคอร์บัลที่อยู่ไกลออกไปและพูดด้วยความภาคภูมิใจ “ตรงนั้น ไม่ได้แน่…”
เมื่อมองไปที่ยอดเขาที่อยู่ไกลออกไป บุชก็ตกใจจนแทบบ้า ยังดีที่ฉินสือโอวไม่โง่ถึงขนาดจะเอาไอ้ขี้ขลาดตาขาวตัวนี้ทิ้งลงมาจากยอดเขา เพราะมีความเป็นไปได้แปดถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ที่มันจะต้องตกลงไปตายแน่ๆ
การปล่อยนกอินทรีหัดบินต้องค่อยเป็นค่อยไป ฉินสือโอวเลือกรถคาดิลแลควันแล้วอุ้มมันไว้ก่อนจะปีนขึ้นไปบนตัวรถแล้วโยนมันออกไป
เขาอุ้มบุชยืนอยู่บนหลังคารถ ฉินสือโอวขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นมา “ฉันคิดว่ามันไม่ค่อยโอเคเท่าไร ให้เจ้าเด็กนี่ลดน้ำหนักก่อนแล้วค่อยปล่อยมันบินดีไหม? ฉันคิดว่ามันหนักไปหน่อย”
วินนี่ตรวจสอบข้อมูลด้วยโทรศัพท์มือถือของเธอแล้วพูดบ้าง “ไม่เป็นไรค่ะ นกอินทรีทะเลหัวขาวมีโครงกระดูกที่บางและกลวง และมีช่องว่างที่เต็มไปด้วยอากาศ ดังนั้นพวกมันเลยดูอ้วน แต่จริงๆ แล้วมันเบามาก น้ำหนักโครงกระดูกไม่ถึงครึ่งหนึ่งของขนด้วยซ้ำ”
“นอกจากนี้กระดูกของอินทรีส่วนใหญ่ยังรวมตัวกันหรือเชื่อมโยงกัน ซึ่งทำให้พวกมันแข็งแกร่งเป็นพิเศษ ยิ่งไปกว่านั้นขณะที่พวกมันบิน มันจะยกประคองตัวได้เป็นอย่างดีด้วย” วินนี่ตรวจสอบข้อมูลอีกครั้งแล้วพูดออกมา
“ไม่มีปัญหา?” ฉินสือโอวยกบุชขึ้นแล้วถามทุกคนเป็นครั้งสุดท้าย แต่เขาก็ยังคงรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี
ทุกคนเห็นพ้องต้องกัน “ไม่มีปัญหา บุชจะต้องบินได้แน่นอน!”
ขณะนี้บุชที่รู้สึกสับสนอยู่เมื่อครู่ดูเหมือนจะมีความกล้ามากขึ้น มันถูกฉินสือโอวยกขึ้นจนมันต้องหุบปีกและเบิกตากว้าง จากนั้นปากของมันก็งับเข้าหากันแน่น ดูเหมือนมันจะเตรียมพร้อมแล้ว
“ฉันจะนับหนึ่งสองสาม จากนั้นเราจะปล่อยให้บุชบินดีไหม?” เออร์บักพูด
“ดีครับ!” ทุกคนตื่นเต้นมาก เกือบทุกคนต่างก็ยกโทรศัพท์ออกมาเปิดกล้องถ่ายรูปเตรียมบันทึกวิดีโอฉากประวัติศาสตร์นี้เอาไว้
“หนึ่ง สอง สาม บิน!”
หลังจากฉินสือโอวรอให้เออร์บักตะโกนคำว่า ‘เริ่มบิน’ ปีกสองข้างก็กระพือออกก่อนที่เขาจะโยนบุชออกไป
บุชยังคงอยู่ในท่าเดิมเหมือนตอนที่หดตัวอยู่ในมือของฉินสือโอวเมื่อครู่นี้ มันไม่มีการตอบสนองใดๆ เหมือนมะกอกใหญ่ไม่มีผิด หลังจากถูกโยนออกไป มันก็บินกลางอากาศได้เป็นช่วงสั้นๆ ก่อนจะตกลงมาไม่เป็นท่าแล้วหัวคะมำลงบนสนามหญ้า “ตุบ!”
ท่าทางแบบนั้นเหมือนบุชกำลังกระโดดลงน้ำ หัวของมันปักลงไปบนพื้น จนกระทั่งตกถึงพื้นมันจึงกางปีกออกมาพร้อมร้องเสียงหลง “กว๊ากๆ! กว๊ากๆ! กว๊ากๆๆๆ!”
เกินคาด!
……………………………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset