ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 372 คำขอบคุณจากสเตราส์

ฉินสือโอวตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “ไม่หรอก คนอังกฤษ ผมแค่อยากบอกคุณเรื่องหนึ่ง มีโรงงานเคมี 2 แห่งอยู่ถัดไปจากที่ของคุณ ความจริงแล้วผมสั่งปิดเอาไว้ และในเมื่อผมสามารถสั่งปิดพวกมันได้ ผมก็สามารถสั่งเปิดพวกมันอีกครั้งได้เหมือนกัน”
ในเมื่อตกลงกันไม่ได้ มิตรภาพระหว่างผู้ซื้อผู้ขายก็อย่าได้คิดจะเหลือให้แก่กันเลย สิ่งที่ฉินสือโอวยึดมั่นคือคุณให้เกียรติผม ผมก็ให้เกียรติคุณตอบ แต่ในเมื่อคุณยื่นเท้ามาขัดขากันถ้าผมจะเหยียบเท้านั้นก็อย่าหาว่าผมทำเกินไปแล้วกัน
เมื่อได้ยินฉินสือโอวพูดเช่นนั้น อัลเบิร์ตมองไปที่เขาด้วยสายตาที่เหยียดหยาม “นี่คนจีน คุณขู่ผมเหรอ?”
ฉินสือโอวยักไหล่กรอกตาขาวไปให้คนพุงใหญ่คนนี้ เดินกลับขึ้นรถปิดประตูใส่แล้วจากไป
อัลเบิร์ตมองดูรถคาดิลแลควันที่กำลังแล่นออกไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขาหันกลับมาหาแฮมเล็ตที่เมื่อกี้ทำท่าเหมือนจะพูดอะไร แต่สุดท้ายแฮมเล็ตก็แค่ยักไหล่ ก้าวขึ้นรถคัมรี่แล้วขับออกไปทิ้งไว้เพียงไอเสียของรถเท่านั้น
ตอนนี้ อัลเบิร์ตโกรธจนหน้าเขียว
ฉินสือโอวกลับมาถึงฟาร์มปลาได้ไม่นาน ฝูงห่านขาวก็ส่งเสียงร้องดังขึ้น เห็นได้ชัดว่ามีคนจากข้างนอกเข้ามา
ฉินสือโอวออกไปดู ก็พบว่าเป็นนายกแฮมเล็ตที่กำลังขับรถคัมรี่เข้ามา ท่าทางที่สุขุมของเขาตอนนี้ได้หายไปหมดแล้ว เขาลงจากรถแล้วไปเหยียบเข้ากับฝ่าเท้าของห่านตัวหนึ่ง ฝูงห่านพวกนั้นจึงเริ่มจู่โจมเขา
ฉินสือโอวผิวปาก บุชจึงกระโดดพรวดพราดเข้ามาช่วยไล่ฝูงห่านที่กำลังไล่ตามแฮมเล็ต
ช่วงนี้บุชกำลังฝึกบินกับนิมิตส์ มันใช้อำนาจข่มขู่ฝูงห่านจนทำให้พวกมันหวาดกลัวไม่น้อย ขอแค่ห่านฝูงนี้ไม่คลั่งหนักมันจะสามารถควบคุมห่านพวกนี้ได้
แฮมเล็ตเดินไปอย่างหวาดกลัวกับรองเท้าหนังมันวาวที่ยับเยิน “ห่านที่นายเลี้ยงทำไมถึงกัดรองเท้าคนล่ะ?”
“มันไม่ไปอึใส่รองเท้าคุณก็ดีแค่ไหนแล้ว” ฉิวสือโอวกล่าวอย่างเยือกเย็น
แฮมเล็ตกลัวจนตัวสั่นรีบวิ่งเข้าไปในห้อง เพื่อเลี่ยงฝูงห่านขาวที่กำลังจ้องเขม่นเขามาแต่ไกล
ฉินสือโอวชงชาให้แฮมเล็ต เขาจิบอย่างพอใจแล้วเปิดปากเอ่ยเข้าเรื่องทันที “ดูท่าแล้ว นายทำให้อัลเบิร์ต เพื่อนของฉันไม่พอใจอยู่นะ เมื่อกี้สะใจก็จริง แล้วตอนนี้นายรู้สึกเสียใจภายหลังไหม?”
“ใช่ ผมเสียใจ เสียใจที่ไม่ได้เอาห่านขาวไปกับผมด้วย” ฉินสือโอวว่า
ชาที่แฮมเล็ตกำลังดื่มเข้าปากไปก็พุ่งออกมา
ฉินสือโอวถามด้วยความแปลกใจ “ผู้ชายคนนั้นเป็นสุนัขบ้าเหรอ? ทำไมเขาถึงดุร้ายกับผมนัก? ผมไปทำร้ายลูกชายเขาหรือไปวอแวลูกสาวเขาหรือไง?”
ท่าทางที่อัลเบิร์ตเพิ่งแสดงออกมา มันไม่ต่างจากการเหยียดเชื้อชาติ ไม่สมกับเป็นนักธุรกิจเลยด้วยซ้ำ
แฮมเล็ตกล่าวอย่างเต็มไปด้วยพลัง “ที่ฉันมาก็เพื่ออธิบายเรื่องนี้กับนาย ฉันรู้เหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมเขาถึงไม่ชอบนาย รู้ไหมว่าอัลเบิร์ตซื้อฟาร์มปลาแกธเธอริงเมื่อไร? เมื่อ 22 ปีก่อน จริงๆ แล้วตอนนั้นฟาร์มปลาที่เขาเลือกไม่ใช่ฟาร์มปลาแกธเธอริงที่ตรงนั้นหรอก แต่เป็นฟาร์มปลาต้าฉินของนายต่างหาก”
คนฉลาดไม่จำเป็นต้องพูดเยอะ ฉินสือโอวเข้าใจในทันที “คงต้องเป็นตอนที่เขามาเยี่ยมคุณปู่ของผม แล้วท่านไม่ต้อนรับสินะ”
แฮมเล็ตหัวเราะแหยแล้วเอ่ยต่อ “อาจจะไม่ใช่แค่ปิดประตูไม่ต้อนรับง่ายๆ แบบนั้นก็ได้ จากที่ได้ยินมาตอนนั้นอัลเบิร์ตถูกคุณปู่ของนายอบรมไปยกหนึ่งด้วย”
ฉินสือโอวส่ายหัว “ช่างเถอะ เรื่องนี้ผมจะไม่พูดถึง แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไรผู้ชายคนนั้นทำเกินไปแล้ว เรื่องแค่นี้คิดไม่ถึงว่าเขาจะแค้นมา 20 กว่าปีเลยเหรอ? ถ้าเขามีความสามารถก็ให้เขาไปเถียงกับคุณปู่ผมที่โลกหน้าสิ แล้วจะมาเถียงกับผมทำไม?”
นอกจากจะมาอธิบายเหตุผลที่อัลเบิร์ตมีท่าทีไม่ชอบฉินสือโอวตอนก่อนหน้านี้แล้ว แฮมเล็ตยังมาที่ฟาร์มปลาเพื่อปลอบใจเขาเพราะคำพูดที่ฉินสือโอวบอกว่าจะเปิดโรงงานเคมีอีกครั้งทำให้เขากลัว
ฉินสือโอวหัวเราะขึ้นเมื่อรู้เหตุผล เขาก็แค่ขู่อัลเบิร์ต จริงๆ เขาก็แค่ปากไวไปเท่านั้น โรงงานเคมีจะเปิดอีกครั้งได้อย่างไร?
คุยกันได้ไม่นานแฮมเล็ตก็เตรียมตัวกลับ เมื่อเดินไปถึงรถห่านขาวตัวหนึ่งโผล่ออกมาจากท้ายรถ ห่านตัวนั้นเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความหยิ่งยโส แล้วมันก็สะบัดก้นอึใส่บนรองเท้าของแฮมเล็ตพอดิบพอดี…
ฉินสือโอวตกใจจนหน้าถอดสี แฮมเล็ตชายผู้เป็นสุภาพบุรุษคนนี้เกือบถูกบีบให้ต้องระเบิดอารมณ์ออกมา เขารีบขึ้นรถและเร่งความเร็วออกจากฟาร์มปลาอย่างกับกำลังแข่งรถอยู่ เดาว่าต่อไปเขาคงจะไม่มาที่นี่ง่ายๆ อีก
หลังอาหารกลางวัน ฉินสือโอวได้รับโทรศัพท์ของบิลลี่ เขาพาคนในตระกูลสเตราส์มาที่เซนต์จอห์น
คนในตระกูลสเตราส์ได้รู้ว่าจดหมายครอบครัวที่เขียนโดยบรรพบุรุษของครอบครัวเขาบนเรือไททานิกในตอนนั้นได้ปรากฏขึ้น จึงขอให้บิลลี่รีบพามาทันที สมกับที่เป็นครอบครัวใหญ่ในสหรัฐอเมริกา บินด้วยเครื่องบินเหมาลำโดยตรงข้ามประเทศมา นี่สิถึงเรียกว่าทำการใหญ่
นอกจากเที่ยวบินเช่าเหมาลำ หลังจากเดินทางมาถึงเซนต์จอห์น ครอบครัวสเตราส์ยังเช่าเรือโดยสารเหมาลำขนาดเล็กบึ่งตรงมายังเกาะแฟร์เวล
มันเป็นการดีที่มีท่าเรือในฟาร์มปลาของตัวเอง ฉินสือโอวไม่จำเป็นต้องต้อนรับอย่างใหญ่โต เขารออยู่บนชายหาดและพลางหาไข่ของนกจมูกหลอดหางสั้นไปด้วย เมื่อเรือโดยสารมาถึงเขาก็วางตะกร้าไว้แล้วไปที่ท่าเรือ
มีเพียงผู้ชายแค่สองคนที่มาพร้อมกับบิลลี่ แต่ภูมิหลังของพวกเขาเป็นคนใหญ่คนโต คนที่ดูมีอายุเป็นผู้คุมท้ายเรือของตระกูลสเตราส์ในตอนนี้ เขาคือสกอตต์ สเตราส์หลานชายของนาธาน สเตราส์ และชายวัยกลางคนคือเคอร์ สเตราส์ ลูกชายของเขา ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นซีอีโอของห้างสรรพสินค้าเมย์ซีคนปัจจุบัน
เหตุเพราะคู่สามีภรรยาสเตราส์ ฉินสือโอวแสดงออกถึงการให้ความเคารพต่อแขกที่มาเยี่ยมทั้งสองโดยเป็นฝ่ายยื่นมือออกมาจับมือทักทายก่อนหลังจากที่พวกเขาลงจากเรือพร้อมกับเอ่ย “ยินดีต้อนรับทั้งสองท่านสู่ฟาร์มปลาของผมครับ”
สกอตต์ สเตราส์ ชายอายุเจ็ดสิบกว่า เขายิ้มขึ้นพร้อมจับมือกับฉินสือโอว เขาชื่นชมฟาร์มปลาของฉินสือโอวและเกาะแฟร์เวลที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ เขายังพูดชมความงามและบุคลิกภาพของวินนี่ด้วย ซึ่งแน่นอนว่านี่ไม่ใช่การประจบ
จากนั้น เขาเอ่ยถึงความต้องการอ่านจดหมายครอบครัวของปู่ด้วยความร้อนใจ
ฉินสือโอวหยิบจดหมายครอบครัวฉบับหนาออกมาจากเครื่องสุญญากาศอาร์กอน เมื่อเห็นสัญลักษณ์จางๆ ของตระกูลสเตราส์และลายเซ็นปิดท้ายบนซองจดหมาย ทันใดนั้นดวงตาของสกอตต์ก็เริ่มมีน้ำตาคลอออกมา
หลักฐานวันที่ทิ้งท้ายจดหมายฉบับนี้ คือวันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2455 มันถูกเขียนขึ้นในวันที่ไททานิกจมทะเล ไม่แปลกใจเลยที่จดหมายฉบับนี้จะมีค่ามาก
สองพ่อลูกเงียบไปพักหนึ่งหลังจากอ่านจดหมายนี้ สุดท้ายสกอตต์จึงหันไปถามฉินสือโอว “ขอโทษที่เสียมารยาท ผมอยากทราบว่าคุณได้รับจดหมายฉบับนี้มาได้อย่างไร?”
ฉินสือโอวคิดคำตอบอยู่นาน นี่คือคำตอบหลังจากการสนทนากับบิลลี่ “บังเอิญเมื่อหลายวันก่อนผมขับเฮลิคอปเตอร์ไปสำรวจฟาร์มปลา แล้วสังเกตเห็นวัตถุขนาดใหญ่ลอยอยู่ในทะเล ตอนแรกผมคิดว่ามีคนมาขโมยปลา แต่สุดท้ายก็พบว่ามันคือซากฉลามวาฬตัวหนึ่งที่ตายแล้ว ซึ่งผมเจอกล่องเก็บจดหมายฉบับนี้อยู่ในท้องของมัน”
“หลังจากที่คุณได้รับจดหมายนี้ คุณสามารถส่งไปยังตลาดมืดได้ เท่าที่ผมรู้ จดหมายแบบนี้สามารถขายในตลาดมืดได้ราคาสูงจนน่าตกใจ” เคอร์ สเตราส์กล่าว
ฉินสือโอวหัวเราะขึ้น “ผมไม่ได้ขาดแคลนเงินหรอกนะ อีกอย่างผมจะไม่ทำลายเกียรติของสุภาพบุรุษผู้สูงส่งด้วยวิธีการเช่นนั้น ผมเชื่อว่าไม่ว่าใครที่มีคุณธรรมหลังจากได้รับของจากสามีภรรยาสเตราส์ก็จะคืนให้ครอบครัวของพวกเขาทันที”
วินนี่กล่าวเสริมด้วยความจริงใจ “แฟนของฉันพูดถูก นี่เป็นสิ่งที่เราควรทำ เมื่อเทียบกับทุกอย่างที่สามีภรรยาสเตราส์ทำเมื่อตอนที่เรืออับปาง สิ่งที่เรากำลังทำอยู่ตอนนี้เทียบอะไรไม่ได้เลย”
……………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset