ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 361 ครูฝึกทั้งสาม

บุชถูกกระแทกอย่างแรง นกไม่ทนต่อการร่วงหล่น เหมือนที่วินนี่พูด กระดูกของพวกมันกลวงก็เพื่อลดน้ำหนักและทำให้พวกมันสามารถบินบนอากาศได้ดีขึ้น แต่นั่นก็นำไปสู่การขาดความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของกระดูก
บุชกระพือปีกกรีดร้องและตื่นตระหนก วินนี่จึงรีบเข้าไปกอดมันไว้ในอ้อมอกแล้วเรียกมันว่าลูกสุดที่รัก
อย่างไรก็ตามบุชยังจำได้ว่าเมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้น ครั้งนี้มันจึงไม่ใช้ปีกผลักวินนี่ออกไป
ชาร์คและคนอื่นๆ ดูมึนงงจึงถามออกมา “ทำไมเจ้านี่ไม่รู้จักกางปีกแล้วบินขึ้นไปล่ะ?”
“ใช่สิ มันต้องเรียนรู้ที่จะกางปีกบินนะ…”
“มันคงบินเป็นครั้งแรกสินะ มันก็ไม่เคยเห็นนิมิตส์บินมาก่อน งั้นปล่อยให้มันเรียนรู้ไปเถอะ…”
ฉินสือโอวสนทนากับคนกลุ่มหนึ่งอยู่สักพักก็รู้สึกว่าทุกคนต่างก็มีเหตุผล เมื่อก่อนบุชไม่เคยสังเกตเห็นนิมิตส์บิน ดังนั้นจึงคาดว่ามันคงไม่รู้ด้วยซ้ำเวลาจะบินต้องกางปีกออก หรือมันจะไม่รู้ว่าอะไรเรียกว่าบิน
โชคดีที่ฉินสือโอวเพียงยืนอยู่ในรถ หากยื่นมันออกไปจากเฮลิคอปเตอร์ก็คงสนุกแล้วล่ะ และตอนนี้บุชก็น่าจะกลายเป็นก้อนแป้งเปียกไปแล้ว
ตอนที่มันอยู่ในมือของฉินสือโอวเมื่อครู่นี้มันไม่ขยับเขยื้อนใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าไม่ใช่เพราะมันไม่มั่นใจก็คงเพราะมันตกใจจนมึนงงไปหมด
พอวางบุชลงบนพื้นมันก็รีบพับปีกแล้วย่อตัวลงทันที กรงเล็บขนาดใหญ่ใช้แรงยึดพื้นไว้ขณะที่สายตาก็จับจ้องมองไปยังกลุ่มคนตรงหน้าแล้วอ้าปากร้องกู่กู่ คล้ายจะบอกว่าถ้าพวกคุณยังจะให้ผมบินอีกผมก็จะสู้ตายแล้วนะ
ฉินสือโอวผิวปากเรียกนิมิตส์มาหาเขาและให้มันกับบุชนั่งเรียงกัน จากนั้นก็ผิวปากอีกครั้งแล้วโบกมือขึ้นไปบนฟ้า
นิมิตส์วิ่งเหยาะๆ ออกไปสองก้าวราวกับจรวด มันสยายปีกออกเหมือนเครื่องบิน หลังจากนั้นขาทั้งสองข้างของมันก็กระโดดขึ้นไปแล้วออกแรงกระพือปีกอย่างแรงจนสามารถบินขึ้นไปได้อย่างง่ายดาย
การกระพือปีกครั้งแรกนั้นมีพลังมากที่สุด กระทั่งมันบินตรงขึ้นไปได้สูงสองสามเมตร กำลังในการกระพือปีกหลังจากนั้นก็ไม่ต้องใช้แรงมากอีกต่อไป แต่ความเร็วของมันกลับเพิ่มมากขึ้น มันเผชิญหน้ากับสายลมก่อนจะโผทะยานออกไป…
เมื่อได้เห็นนิมิตส์โบยบิน เออร์บักก็ลูบเคราใต้คางแล้วพูดขึ้นมา “นิมิตส์มีลักษณะดี มันมีพลังมากกว่าสัตว์ประเภทเดียวกัน โดยปกติแล้วนกฟรีเกตยากที่จะทะยานบินจากพื้นราบ ดังนั้นเผ่าพันธุ์ของพวกมันก็เลยชอบอาศัยอยู่บนต้นไม้ หน้าผาสูงชันหรืออาคารสูงระฟ้า และใช้ความสูงเพื่อร่อนทะยานบิน”
นิมิตส์บินบนท้องฟ้ารอบทุกคนสองรอบ จากนั้นมันก็พับปีกของมันเบาๆ แล้วบินลงมา
ฉินสือโอวตบก้นของบุช ขนนกอินทรีทะเลขึ้นครบแล้ว แต่ละเส้นก็แข็งมาก ต่อไปบริเวณศีรษะจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีขาวและลำตัวจะมีสีดำเป็นหลัก เวลานั้นนั้นมันจะมีกรงเล็บและปากสีทอง และกลายเป็นนกอินทรีหัวขาวที่สง่างามในที่สุด
เป็นตายอย่างไรบุชก็ไม่บิน นั่นทำให้ฉินสือโอวร้อนใจมาก มันกระโดดขึ้นมาแล้วโยกสะโพกเผ่นแนบไปเหมือนติดปีกวิ่ง!
เห็นได้ชัดว่าบุชไม่เคยมองว่าตนเองเป็นเจ้าแห่งท้องฟ้า มันรู้สึกว่าการวิ่งบนพื้นดินนั้นสบายกว่าการบินบนท้องฟ้ามากนัก
หรือพูดอีกอย่างก็คือมันปลอดภัยกว่ากันเยอะ
น่าเสียดายที่บุชเป็นนกอินทรีทะเล ถึงมันวิ่งได้เร็วแค่ไหนแต่จะเทียบกับความเร็วของสุนัขได้อย่างไร?
ฉินสือโอวออกคำสั่ง หู่จือและเป้าจือก็รีบวิ่งไปเอาหัวดันแล้วใช้เท้าตะปบจับบุชกลับมาได้อีกครั้ง
นิมิตส์บินไปหาบุช มันไล่หู่จือและเป้าจือออกไปเหมือนมารดาที่กำลังปกป้องบุชเอาไว้ จากนั้นก็เดินรอบๆ บุชแล้วกางปีกออกวิ่งไปด้านหน้าก่อนจะบินขึ้นอีกครั้ง
หลังจากทำซ้ำสองสามครั้ง นิมิตส์ก็ใช้ปีกตบบุชเป็นสัญญาณให้มันออกบิน
บุชยืนขึ้นอย่างไม่เต็มใจ ขาที่ทรงพลังของมันขยับไปมาแต่มันกลับก้าวเท้ากลับวิ่งออกไปอย่างเชื่องช้าเหมือนหญิงสาวในห้องหอ
ฉินสือโอวคิดว่ามันเริ่มมีความกระตือรือร้นแล้วจึงอยากจับบุชไปบนรถเพื่อลองบินอีกครั้งอย่างมีความสุข
วินนี่รั้งเขาเอาไว้แล้วมองไปทางนิมิตส์อย่างเชื่อมั่นก่อนจะพูดขึ้น “ปล่อยให้เสี่ยวหนีจัดการ มันมีความเป็นแม่ และจะสอนบุชให้หัดบินได้”
นิมิตส์สอนบุชตั้งแต่การเริ่มต้นวิ่งและขยับปีกอย่างอดทน แต่บุชก็ไม่เอาไหน มันหนีบก้นและวิ่งก้าวสั้นๆ และยังกระพือปีกเป็นครั้งคราว เห็นแล้วฉินสือโอวก็รู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก
ในที่สุดนิมิตส์ก็โมโห กลยุทธ์พุทราและไม้กระบองจึงเริ่มต้นขึ้น หลังจากกินพุทราเสร็จ ก็ต้องใช้ไม้กระบองตี!
บุชแสร้งทำเป็นวิ่งเหยาะแหยะอยู่กับที่ นิมิติส์เลยพุ่งไปทางด้านหลังแล้วใช้ปีกตบจนบุชลงไปกองอยู่กับพื้น
นิมิตส์ส่งเสียงกู่กู่ออกมาด้วยความโกรธ ปากแหลมคมจิกไปที่บุชอย่างโหดเหี้ยมจนทำให้มันวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตเหมือนหนูตัวเล็กๆ
ในครั้งนี้บุชยอมทำตามแต่โดยดี นิมิตส์หยุดปาก มันยืนอยู่ข้างๆ อย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นนิมิตส์ก็เป็นผู้นำวิ่ง และมีบุชวิ่งตามอย่างรวดเร็ว และในที่สุดมันก็พัฒนาไปอีกขั้น
นกอินทรีหัวขาวเป็นหนึ่งในนกอินทรีที่ขาและเท้าแข็งแรงมากที่สุด พวกมันมีกรงเล็บใหญ่ที่น่ากลัวสองข้างจนแม้แต่กวางและแพะภูเขาก็ยังสามารถจับมาได้ นี่มันแข็งแกร่งจนหาตัวจับยากจริงๆ! แต่ขาและเท้าของนกฟรีเกตอ่อนแอมาก ทว่านิมิตส์ได้ถูกพลังโพไซดอนเปลี่ยนแปลง มันจึงสามารถเริ่มบินจากพื้นดินได้ นกประเภทเดียวกันกับมันไม่สามารถทำได้แบบนี้แน่นอน
หลังจากบุชก้าวย่างตามนิมิตส์ นิมิตส์ก็กระพือปีกสองข้าง บุชเองก็กระพือปีกด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าจะกระพือปีกมั่วๆ แต่อย่างไรมันก็ก้าวหน้าขึ้น
มันใช้แรงกระพือปีกทั้งสองข้างอย่างแรง นิมิตส์ก้าวกระโดดแล้วออกบิน ส่วนบุชก็กระพือปีกบินอย่างแรงก่อนจะกระโดดขึ้นสูงราวๆ ห้าเซนติเมตร จากนั้นก็ตกลงมาร้องเสียงหลงอย่างเงอะงะพลางเงยหน้ามองไปที่นิมิตส์ที่กำลังบินอยู่
นิมิตส์บินลงมาสอนบุชอีก แต่ก็ไร้ประโยชน์ บุชไม่สามารถกระโดดได้ในครั้งสุดท้ายและบินไม่ขึ้นอยู่ดี
ตอนนี้ถึงคราวของฉินสือโอวออกโรงแล้ว เขาอุ้มบุชขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เขาไม่ได้ยืนบนรถ แต่เขายกมันขึ้นเหนือศีรษะแทน จากนั้นแขนทั้งสองข้างก็ออกแรงส่งโยนบุชให้บินออกไปอย่างระมัดระวัง
ที่นิมิตส์สอนนั้นได้ผล บุชเรียนรู้ที่จะกระพือปีก หลังจากถูกฉินสือโอวโยนขึ้นมันจึงเริ่มกระพือปีกอย่างเมามัน…
ฉินสือโอวและคนอื่นๆ ต่างก็มีความสุข และผลสุดท้ายบุชก็ยังคงกระพือปีกอย่างเอาเป็นเอาตายพร้อมร่วงลงไปบนพื้นเหมือนมะกอกลูกใหญ่…
“ตุบ!” มันตกลงบนพื้นหญ้าอีกครั้ง!
คราวนี้มันไม่เจ็บเพราะถึงแม้บุชจะกระพือปีกบินไม่ได้ แต่มันก็สามารถลอยในอากาศได้ จึงลดแรงกระแทกและตกลงมาจึงไม่เจ็บมาก
วินนี่กะพริบตา และนึกขึ้นได้ในที่สุด “บุชนั้นอ้วนเกินไป ความแข็งแรงของปีกก็เลยไม่เพียงพอที่จะหนุนการบินของมันได้”
ฉินสือโอวพูดอย่างอึดอัดใจ “ใช่ เมื่อตะกี้ผมก็พูดในรถแล้ว บุชอ้วนเกินไปนิดหน่อย จะให้มันลดน้ำหนักก่อนแล้วค่อยให้มันฝึกบินไหม คุณก็ยังบอกอยู่เลยว่าไม่จำเป็น”
วินนี่กอดบุชไว้ เธอจัดขนที่ยุ่งเหยิงของมันให้เป็นระเบียบพลางขอโทษมัน “เอาล่ะ แม่ผิดไปแล้ว วันนี้เราไม่ฝึกบินแล้ว กลับไปลดน้ำหนักกันเถอะนะ!”
เธอพูดพลางมองไปยังฉงต้าก่อนจะพูดอย่างเข้มงวด “นายด้วย พวกนายลดน้ำหนักด้วยกันก็แล้วกัน! ดูสิอ้วนอย่างกับอะไรแล้ว? แล้วยังจะกินเข้าไปอีก ขืนกินเข้าไปอีกได้อ้วนเหมือนตอม่อแน่!”
ฉงต้ากะพริบตานอนหมอบอยู่บนพื้นอย่างไร้เดียงสา จริงๆ เลย นอนอยู่เฉยๆ ก็โดนไปด้วย ทำไมอยู่ๆ ก็ย้อนเข้าตัวมันได้นะ? กำลังแกล้งบุชกันอยู่ไม่ใช่เหรอ?
มันเข้าใจว่าถึงคิวของมันแล้วจึงลุกขึ้นยืนแสดงความเป็นพี่ใหญ่ มันหันไปทางบุชแล้วร้องคำรามออกมาสองทีเหมือนขู่ให้มันรีบๆ ฝึกให้บินได้เร็วที่สุด
แต่ก็ไร้ประโยชน์ คราวนี้มันก็ตกอยู่ในบัญชีดำด้วย
……………………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset