ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 370 มอบให้แก่พวกเขา

ในที่สุดฉินสือโอวก็เข้าใจว่าทำไมวินนี่ถึงต้องให้ความสำคัญกับการทำผมนัก ผมทรงนี้เป็นทรงเดียวกับตอนที่พวกเขาเจอกันครั้งแรกนั่นเอง
“ดูดีไหม?” วินนี่ยิ้มเบาๆ
ฉินสือโอวพยักหน้าอย่างแรงแล้วพูด “เหมือนได้ย้อนกลับไปเมื่อแปดเดือนก่อนตอนที่เจอกันครั้งแรกเลย ตอนนั้นคุณก็ทำผมแบบนี้แถมยังสวยสะดุดใจสุดๆ ด้วย ที่รัก ผมนึกว่าผมได้เจอกับนางฟ้าที่สวยที่สุดซะอีก!”
วินนี่รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองเมื่อได้ฟังว่าฉินสือโอวยังจำลักษณะของตัวเองในตอนที่เจอกันครั้งแรกได้ แต่พอได้ยินคำพูดเกินจริงข้างหลังวินนี่ก็รู้สึกว่าหนุ่มคนนี้กำลังหยอดคำหวานเลยค้อนหนุ่มแสบคนนี้ไปทีหนึ่ง
ฉินสือโอวอยากจะทำมือปลาหมึกแต่วินนี่ก็ยั้งเขาไว้พร้อมขมวดคิ้วแล้วพูดออกมา “ขอโทษค่ะคุณผู้ชาย บริการที่สายการบินแคนาดาของเราจัดไว้ให้ไม่ได้รวมพวกบริการแบบในจินตนาการของคุณเอาไว้ด้วย ถ้าต้องการอาหารหรือเครื่องดื่มฉันเอามาให้ได้ แต่ยกเว้นอะไรพวกนี้ค่ะ”
ทั้งสองหยอกเย้าเล่นสนุกกันตั้งแต่บนพื้นจนถึงบนเตียง แต่ต่อมาเสียงดังไปหน่อยเป้าจือและหู่จือที่เดินเล่นอยู่ด้านนอกได้ยินเสียงนั้นเข้าจึงผลักประตูกระโดดเข้ามา
พอเห็นเจ้าลูกหมาทั้งสองปรากฏตัวเข้ามา วินนี่ที่ชุดหลุดลุ่ยออกในระหว่างเล่นสนุกก็รีบติดกระดุมใหม่ให้เรียบร้อยพลางบ่นออกมา “คุณนะคุณ ทำไมไม่ปิดประตูให้ดีล่ะ? น่าเกลียดจริงๆ! โชคดีที่เป็นเด็กโง่ไม่กี่ตัวนี้ที่เข้ามา ถ้าเป็นพวกเชอร์ลี่ย์เข้ามาจะทำยังไง?”
ฉินสือโอวมองประตูห้องอย่างประหลาดใจแล้วพูดขึ้น “เป็นไปไม่ได้หรอก ผมปิดประตูแล้วชัดๆ”
วินนี่พูดอย่างไม่พอใจ “ความเป็นจริงก็เห็นๆ อยู่ คุณยังจะกล้าปากแข็งอีกเหรอ? ช่างกล้านักนะ หู่จือเป้าจือ ไปจับตัวมาให้ฉัน!”
เธอเท้าเอวด้วยมือหนึ่งขณะที่อีกมือก็ชี้ไปที่ฉินสือโอวพลางออกคำสั่งกับหู่จือและเป้าจือ แลบราดอร์เป็นสุนัขที่ชอบตื่นตัวมากจนเกินไป ในหมู่บ้านก็มักจะเห็นสุนัขประเภทนี้ไปเล่นกับสายพันธุ์อื่นอย่างร่าเริงและเป็นมิตรแล้วถูกตัวอื่นเห่าใส่
เมื่อได้ยินคำสั่งของวินนี่ หู่จือกับเป้าจือก็ตอบโต้ด้วยการเห่าออกมาอย่างร่าเริงสองครั้งแล้วพุ่งจู่โจมทางซ้ายและขวาของฉินสือโอว
ฉินสือโอวหัวเราะออกมาอย่างหนักพลางขัดขืน แต่เจ้าสองตัวนี้ฉลาดมาก ครู่เดียวมันก็ทำเอาเขามึนไปหมดแล้วพุ่งเข้าโจมตีจนเขาล้มลงไปบนเตียง วินนี่เห็นแบบนั้นก็ถือโอกาสขึ้นไปแกล้งฉินสือโอวด้วย แต่ผลสุดท้ายกลับถูกดึงจนล้ม หู่จือและเป้าจือก็เบลอจนไม่สนใจเป้าหมายและไปสู้กันเองแล้ว!
เมื่อเล่นจนพอใจแล้วฉินสือโอวจึงไล่หู่จือและเป้าจือออกไปจากห้องนอน แต่เจ้าหนูทั้งสองตัวยังเล่นไม่หนำใจจึงจงใจทำเป็นไม่ได้ยินฉินสือโอว พวกมันเล่นกันเองแล้วกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนพรมของห้องนอน
วินนี่มีความสุขมากจนต้องตะโกนออกมาเสียงดัง “สู้ๆ สู้ๆ หู่จือล้มเป้าจือให้ได้! เป้าจือวิ่งเร็วเข้า ว้าว พ่อจะจับพวกหนูสองตัวแล้ว พวกหนูวิ่งเร็วๆหน่อยสิ วิ่งมาในอ้อมกอดแม่เร็ว ปกป้องแม่เร็วเข้า……”
ฉินสือโอวพูดอย่างจนใจ  “คุณเลิกเล่นได้ไหม”
วินนี่ทำปากยู่แล้วพูดอย่างไม่พอใจ “ก็คุณอยากจะแกล้งฉันเองนี่นา ลูกอยู่ที่นี่จะได้ปกป้องฉันได้ ฉันอยากให้พวกเขาอยู่”
ฉินสือโอวพุ่งเข้าไปอุ้มเจ้าสองแสบแล้วเอาพวกมันไปไว้ด้านนอกประตูก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ไม่ได้ จะให้พวกเขาทำลายวันดีๆ ของเราไม่ได้”
หลังจากเอาพวกลูกหมาออกไปแล้วฉินสือโอวก็ปิดประตูเต็มแรงแล้วหันกลับมายิ้มพลางมองไปทางวินนี่พร้อมเผยให้เห็นความคาดหวังบนใบหน้า
จากนั้นพอเขากำลังจะกระโดดขึ้นเตียงเขาก็ได้ยินเสียง ‘ก๊อกก๊อก’ ดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขาและวินนี่หันไปมองด้วยความตกใจก็เห็นว่าลูกบิดประตูห้องถูกหมุนเปิดออก จากนั้นหัวปุกปุยเล็กๆ ทั้งสองก็ค่อยๆ โผล่ออกมา หู่จือและเป้าจือกอดลูกบิดพร้อมแยกเขี้ยวยิ้มอย่างโง่งมอยู่ด้านนอกประตูห้อง
ฉินสือโอวตื่นแต่เช้า แต่เมื่อเห็นว่าในห้องนอนมีแต่เสื้อผ้า รองเท้าและถุงเท้าโยนอยู่ทั่วก็อดขำไม่ได้ เขาเปิดม่านขึ้นปล่อยให้แสงแรกยามเช้าสาดส่องเข้ามา
ตอนนี้ฟ้าสว่างค่อนข้างช้า ตอนเช้าจึงยังหนาวอยู่มาก ฉินสือโอวเลยเปลี่ยนตารางการใช้ชีวิตมาเป็นการตื่นตอนเจ็ดโมงแล้ว
อันที่จริงเขาตื่นหกโมงเช้าเหมือนเดิมก็ได้ไม่มีปัญหา แต่วินนี่ไม่ไหว ทุกคืนทั้งสองต้องนัวเนียกันอยู่นานวินนี่เลยต้องการการนอนหลับให้เพียงพอมากขึ้น
แสงอาทิตย์สาดส่องลงบนใบหน้างดงามของวินนี่ ผิวของเธอเนียนละเอียดดุจหยกที่งามจนน่าปวดใจ
ฉินสือโอวมองเธออย่างอ่อนโยนแล้วก้มตัวลงจูบ วินนี่ลืมตาขึ้นมาอย่างกะทันหันแล้วเบือนหน้าหนีไปอย่างรวดเร็วจนหลบริมฝีปากของฉินสือโอวได้พอดี จากนั้นเธอก็คว้าหมอนข้างที่อยู่ในผ้าห่มมากั้นหน้าของฉินสือโอวเอาไว้พลางหัวเราะออกมา
ฉินสือโอวพูดจาข่มขู่เมื่อหาบัตรสมาชิกวีไอพีสายการบินแคนาดาและบัตรแบล็ก อาเม็กซ์ของตัวเองเจอ “ซื่อสัตย์หน่อยสิ บริการคุณชายใหญ่ให้ดีๆ ไม่อย่างนั้นผมจะร้องเรียนคุณอย่างไม่หยุดเลย”
วินนี่ใช้แขนสองข้างกอดอกอย่างน่าสงสารแล้วพูดออกมาอย่างอ่อนหวาน “อย่าร้องเรียนได้ไหมคะ? ฉันต้องการงานนี้มาก ฉันมีแฟนปัญญาอ่อนที่ต้องเลี้ยงดู แถมที่บ้านยังมีลูกอีกหนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก เอ่อ… หลายคนเลยค่ะ คุณจะทำอะไรก็ได้ แค่อย่าร้องเรียนฉันก็พอ…”
“โอ้โห คุณมันปีศาจสาวจอมยั่วยวน!” ฉินสือโอวกระโดดขึ้นไปอีก
วินนี่พลิกตัวหลบอย่างรวดเร็วแล้วสวมชุดนอนวิ่งออกไปพร้อมเสียงหัวเราะ ฉินสือโอวกลัวว่าจะเจอเออร์บักหรือพวกเด็กๆ จึงไม่ได้แกล้งลวนลามเธอต่อ หลังจากอาบน้ำเสร็จเขาก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปออกกำลังกาย
ขณะกำลังทานอาหารเช้าเขาก็ได้รับสายจากบิลลี่ “ฉิน เมื่อวานฉันไปร่วมงานเลี้ยงของตระกูลสเตราส์มา นายมีแผนจะทำอะไรกับจดหมายของเนท สเตราส์ฉบับนั้นหรือเปล่า ถ้าจะขาย วันนี้ฉันสามารถออกประมูลราคาได้เลย”
จดหมายของคุณชายสเตราส์ฉบับนี้ต้องมีมูลค่ามากแน่นอน ฉินสือโอวมั่นใจว่าถ้าประมูลคงขายได้สักหนึ่งล้านปอนด์เลยทีเดียว ถึงแม้เบลคจะคิดว่าราคาสูงสุดของจดหมายจะประมูลได้ห้าล้านดอลลาร์สหรัฐก็ตาม
แต่ฉินสือโอวไม่คิดจะประมูลขายด้วยเหตุผลสามข้อด้วยกัน
ข้อหนึ่งคือเขาชื่นชมการวางตัวของคุณหญิงสเตราส์ ในฐานะมหาเศรษฐีอันดับต้นๆ เธอยังสามารถรักษาความสดใสและมีชีวิตชีวาในช่วงระหว่างความเป็นและความตายไว้ได้ นี่เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก
ข้อสองตามกฎหมายของประเทศแคนาดาและสหรัฐอเมริกา สมบัติบนเรือไททานิคที่จมลงต้องประมูลขายทั้งหมด ไม่อนุญาตให้ขายออกไปของแค่ชิ้นเดียว ถ้าต้องการจะขายก็ต้องไปที่ตลาดมืด
ข้อสามฉินสือโอวคิดว่าจดหมายฉบับนี้จะทำให้ตัวเองได้เส้นสายเครือข่ายบ้าง สำหรับเขาแล้วนี่เป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่าทอง
ทั้งๆ ที่การค้นหาสมบัติที่จมไปเป็นเรื่องของเขาเอง แต่ทำไมเขายังต้องลากบิลลี่ เบลคและแบรนดอนมาด้วย? เพราะเขาต้องการพันธมิตรแบบนี้และมีเพียงผลประโยชน์ร่วมกันเท่านั้นถึงจะสามารถมัดพันธมิตรพวกนี้เอาไว้รวมกันได้ แบบนี้ต่อไปเมื่อเขาเจอปัญหาอะไรก็จะมีคนร่วมเผชิญปัญหาเพิ่มขึ้นอีก
ยกตัวอย่างเช่น การขายยาเสพติด ทำไมพ่อค้ายาเสพติดที่ขายยาไอซ์ [1]ยาเค[2] อะไรพวกนี้ไม่เคยเป็นกระแสใหญ่โตเลย ฝั่งตำรวจทหารก็บอกจะจับได้ก็จับ ยิงได้ก็ยิง แต่พ่อค้ายาเสพติดที่สร้างเนื้อสร้างตัวจากการขายฝิ่นกลับสามารถครองอำนาจที่ทำให้ทหารรัฐบาลในท้องถิ่นหรือแม้แต่กองกำลังทหารของสหรัฐอเมริกาต้องจนปัญญาได้
เหตุผลมันก็เรียบง่ายมาก การผลิตยาเสพติดจากสารเคมีอย่างยาไอซ์นั้นไม่ยาก มีเพียงไม่กี่คนก็สามารถรวมกันเป็นกระบวนการธุรกิจได้แล้ว หากต้องการจัดการกับพวกเขาก็ทำได้ไม่ยาก แค่กำจัดคนสำคัญหลักๆ ไม่กี่คนก็เรียบร้อยแล้ว
แต่ฝิ่นกลับแตกต่างออกไป สิ่งนี้ต้องใช้คนเป็นพันหรือแม้แต่เป็นหมื่นถึงจะทำได้สำเร็จ ตั้งแต่ผู้เพาะปลูกไปจนถึงผู้จำหน่ายในท้ายที่สุดจนกลายเป็นกลุ่มผลประโยชน์ขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลของแต่ละประเทศหรือตำรวจสากลที่ต้องการจัดการกับกลุ่มผลประโยชน์ที่ใหญ่ขนาดนี้ล้วนต้องลำบากเป็นอย่างมาก
เมื่อพิจารณาเรื่องพวกนี้แล้วฉินสือโอวก็พูดกับบิลลี่ “นายบอกกับคุณชายสเตราส์ไปว่าเดิมทีจดหมายพวกนี้เป็นของพวกเขา ฉันแค่ได้มาโดยบังเอิญ ถ้าพวกเขาต้องการก็มาเอาที่เมืองเซนต์จอห์นได้เลย”
บิลลี่เข้าใจความหมายของเขาได้อย่างชัดเจนจึงพูดพลางหัวเราะ “ไม่มีปัญหา ฉิน นายเป็นคนดีและก็เป็นนักธุรกิจที่ดีด้วย ฮ่าฮ่า ฉันรับประกันได้เลยว่าการมอบจดหมายฉบับนี้ให้ตระกูลสเตราส์ดีกว่าการขายให้พวกเขาแน่นอน”

……………………………………………………

[1] ยาไอซ์ คือ สารเสพติดประเภทกระตุ้นประสาทหนึ่งที่มีชื่อทางเคมีว่า “เมทแอมเฟตามีน(Methamphetamine)” อยู่ในรูปผลึกใสเหมือนน้ำแข็ง
[2] ยาเค คือ สารเสพติดที่นิยมเสพโดยการสูดดม หรือสูบควันเข้าไป ออกฤทธิ์ภายใน 15 นาที ปกติแพทย์มักนำมาใช้เป็นยาสลบ ยาเคมีฤทธิ์หลอนประสาท

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset