ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 379 ไม่ได้มาเสียเที่ยว

วิลอธิบายให้ฉินสือโอวฟัง การอาบยางมะตอยคือเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อในท้องถิ่น เดิมทีสิ่งนี้ถูกค้นพบโดยชาวพื้นเมืองอินเดียนแดง เป็นวัสดุที่นำมาใช้ในการกันน้ำสำหรับอ่างอาบน้ำ
ต่อมาค้นพบว่า เมื่อทายางมะตอยที่เพิ่งไหลออกมาลงไปหนึ่งชั้นขณะอาบน้ำ หลังจากล้างออกแล้วจะทำให้รู้สึกสดชื่นและกระฉับกระเฉง ในระยะยาวจะมีเป็นผลดีต่อผิวหนัง
ฉินสือโอวรู้สึกว่านี่ไม่น่าเชื่อถือ ในยางมะตอยไม่ได้มีสารประกอบเคมีจำพวกเบนซิน เบนโซไพรีนอะไรพวกนั้นหรอกเหรอ? เขาจำได้ว่าของพวกนี้เป็นสารที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง
จึงพูดข้อสงสัยของตัวเองให้วิลฟัง วิลยักไหล่แล้วตอบเขาว่า “บางทียางมะตอยจากธรรมชาติอาจจะไม่เหมือนกันกับยางมะตอยจากอุตสาหกรรมเคมี ใครจะรู้หลักการที่แน่ชัดของมันกันล่ะ? ถึงยังไงฉันก็เคยได้ยินมาว่ายางมะตอยพวกนี้มีจุลินทรีย์อยู่ในนั้น มันสามารถกินเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วของคนเข้าไป จึงใช้เพื่อช่วยเสริมความงามได้”
ฉินสือโอวลองส่องกระจกดู หน้าขาวๆ เด้งๆ อมชมพูของตัวเอง ถ้าเขาหล่อกว่านี้ขึ้นอีกนิดแล้วพวกผู้ชายคนอื่นๆ จะอยู่กันยังไงเล่า? แต่ก็ช่างหัวพวกนั้นปะไร หล่อขึ้นอีกนิดก็ดีเหมือนกัน เขาจะอาบ!
ราคาของโรงแรมอยู่ที่ 120 ดอลลาร์ต่อคืน เจ้าของโรงแรมถามฉินสือโอวว่าอยากจะเพิ่มบริการพิเศษอะไรไหม แบบที่ดีที่สุดต้องเพิ่มเงิน 200 ดอลลาร์
ฉินสือโอวหน้าใหญ่ใจป๋า เขาตอบกลับไปว่า “เอาแบบที่ดีที่สุด เงินไม่ใช่ปัญหา!”
เจ้าของโรงแรมรับเงินมาพร้อมทั้งยิ้มจนตาหยี แล้วบอกให้พนักงานพาทั้งสองคนไปที่ห้องของตัวเอง
ห้องพักก็ทั่วๆ ไป ห้องอาบน้ำค่อนข้างมีสไตล์ ข้างในไม่ใช่อ่างอาบน้ำแต่เป็น แต่เป็นบ่อน้ำขนาดเล็ก ในสระยังมีตะกอนยางมะตอยอยู่เล็กน้อย ดูเหมือนว่าน่าจะเหลือจากการอาบยางมะตอย
ฉินสือโอววิดีโอคอลไปหาเหมาเหว่ยหลงบอกกับเขาว่าตอนนี้ฉันกำลังอาบยางมะตอยอยู่ ไอ้บ้านนอกอย่างแกเคยได้ยินมาก่อนไหม?
ทางด้านเหมาเหว่ยหลงก็อิจฉาตาร้อน เขาไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน จึงรอคอยด้วยความคาดหวัง
ต่อมาก็มีคนมาเคาะประตู ฉินสือโอวพูดขึ้นมาแบบอวดๆ ว่า ‘จะเริ่มแล้วล่ะ’ หลังจากนั้นก็วิ่งไปเปิดประตู
ปรากฏว่าพอเปิดประตูออก ฉินสือโอวก็ชะงักไปนิดหน่อย ผู้หญิงที่วาดตาเขียนคิ้ว แต่งหน้าจัดคนหนึ่งกำลังถือกล่องใบเล็กกำลังรอเขาอยู่ด้านนอก
พอเห็นฉินสือโอว หญิงอายุราวๆ สี่สิบปีคนนี้ก็แลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากอย่างยั่วยวน เธอแย้มยิ้มแล้วพูดกับเขาว่า “คนเอเชียเหรอ? ไม่เลวนี่ ช่วงนี้ฉันไม่ได้ค้าขายกับคนเอเชียเลย ฉันชอบแคร์รอตน้อยของพวกคุณนะ…”
ทางฝั่งฉินสือโอวถึงกับนิ่งอึ้งไปทันที เขาพูดขัดผู้หญิงคนนั้นไว้ “เดี๋ยวก่อนนะ คุณจะมาทำอะไรนะครับ?”
ผู้หญิงคนนั้นยักคิ้วขึ้นแล้วพูดกับเขาพร้อมทั้งจงใจทำท่าทางยั่วยวน “คุณไม่ได้อยากได้บริการอาบยางมะตอยขั้นสุดยอดหรอกเหรอ? ฉันก็มาบริการคุณด้วยตัวเองยังไงล่ะ”
ฉินสือโอวดันผู้หญิงคนนั้นออกไปจากประตูด้วยความกระอักกระอ่วน มองเห็นพวกขวดแก้วกับกระปุกพร้อมถุงยางที่อยู่ในกล่องที่ผู้หญิงคนนั้นถือมา เขาก็รู้แล้วว่านี่เป็นเหตุการณ์แบบไหน มันเกินกว่าที่เขาคาดคิดไว้ทั้งหมดเลย
ผู้หญิงคนนั้นตะโกนขึ้นมาจากด้านนอก บอกกับเขาว่าถ้าไม่รับบริการเธอก็จะไม่คืนเงินอยู่ดี แต่ฉินสือโอวอยากได้เงินที่ไหนล่ะ? ทางด้านเหมาเหว่ยหลงที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างผ่านการวิดีโอคอลอย่างชัดเจน ก็กำลังระเบิดหัวเราะออกมา
พอทานอาหารมื้อเย็นด้วยกัน ฉินสือโอวก็โทษวิลที่ให้ข้อมูลเขาแบบผิดๆ วิลทำหน้าพิลึกและถามเขาอย่างไม่ค่อยเข้าใจว่า “ทำไมล่ะ ฉันบอกอะไรผิดไปอย่างนั้นเหรอ?”
ฉินสือโอวถามเขาว่า “นายรับบริการอาบยางมะตอยไปแล้วใช่ไหม?”
“แน่นอนสิ ดูผิวของฉันสิ นายว่ามันดูเรียบลื่นขึ้นไหม?”
“แล้วแต่นายเถอะ ฉันไม่ชินกับการลูบผิวผู้ชายเท่าไร”
วิลรู้สึกหน้าเสีย “ฉิน นายกำลังเหยียดหยามชาติพันธุ์อยู่นะ นายกำลังเหยียดคนดำอยู่”
ฉันเหยียดชาติพันธุ์ที่ไหนล่ะ ฉินสือโอวพูดเรื่องผู้หญิงคนนั้นออกไปด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง วิลก็พูดพร้อมรอยยิ้มเก้อเขินว่า “คิดว่าปัญหาน่าจะอยู่ที่บริการที่นายเลือกนะ ฉันเพิ่มเงินไปแค่ห้าสิบดอลลาร์ ก็มีแค่คนแก่คนหนึ่งที่เข้ามาช่วยทาน้ำมันให้ฉัน ไม่ได้มีอะไรอย่างอื่น”
ฉินสือโอวโมโหจนจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว เสียเงินไปตั้งมากมายแต่ดันเลือกผิดเสียอย่างนั้น
บนถนนที่ขนาบข้างไปด้วยอาคารบ้านเรือน ฉินสือโอวเห็นหลายๆ ร้านล้วนมีผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อประจำท้องถิ่นอย่างยางมะตอย
เจ้าของร้านแนะนำให้เขาฟังว่า นี่คือผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการอาบยางมะตอย โดยได้เพิ่มเครื่องหอมเข้าไป เวลาอาบน้ำให้ทาลงไปให้ทั่วตัว หลักการก็เหมือนกันกับวิธีการพอกหน้า
ฉินสือโอวเห็นว่าราคาไม่แพง แค่ชุดละสิบดอลลาร์ถึงห้าสิบดอลลาร์เท่านั้น เขาจึงซื้อมาทั้งหมดสิบชุด เขาจะเอากลับไปใช้กับวินนี่ คนสองคนช่วยกันอาบทา แค่คิดภาพตามก็ทำให้เขาแทบจะทนไม่ไหวแล้ว
วันต่อมาเขาก็ต้องจัดการธุระแล้ว ฉินสือโอวกับวิลไปหาบริษัทรับขุดเจาะยางมะตอยแห่งหนึ่งในท้องที่ เพื่อซื้อยางมะตอยจำนวนห้าร้อยตันมาใช้ก่อน
ราคาของยางมะตอยธรรมชาติชนิดนี้มีราคาที่เรียกได้ว่าค่อนข้างถูกกว่ายางมะตอยที่เป็นวัสดุสำหรับการก่อสร้าง ราคาแค่ 350 ดอลลาร์ต่อตันเท่านั้น ถ้าเป็นประเภทถ่านหิน ราคาจะเพิ่มขึ้นไปหลายเท่า
การมาเที่ยวทะเลสาบแอสฟัลท์ในครั้งนี้ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก ไม่มีอะไรน่าสนุกเลยแม้แต่นิดเดียว ที่ทะเลสาบแอสฟัลท์มีเพียงยางมะตอยสีปีกกาเท่านั้น ไม่มีพันธุ์สัตว์ ไม่มีพืชไม้ น่าเบื่อมากๆ
แต่ว่าเขาก็ได้ศึกษาความรู้ทางภูมิศาสตร์ไปไม่น้อย อย่างเช่นการกำเนิดของทะเลสาบแอสฟัลท์ นี่เป็นเพราะบริเวณเปลือกโลกเกิดชั้นหินขาดขึ้น และเมื่อชั้นหินขาดทั้งสองแผ่นกดทับเข้าหากัน จึงทำให้น้ำมันที่อยู่ในชั้นที่ลึกลงไปถูกบีบขึ้นมา หลังจากนั้นภายใต้สภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงและแรงดันต่ำ น้ำมันและก้อนหินกับดินพวกนี้จึงผสมเข้าด้วยกัน สุดท้ายก็กลายมาเป็นยางมะตอย
ในตอนท้ายขณะที่กำลังจะเดินทางกลับ ฉินสือโอวก็ได้รับของบางอย่างมาด้วย มีคนมาขวางเขาไว้ แล้วถามว่าเขาอยากได้ฟอสซิลไหม
ฉินสือโอวรู้สึกสนใจซากฟอสซิลเป็นอย่างมาก วิลล่าของเขายังขาดของตกแต่ง เขาไม่วางใจที่จะใช้ภาพวาดเก่าแก่ที่มีชื่อเสียง ถ้าใช้ซากฟอสซิลก็น่าจะเหมาะสมกว่า
เมื่อเห็นว่าฉินสือโอวรู้สึกสนใจ คนท้องถิ่นคนนั้นก็รู้สึกดีใจขึ้นมา จากนั้นก็พาเขาไปที่โกดังเก็บของแห่งหนึ่ง
ของในโกดังทั้งหมดล้วนแต่เป็นซากฟอสซิลของสัตว์ที่ถูกขุดขึ้นมาจากทะเลสาบแอสฟัลท์ ม้าป่าตะวันตก ควายไบซันดึกดำบรรพ์ สลอธบกที่มีความสูงสองเมตร ไดร์วูล์ฟ เสือเขี้ยวดาบ สิงโตภูเขาและสุนัขภูเขาเป็นต้น
ซากฟอสซิลพวกนี้ตอนที่ยังไม่ถูกทำความสะอาดจะไม่น่าดูนัก แต่หลังจากถูกคนในนั้นนำไปทำความสะอาดแล้ว ก็จะปรากฏโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา มีบางส่วนที่กลายเป็นสีดำ แต่ส่วนมากจะยังรักษาสภาพไว้ได้อย่างสมบูรณ์ จากซากฟอสซิลของควายไบซันดึกดำบรรพ์ตัวหนึ่ง ฉินสือโอวก็ยังสัมผัสได้ถึงการต่อสู้ดิ้นรนของมัน
“ไม่ผิดกฎหมายเหรอครับ?” ฉินสือโอวถามด้วยความสงสัย
คนในท้องที่คนนั้นหัวเราะเสียงดังออกมา “เรื่องนี้คุณสบายใจได้เลย ตอนนี้ทะเลสาบแอสฟัลท์ถูกจัดสรรพื้นที่ให้กับบริษัทแต่ละแห่งแล้ว ยังไงก็เป็นของที่ถูกคนในท้องที่อย่างพวกเราหาเจอ ถ้าพวกเราจะนำมาขาย ก็คงไม่มีปัญหาอะไรหรอกใช่ไหมล่ะ?”
เห็นสีผิวของฉินสือโอว เขาก็พูดเสริมไปอีกว่า “เงื่อนไขข้อแรกเลยคือคุณต้องไม่นำมันออกนอกประเทศ ถ้าจะนำออกไปถ้าก็คงจะวุ่นวายไม่น้อยเลยล่ะ”
ฉินสือโอวถามเออร์บักซ้ำอีกครั้ง ทนายอาวุโสบอกว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ขอเพียงแค่ไม่ใช่ฟอสซิลสำคัญที่ได้รับการคุ้มครองของประเทศ ก็จะสามารถทำการซื้อขายได้อย่างอิสระ
เมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินสือโอวก็รู้สึกวางใจแล้ว เขาจึงเลือกซื้อฟอสซิลบางส่วนที่มีสภาพสมบูรณ์ที่สุดในโกดังสินค้า ไดร์วูล์ฟห้าตัว ม้าป่าตะวันตกห้าตัว ควายไบซันดึกดำบรรพ์สองตัว สลอธบกสี่ตัว และสิงโตภูเขาอีกสองตัว
ราคาของฟอสซิลไม่น้อยเลย ฟอสซิลทั้งหมดสิบแปดชิ้น ถูกเจ้าของตั้งราคาขายไว้ที่หกแสนดอลลาร์ ฉินสือโอวลองต่อราคากับเขา สุดท้ายจึงได้มาในราคาห้าแสน
พวกเขาต่างก็รู้สึกพึงพอใจกันทั้งสองฝั่ง ในความคิดของเจ้าของแล้วซากฟอสซิลที่ถูกขุดขึ้นมาจากทะเลสาบแอสฟัลท์พวกนี้ไม่ใช่สิ่งของมีค่าเลยแม้แต่น้อย แต่สำหรับฉินสือโอวแล้วฟอสซิลพวกนี้เมื่อนำมาเป็นของประดับตกแต่งก็จะช่วยสร้างพลังและทั้งยังช่วยเสริมบารมี เมื่อเฉลี่ยแล้วก็แค่ชิ้นละสองหมื่นห้าเท่านั้น ไม่นับว่าแพงเลย
ได้ฟอสซิลพวกนี้มาแล้ว ฉินสือโอวก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาอีกครั้ง ไม่เสียเที่ยวแล้วล่ะ
เมื่อนำฟอสซิลพวกนี้บรรจุลงหีบห่อแล้วก็นำพวกมันส่งเรือบรรทุกสินค้า ส่วนฉินสือโอวก็บินกลับไปที่เกาะแฟร์เวลก่อน สามวันหลังต่อมาฟอสซิลก็ถูกนำมาส่งที่ฟาร์มปลา จากนั้นเขาจึงได้เริ่มทำการตกแต่ง
วางฟอสซิลสิงโตภูเขาหนึ่งตัวไว้ในห้องรับแขกพร้อมกับฟอสซิลควายไบซันดึกดำบรรพ์ หลังจากหู่จือและเป้าจือเห็นของพวกนี้แล้วก็พากันกระโดดโลดเต้นพร้อมทั้งเห่าออกมา ดูท่าว่าถึงแม้สิงโตอเมริกาเหนือจะกลายเป็นซากฟอสซิลไปแล้ว แต่มันก็ยังมีความน่าเกรงขามอยู่
วางฟอสซิลม้าป่าตะวันตกและควายไบซันดึกดำบรรพ์ไว้ที่หน้าประตู ส่วนในบ้านก็วางไดร์วูล์ฟกับสลอธบกที่มีขนาดเล็กลงมาหน่อย ช่วยกันจัดแต่งกับวินนี่ ภายในวิลล่าก็มีบรรยากาศของความเป็นศิลปะขึ้นมาบ้างแล้ว
………………………………………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset