ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 391 สร้างโรงเรือนเพาะปลูก

ปีนี้นิวฟันด์แลนด์ประสบกับพายุหิมะ ก่อนวันขึ้นปีใหม่ก็มีหิมะตกลงมาอีกหนึ่งรอบ โชคดีที่หิมะตกไม่หนัก ช่วงตีสองของวันใหม่ก็หยุดตกแล้ว ดังนั้นพอฉินสือโอวตื่นขึ้นมาดูจึงเห็นว่าในสวนมีหิมะอยู่ไม่มากนัก
เกาะแฟร์เวลรายล้อมไปด้วยกระแสน้ำอุ่น อีกทั้งฟาร์มปลาต้าฉินยังมีบ่อน้ำร้อนตามธรรมชาติ พื้นหิมะจึงเริ่มละลาย น้ำแข็งที่อยู่บนพื้นก็เริ่มอ่อนบางลง
วันแรกของปีใหม่ ฉินสือโอวไปดูสวนผักในฟาร์มปลา โห พื้นดินสำหรับปลูกผักไม่ได้แข็งเลย สามารถใช้ปลูกผักได้ทั้งหมดหลังจากนั้นค่อยสร้างโรงเรือนเพาะปลูกอีกที
การค้นพบครั้งนี้ทำให้เขามีความสุขมาก รอชาร์คกับคนอื่นๆ ที่พากันเมามายไม่ได้สติลุกขึ้นมาจากเตียงเสียก่อน หลังจากนั้นเขาจะพาทุกคนมารวมตัวกันเพื่อเตรียมตัวสร้างโรงเรือนเพาะปลูก
ชาร์คขับรถเข้าไปยืมรถไถหนึ่งคันมาจากในเมือง พวกเขาไถดินในสวนปลูกผักไปแล้วสองรอบด้วยความรวดเร็ว ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นฤดูหนาว พื้นน้ำแข็งจำนวนมากจึงผสมเข้าด้วยกัน ทำให้ จัดการได้ยากมาก
ซีมอนสเตอร์ส่ายหัว แล้วพูดขึ้นมาว่า “บอส ถึงผมจะอยากกินผักสดที่ปลูกจากฟาร์มปลาของพวกเรา แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลาดีที่จะปลูกผักเลย”
ฉินสือโอวพูดพร้อมรอยยิ้ม “วางใจเถอะ เพื่อน นายเคยเจอพ่อกับแม่ของฉันแล้ว นายรู้ว่าพวกท่านทำอะไร พวกท่านเป็นเกษตรกรที่ชำนาญในการปลูกผัก ฉันได้เรียนรู้จากพวกท่านตั้งหลายอย่าง ปลูกผักตอนนี้ก็ไม่มีปัญหาแน่นอน”
ในเมื่อเขาพูดมาขนาดนี้ซีมอนสเตอร์ก็ไม่รู้ว่าจะว่ายังไงแล้ว เขายักไหล่น้อยๆ งั้นก็เริ่มทำเลยแล้วกัน พูดถึงผักที่ปลูกจากในสวนเมื่อคราวก่อนหน้า รสชาติของมันเยี่ยมยอดสุดๆ
วันหยุดขึ้นปีใหม่ พร้อมกับหิมะตกหนัก ช่วงนี้โรงเรียนประถมแกรนท์จึงหยุดปิดเทอมช่วงฤดูหนาวเล็กๆ พวกเชอร์ลี่ย์จึงพักผ่อนอยู่บ้านโดยตลอด
วินนี่พาพวกเขามาจัดการกับผักจำนวนสุดท้ายที่เหลืออยู่ในสวน หลักๆ แล้วก็มีหัวไชเท้ากับผักกาดขาว
กอร์ดอนกับมิเชลลตะโกนว่า ‘ดึงหัวไชเท้า’ พร้อมกับขุดหัวไชเท้าที่เหลืออยู่ขึ้นมาจากพื้นดิน แล้วตามวินนี่เอาไปใส่ไว้ในห้องแช่แข็ง
ยังไงก็เป็นผักที่ได้รับการปรับปรุงจากพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอน หัวไชเท้าที่ปลูกในสวนจึงไม่ได้มีรสเผ็ด แต่มีรสชาติหอมหวานอยู่อย่างบางเบา บอกได้แค่ว่าเป็นหัวไชเท้าที่มีรสชาติเหมือนผลไม้ ดังนั้นพวกวินนี่จึงทานมันเหมือนกับเป็นผลไม้จริงๆ ฉงต้ากับปอหลัวก็ชอบกินมากเป็นพิเศษ
หัวไชเท้าทำให้เกิดแก๊สในลำไส้ พอฉงต้ากับปอหลัวกินเข้าไปก็พากันตดออกมา ไม่ได้คำนึงถึงกาลเทศะ พวกมันรู้สึกว่านี่มันน่าสนุกมาก
เมื่อจัดการเรียบร้อยแล้ว ก็สร้างโรงเรือนปลูกผักขึ้นมา
เออร์บักมีความกระตือรือร้นในการเพาะปลูกเป็นอย่างมาก เขานั่งยองๆ อยู่บนพื้นแล้วถามขึ้นมาว่า “ฉิน คราวนี้พวกเราจะสร้างโรงเรือนประเภทไหนเหรอ? โรงเรือนที่ทำจากท่อเหล็กหรือโรงเรือนไม้ไผ่?”
โรงเรือนปลูกผักของแคนาดามีความพิถีพิถันมาก นิวฟันด์แลนด์มีการเพาะปลูกค่อนข้างน้อย อย่างเช่นบ้านเดิมของวินนี่ที่อยู่ในที่ราบแพร์รีแคนาดา นั่นถึงจะเป็นแหล่งเพาะปลูกขนาดใหญ่ เจ้าของฟาร์มเกษตรส่วนมากจะสร้างเรือนกระจกขึ้นมาเพื่อการเพาะปลูก
ฉินสือโอวไม่จำเป็นต้องสร้างเรือนกระจกเพื่อปลูกผัก ใช้แค่โรงเรือนเพาะปลูกก็เพียงพอแล้ว ยังไงซะในเวลาปกติที่ไม่มีอะไรทำ ได้จัดการโรงเรือนพลาสติกก็ค่อนข้างน่าสนใจเหมือนกัน
ตามปกติแล้ว เนื่องจากโครงสร้างโรงเรือนพลาสติกในแคนาดาจะถูกแบ่งออกเป็นสองแบบ ก็คือโรงเรือนท่อเหล็กกับโรงเรือนไม้ไผ่แบบแรกใช้ท่อเหล็กชุบสังกะสีบางๆ เพื่อค้ำยัน ส่วนแบบหลังจะใช้ต้นไผ่กับท่อนไม้
ฉินสือโอวนิยมวัสดุจากธรรมชาติแท้ๆ เขาโบกมือปัดๆ แล้วบอกว่าจะทำโรงเรือนไม้ไผ่ เออร์บักจึงโทรศัพท์ไปหาบิล
พูดจริงๆ แล้วบริษัทผลิตภัณฑ์ทางทะเลของนิวฟันด์แลนด์ก็คือบริษัททางด้านการเกษตรนั่นเอง ถึงจะจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางทะเลเป็นหลัก ทว่าก็เมล็ดพันธุ์กับอุปกรณ์ทางการเกษตรก็มีจำหน่ายเช่นกัน
แค่ครู่เดียวบิลก็นำอุปกรณ์ในการสร้างโรงเรือนเข้ามาส่งจำนวนหนึ่ง เขาพาทีมงานมาที่นี่ด้วยตัวเอง เมื่อมาถึงฟาร์มปลาเขาก็ถามอย่างสนใจใคร่รู้ว่า “เฮ้ ฉิน ทำไมคุณถึงสนใจจะทำอันนี้ล่ะ? ผมเคยเห็นคนมีเงินที่ปลูกผักกินเองนะ แต่ไม่เคยเห็นมหาเศรษฐีใหญ่แบบคุณที่ทำโรงเรือนปลูกผักแบบนี้เลย มันเปลืองแรงเกินไป ไม่ใช่เหรอ?”
ฉินสือโอวพูดพร้อมรอยยิ้ม “คุณพูดผิดแล้วทั้งสองอย่าง เพื่อน อย่างแรก ผมไม่ใช่มหาเศรษฐีใหญ่ สอง สร้างโรงเรือนเพาะปลูกไม่ได้หนักหนาอะไรเลย ง่ายกว่าที่คุณต้องโฆษณาขายสินค้าตั้งเยอะ”
บิลส่ายหัวน้อยๆ แล้วพูดกับเขาว่า “ไม่ๆ ผมก็เป็นแค่พนักงานขายสินค้า ขอแค่ปีปีหนึ่งได้เจอลูกค้ารายใหญ่แบบคุณ ผมก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีผักให้กินแล้ว ฮ่าๆ”
เพราะฉินสือโอว บิลจึงทำเงินได้ไม่น้อยเลยจริงๆ อย่างเช่นที่เขาซื้อลูกพันธุ์กุ้งมังกรกับปลิงทะเลไปเมื่อก่อนหน้านี้ เขาก็หักเปอร์เซ็นต์เงินไปได้ถึงแสนนิดๆ
บิลให้คนงานนำท่อนไม้ไผ่ลงมา ฉินสือโอวเซ็นเช็คให้เขา การซื้อขายครั้งนี้ก็เสร็จสิ้นแล้ว
โรงเรือนท่อเหล็กมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน สามารถอยู่ได้ถึงสิบห้าปี แต่ต้นไผ่กับท่อนไม้ที่บิลนำมาส่งให้ฉินสือโอวก็ถูกเผาคาร์บอนและทาด้วยน้ำมันจากเมล็ดต้นถงแล้วทั้งสิ้น มีอายุการใช้งานมากกว่าโครงสร้างโรงเรือนเพาะปลูกที่ทำจากไม้ไผ่ธรรมดา สามารถอยู่ได้ประมาณสิบกว่าปี
อย่ามองแค่ว่าเป็นโครงค้ำยันที่ทำมาจากไม้ไผ่ ราคาของมันแพงกว่าท่อเหล็กชุบสังกะสีเสียอีก บิลช่วยเลือกโรงเรือนแบบที่แพงที่สุดให้ฉินสือโอว เพราะเขาเข้าใจแนวคิดเกี่ยวกับการใช้จ่ายของฉินสือโอว เขาจะซื้อของที่ดีที่สุดเท่านั้น ไม่ใช่ของที่ถูกที่สุด
กับโครงค้ำยันพวกนี้ใช้ไผ่โมโซกับท่อนไม้เล็กๆ เป็นหลัก ระดับความสูงประมาณสองเมตร มีความกว้างอยู่ที่สี่ถึงห้าเมตร มาพร้อมกับแบบแปลนก่อสร้าง บิลให้บริการด้วยความเชี่ยวชาญ ที่เขาทำเงินได้มากก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล
เนื่องจากฉินสือโอวเคยให้อภัยเขาในตอนที่ซื้อกุ้งมังกรมังกรครั้งแรก บิลจึงรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของฉินสือโอวมาโดยตลอด วันนี้เขาเลยอยู่ควบคุมคนงานเพื่อทำการก่อสร้างโรงเรือนเพาะปลูกด้วยตัวเอง เมื่อเป็นเช่นนี้โครงงานก่อสร้างจึงเป็นไปอย่างรวดเร็ว
ฉินสือโอวเปลี่ยนตำแหน่งในการสร้างโรงเรือนเพื่อการเพาะปลูก ทุกๆ แปลงปลูกผักจะมีระดับความกว้างหกเมตร ยาวสองร้อยเมตร พื้นที่ในการเพาะปลูกมีระดับเสมอกันอย่างมาก
ที่จริง สำหรับมือสมัครเล่นอย่างเขา โรงเรือนเพาะปลูกทั้งสองหลังนี้ถือว่ามีขนาดใหญ่เกินไปด้วยซ้ำ แต่ก็ช่วยไม่ได้ โรงเรือนพวกนี้เป็นไปตามข้อกำหนดของโรงเรือนขนาดใหญ่ ถ้าระดับความยาวสั้นเกินไป ก็จะกางผ้าใบพลาสติกไม่ได้ และจะติดตั้งอุปกรณ์ที่ต้องประกอบกันเป็นชุดบางส่วนไม่ได้เช่นกัน
แค่แป๊บเดียว โครงค้ำยันแต่ละแถวก็ถูกตั้งวางเรียบร้อยแล้ว แผ่นไม้ไผ่โมโซเรียงต่อกันอยู่ด้านบน เหมือนกันกับโครงเต็นท์หลังเล็กๆ ในค่ายทหาร
“ถ้าอย่างนั้น สิ่งที่พวกเราต้องทำตอนนี้ก็คือคลุมผ้าใบพลาสติก คุณเอาผ้าใบวัสดุแบบไหนมาเหรอ? โพลีเอทิลีนหรือพีวีซี?” ฉินสือโอวถามพร้อมทั้งถูฝ่ามือไปมา
บิลบอกให้นีลเซ็นกับเบิร์ดเปิดผ้าใบพลาสติกออก หลังจากนั้นก็หัวเราะแล้วพูดกับเขาว่า “เพื่อน แบบนี้ดูถูกผมไปหน่อยแล้ว โรงเรือนราคาหนึ่งแสนห้าหมื่นดอลลาร์ จะใช้ผ้าใบธรรมดาๆ แบบนั้นได้ยังไงกัน? ผมเอาผ้าใบอเนกประสงค์อายุการใช้งานสูงมาต่างหาก”
ฉินสือโอวพูดพร้อมรอยยิ้ม “ดีขนาดนั้นเลยเหรอครับ? ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย
บิลอธิบายให้ฟังว่า “ผมไม่ได้โม้นะ นี่เป็นผ้าใบพลาสติกแบบที่ดีที่สุดเลย ระหว่างขั้นตอนการขึ้นรูปโพลีเอทิลีนมันจะถูกเพิ่มวัสดุยับยั้งการเกิดรอยและสารลดแรงตึงผิวลงไปในปริมาณที่เหมาะสม อย่ามองแค่ว่ามันบางกว่าโปร่งใสกว่า จริงๆ แล้วมันทนทานกว่ามาก อายุการใช้งานยาวนานกว่าผ้าใบทั่วไปถึงหนึ่งเท่า อุณหภูมิในตอนกลางคืนสูงกว่าผ้าใบทั่วไปอยู่หนึ่งถึงสององศาเซลเซียส”
เนื่องจากลมทะเลที่พักกระหน่ำ ทำให้การปูผ้าใบค่อนข้างซับซ้อน ฉินสือโอวและคนอื่นๆ ช่วยกันลงมือ นำโครงค้ำยันแต่ละอันมาจัดวาง ใช้เวลาไปเกือบสองชั่วโมงเต็มๆ ถึงนำผ้าใบพลาสติกทั้งสองผืนมาคลุมโครงค้ำยันไผ่โมโซได้
แผ่นพลาสติกพวกนี้เป็นอุปกรณ์ที่ประกอบกันเป็นชุดด้านนอกยังเชื่อมต่อกับแผ่นโฟมโพลีเอทิลีนอีกด้วย
นี่เป็นแผ่นโฟมสีขาวที่มีฟองอากาศอยู่เป็นจำนวนมาก กว้าง 1 เมตร หนา 0.4 -0.5 มิลลิเมตร แต่ละแผ่นถูกแขวนติดกับแผ่นพลาสติกเหมือนแผ่นหุ้มเกาะกันกระสุนของรถถัง ประสิทธิภาพก็เหมือนกันกับแผ่นหุ้มเกาะของรถถัง ปกป้องไม่ให้ผ้าใบพลาสติกได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ยังสามารถรักษาความอบอุ่นได้อีกด้วย
ใช้เวลาไปหนึ่งวันเต็มๆ ด้วยอุปกรณ์เครื่องมือและความขยันของคนที่มากมายขนาดนี้ ในที่สุดก็สร้างโรงเรือนเพาะปลูกทั้งสองหลังเสร็จก่อนพระอาทิตย์จะตกลงสู่ภูเขา
ในตอนท้ายบิลกับฉินสือโอวก็ช่วยกันแขวนม่านไว้เรียบร้อยแล้ว พอปิดผ้าใบพลาสติกทั้งสองด้าน โรงเรือนเพาะปลูกก็ถูกสร้างจนเสร็จโดยประมาณแล้ว
มองดูโรงเรือนเพาะปลูกที่ดูทรงพลังเหมือนค่ายทหารทั้งสองหลัง ฉินสือโอวก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก เขาพูดพร้อมแย้มรอยยิ้มว่า “วันแรกของปีใหม่ พวกเราก็ทำเรื่องที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้แล้ว ดีจริงๆ นี่เป็นสัญญาณที่ดีเลยล่ะ!”
………………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset