ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 394 เปิดตัวไข่มุกสีดำ

เวลาตีห้า ท้องฟ้าด้านนอกยังมืดอยู่ แต่ฉินสือโอวก็ตื่นขึ้นมาแล้ว
ห่มผ้าห่มให้วินนี่แล้ว ฉินสือโอวก็ลงมาจากเตียง หู่จือกับเป้าจือที่อยู่ในห้องเงยหน้าขึ้นมามองเขา ลืมตาเล็กๆ ของพวกมันอย่างสะลึมสะลือ รอจนเห็นว่าเขาออกไปจากห้อง พวกมันก็บิดขี้เกียจแล้วรีบลุกขึ้นมา
ฤดูหนาวของเกาะแฟร์เวล อากาศบริสุทธิ์จนแทบจะแยกไม่ออกว่ากำลังหายใจเอาอากาศเข้าไป ฉินสือโอวสูดหายใจเข้าแรงๆ อากาศหนาวเย็นก็พัดผ่านจมูกของเขาลงไปยังบริเวณปอด ให้ความรู้สึกสดชื่นสุดๆ
เมื่ออบอุ่นร่างกายอยู่ตรงระเบียงทางเดินหน้าประตูแล้ว ฉินสือโอวก็วิ่งเหยาะๆ ไปจนถึงริมทะเล หู่จือกับเป้าจือเล่นกันตามมาด้านหลัง แกผลักฉันหนึ่งครั้งฉันกัดแกหนึ่งที เสียงฝีเท้าบางเบากับเสียงเห่าของสุนัขก็ค่อยๆ ประสานเสียงเข้าด้วยกัน
เมื่อมาถึงริมทะเล กระแสน้ำในทะเลพัดวนขึ้นลง ภายใต้การพัดพาของลมทะเล ฟองคลื่นแต่ละชั้นก็กระทบเข้ากับหาดทราย จนส่งเสียง ‘ซ่าๆ ซ่าๆ’ ออกมา ปรากฏให้เห็นท่วงทำนองที่งดงามของมหาสมุทรกว้างใหญ่
ฉินสือโอวเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า เงาของดวงจันทร์เลือนราง แสงของยามเช้าเปล่งประกายระยิบระยับ ท้องฟ้ากว้างสุดลูกหูลูกตาเป็นเหมือนโดมขนาดยักษ์ที่กำลังปกคลุมผืนแผ่นดินอยู่ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนโบราณถึงคิดว่าท้องฟ้าเป็นเหมือนฝาครอบ ตอนนี้เขาก็มีความรู้สึกแบบนั้นอยู่เหมือนกัน
เขาเดินขึ้นไปบนท่าเรือเพื่อสตาร์ทเครื่องยนต์เรือเด็ค ลมทะเลหนาวเย็นปะทะเข้ากับใบหน้าของเขาเหมือนมีดบาด ความหนาวเหน็บทำให้เกิดความรู้สึกเจ็บปวด
นี่ก็เป็นประสบการณ์อย่างหนึ่งเช่นกัน เสื้อผ้าของฉินสือโอวถูกลมพัดจนสะบัดปลิว เขามองไกลออกไปยังบริเวณทะเลลึกที่อยู่ตรงหน้าด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม ยกแขนขึ้น ‘แชะ’ ถ่ายรูปเซลฟี่มาหนึ่งใบ เก๊กท่าถ่ายรูปในเวลาแค่ชั่วพริบตาเดียว
เมื่อเรือเด็คขับมาถึงด้านบนของแนวปะการัง ฉินสือโอวก็หย่อนกระปุกลงไปหนึ่งใบ เขาควบคุมหมึกกล้วยตัวหนึ่งให้นำไข่มุกสีดำมาเก็บไว้ข้างในกระปุกทีละเม็ดๆ หลังจากนั้นก็ยกขึ้นมาพร้อมกันกับสร้อยมุกปะการังแดง เท่านี้ก็ถือว่าเป็นอันเสร็จสิ้นแล้ว
พอกลับมาถึงฟาร์มปลา ฉินสือโอวเอาไข่มุกสีดำมาเก็บล็อกไว้ในกระเป๋าเดินทางล้อลากใบหนึ่ง รอจนฟ้าสางตะวันโด่ง เขาค่อยโทรศัพท์ไปหาเบลค ให้เขาช่วยติดต่อร้านทำเครื่องประดับ
คราวก่อนตอนที่ฉินสือโอวโทรไปถาม เบลคก็ช่วยเขาดูไว้บ้างแล้ว ครั้งนี้เขาโทรไปอีกหาครั้ง เบลคจึงให้ช่องทางกับที่อยู่สำหรับการติดต่อ ตำแหน่งของร้านตั้งอยู่บนถนนบรอดเวย์หมายเลข 259 ในเมืองนิวยอร์ก ชื่อร้านทิฟฟานี่แอนด์โค
เกี่ยวกับแบรนด์ที่ชื่อว่าทิฟฟานี่แอนด์โคแบรนด์นี้ ผู้หญิงที่ชื่นชอบแฟชั่นก็น่าจะคุ้นหูกันอยู่บ้าง นี่เป็นบริษัทเครื่องประดับอัญมณีและเครื่องเงินของอเมริกาที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1883 โดยมุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมอัญมณีเป็นหลัก
แตกต่างกับร้านจำหน่ายเครื่องประดับร้านอื่น ตรงที่บริษัททิฟฟานี่แอนด์โคได้กำหนดมาตรฐานอัญมณีกับทองคำขาวของตัวเองไว้ และต่อมามาตรฐานชุดนั้นก็เป็นที่ยอมรับของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาจนตั้งให้เป็นมาตรฐานทางราชการ แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลความยิ่งใหญ่ของแบรนด์
พอฉินสือโอวติดต่อไปทางโทรศัพท์ ผู้หญิงที่มีเสียงพูดนุ่มนวลอ่อนหวานคนหนึ่งก็เป็นคนรับสายเขา เบลคมีหน้ามีตาไม่น้อยเลย ผู้หญิงคนนี้เป็นถึงผู้จัดการร้านทิฟฟานี่แอนด์โคสาขาเรือธงในนิวยอร์ก เธอคือนักออกแบบระดับชั้นนำในวงการเครื่องประดับ ลีฟ ไดม์เลอร์
เมื่อได้รู้ว่าฉินสือโอวต้องการให้ออกแบบเครื่องประดับจากไข่มุกสีดำสามร้อยเม็ดที่เขามีอยู่ ลีฟ ไดม์เลอร์ก็ยิ้มน้อยๆ แล้วตอบเขากลับมาว่า “เป็นเกียรติอย่างสูงค่ะ ขอบคุณที่ไว้วางใจทิฟฟานี่แอนด์โคนะคะ พวกเราจะไม่ทำให้คุณต้องผิดหวังอย่างแน่นอนค่ะ”
พวกเขาคุยกันคร่าวๆ ทั้งสองคนนัดหมายกันว่าจะมาพบกันในวันพรุ่งนี้ หลังจากนั้นฉินสือโอวจึงพาเบิร์ดกับนีลเซ็นไปที่สนามบิน
แคนาดากับอเมริกาทั้งสองประเทศมีข้อตกลงฟรีวีซ่า หลังจากฉินสือโอวแสดงพาสปอร์ตกับบัตรประชาชน ก็สามารถนั่งเครื่องบินตรงไปยังนิวยอร์กได้ทันที
ตอนนี่บิลลี่ถือว่าฉินสือโอวเป็นเหมือนพี่ใหญ่ พอรู้ว่าฉินสือโอวจะมานิวยอร์ก เขาก็ไม่มัวชักช้า รีบเดินทางออกจากไมอามีทันที
เมื่อเป็นเช่นนี้ตอนที่ฉินสือโอวออกมาจากสนามบิน รถเอสยูวีที่โดดเด่นสะดุดตาก็ขับเข้ามาหา กระจกรถถูกลดลง บิลลี่ก็โผล่ใบหน้าหยาบกร้านของเขาที่สวมแว่นกันแดดอยู่ออกมา “เฮ้ เพื่อน ทางนี้ มาหาฉันทางนี้!”
ฉินสือโอวเดินอ้อมเข้าไปดู แล้วถามขึ้นมาว่า “นี่คือรถแลนด์โรเวอร์เหรอ? ทำไมถึงได้สูงยาวขนาดนี้?”
เขาเป็นเพียงแค่คนรักรถทั่วๆ ไป ไม่ได้ศึกษาอย่างจริงจัง ถึงจะมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้แต่ก็ไม่ได้มีมากมายขนาดนั้น เขาพอจะรู้จักรถที่มีชื่อคุ้นหูบางรุ่น แต่ถ้าเป็นรถที่ไม่ค่อยได้รับความนิยมหรือไม่ค่อยพบในจีนเข้าก็ไม่รู้จักแล้ว
นีลเซ็นอธิบายให้ฉินสือโอวฟังว่า “ใช่ครับ นี่คือรถแลนด์โรเวอร์ ที่ถูกปรับแต่งโดยโอเวอร์ฟลินช์ ราคาขายในอเมริกาอยู่ที่ราวๆ ห้าแสนดอลลาร์สหรัฐ แรงขับเคลื่อนเต็มสูบ ห้องโดยสารกว้าง แทบจะเป็นรถเอสยูวีระดับสูงสุดแล้ว”
พอฉินสือโอวขึ้นรถมา เขาก็พบกับสาวสวยขายาวสะโพกงอนงามคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนที่นั่งด้านข้างคนขับ เธอมีรูปร่างเซ็กซี่ ถึงอากาศจะหนาวเหน็บขนาดนี้ แต่เธอก็สวมเพียงชุดเดรสสายเดี่ยวเพียงตัวเดียวเท่านั้น มันเผยให้เห็นต้นขาขาวๆ ของเธอ
บิลลี่ตบพวงมาลัยรถแล้วถามเขาด้วยรอยยิ้มว่า “รถคันนี้เป็นยังไงบ้าง? เพิ่งซื้อมาเมื่อวานนี้เอง นายเป็นแขกคนแรกของมันเลยนะ”
“รถคันนี้ไม่เลวเลย นายชอบรถเอสยูวีเหรอ?”
“ไม่ใช่หรอก ผู้หญิงที่ฉันรักชอบมันน่ะ” พอพูดจบแล้วบิลลี่ก็หันไปจูบกับสาวสวยเซ็กซี่คนนั้นอย่างเร่าร้อน หญิงสาวคนนั้นก็แสดงออกอย่างเปิดเผยเช่นกัน เธอแลบลิ้นออกมาเลยทันที
ความคิดแตกต่างกัน ฉินสือโอวไม่ได้พูดอะไรต่อ เขานั่งอยู่บนที่นั่งกว้างขวางด้านหลัง หลังจากนั้นบิลลี่ก็ขับรถมุ่งหน้าสู่ถนนบรอดเวย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังทันที
เห็นสัญลักษณ์สีฟ้าคลาสสิคของทิฟฟานี่แอนด์โค ดวงตาของสาวฮ็อตคนนั้นก็เป็นประกายขึ้นมาทันที ฉินสือโอวอดทอดถอนใจไม่ได้ สิ่งของฟุ่มเฟือยพวกนี้มีแรงทำลายล้างสำหรับพวกผู้หญิงจริงๆ นั่นล่ะ
เมื่อเข้ามาในร้าน พนักงานท่าทางสง่าคนหนึ่งก็เข้ามาต้อนรับพวกเขา ฉินสือโอวบอกกับเธอว่าเขาได้นัดผู้จัดการร้านของพวกคุณไว้แล้ว พนักงานคนนั้นก็ถามเขาว่า “คุณคือมิสเตอร์ฉินจากแคนาดาใช่ไหมคะ?”
ฉินสือโอวพยักหน้า พนักงานคนนั้นก็นำเขาไปยังห้องรับรอง ไม่นานหลังจากนั้น หญิงวัยกลางคนอายุประมาณห้าสิบปีก็เดินเข้ามา
รูปร่างหน้าตาของผู้หญิงคนนี้ก็ธรรมดาทั่วๆ ไป ทว่าบุคลิกดีมาก ใบหน้าของเธอประดับด้วยรอยยิ้มที่ทำให้รู้สึกเหมือนว่ากำลังอาบน้ำอยู่ในฤดูใบไม้ผลิ พอได้พบกับฉินสือโอวเธอก็แนะนำตัวเองว่า “สวัสดีค่ะ มิสเตอร์ฉินที่เคารพ ฉันชื่อลีฟ ไดม์เลอร์ เป็นนักออกแบบของที่นี่ ยินดีที่ได้รู้จักคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ”
ทั้งสองฝ่ายพูดคุยกันด้วยคำพูดตามพิธีรีตองอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นฉินสือโอวก็เปิดกระเป๋าถือออก ไข่มุกสีดำที่มีสีสันลึกลับก็ปรากฏขึ้นสู่สายตา
ไข่มุกพวกนี้ถูกวางเรียงลำดับตามขนาดความใหญ่เล็ก กลมกลึงละเมียดละไม มีผิวเรียบลื่นเป็นประกาย แสงแดดที่ส่องผ่านหน้าต่างกระทบเข้ากับผิวด้านนอกของพวกมันจนเปล่งประกายแสงนวลตา งดงามจนดูไม่หวาดไม่ไหว
ฉินสือโอวสัมผัสมันอย่างเบามือ ไข่มุกก็หมุนขึ้นมาทันที แสงนวลตาลอยละล่อง จนดูเหมือนคลื่นน้ำหลายๆ สายก็ไม่ปาน
ได้เห็นภาพแบบนี้ สาวเซ็กซี่ที่อยู่ข้างกายบิลลี่ก็ถึงกับเบิกตากว้าง เธอเหมือนคนกำลังอดอยากที่มองเห็นขนมปัง แทบจะโถมตัวเข้าหากระเป๋าถืออยู่แล้ว
อย่าว่าแต่หญิงสาวคนนี้เลย ขนาดลีฟ ไดม์เลอร์ที่เห็นอัญมณีโด่งดังล้ำค่าจนชินตาก็ยังตาเป็นประกาย เธอพินิจดูไข่มุกสีดำพวกนี้ด้วยความหลงใหลแล้วพูดกับเขาอย่างทอดถอนใจว่า “พระเจ้า พวกมันสวยเกินไปจริงๆ ฉันพูดได้แค่ว่านี่คือของล้ำค่าที่พระเจ้าได้มอบให้กับโลกมนุษย์ สวยเกินไปจริงๆ”
ต่อจากนั้น ลีฟก็เรียกคนวัยกลางคนสองคนให้เข้ามาหา พวกเขาหยิบไข่มุกสีดำมาวางไว้ในถาดชนิดพิเศษทีละเม็ดด้วยความระมัดระวัง แต่ละเม็ดที่เก็บมาล้วนแต่ต้องถ่ายรูปเก็บไว้ทั้งสิ้น
เมื่อจัดการเก็บไข่มุกสีดำเรียบร้อยแล้ว ผู้ชายคนหนึ่งก็พยักหน้าน้อยๆ แล้วพูดขึ้นมาว่า “ใช่แล้ว ไข่มุกสีดำของแท้ทั้งหมด ล้วนแต่เป็นไข่มุกชั้นเยี่ยม ถ้านำพวกมันไปวางไว้ในตู้สินค้า ผมว่าเซเลบริตี้ทั้งนิวยอร์ก จะต้องพากันคลั่งแน่ๆ”
ถึงแม้คนอื่นจะดูตกตะลึงขนาดนี้ ทว่าฉินสือโอวก็ไม่อาจคิดว่าไข่มุกของตัวเองเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดในโลกอย่างนั้นจริงๆ แท้จริงแล้วพวกเขามักจะพูดเพื่อเป็นมารยาทเสียส่วนใหญ่
พอตรวจสอบแล้วว่าไข่มุกสีดำไม่ได้มีปัญหาอะไร ลีฟจึงจัดเตรียมสัญญาการออกแบบเครื่องประดับ เมื่อเธอถามถึงความต้องการของฉินสือโอว เขาก็หยิบรูปถ่ายเต็มตัวของวินนี่ออกมา แล้วพูดกับเธอว่า “ผมต้องการเครื่องประดับหนึ่งชุด ส่วนเรื่องสไตล์ยกให้พวกคุณออกแบบเลยครับ แต่ว่าก็ต้องสง่างามและเรียบง่าย ให้เข้ากับบุคลิกแฟนของผม”
ลีฟแย้มรอยยิ้มพร้อมทั้งพูดกับเขาว่า “แน่นอนค่ะ เรื่องนี้ขอให้คุณวางใจได้เลย ฉันต้องขอบอกเลยว่า มิสเตอร์ฉินคะ แฟนของคุณเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก ฉันอิจฉาเธอมากๆ เลยค่ะ”
หญิงสาวที่อยู่ข้างๆ บิลลี่ก็พยักหน้าไม่หยุด ถ้าไม่ใช่เพราะอยู่ต่อหน้าบิลลี่แล้วล่ะก็ คิดว่าเธอคงจะกระโดดเข้าใส่ฉินสือโอวไปตั้งนานแล้ว
……………………………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset