ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 395 บิลลี่ขอพลิกฟ้า

ระดับความยากลำบากของการออกแบบเครื่องประดับหนึ่งชุดให้สำเร็จนั้น ไม่ได้น้อยไปกว่าการออกแบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์เลย จำเป็นต้องใช้นักออกแบบที่มีแรงบันดาลใจและพลังในการควบคุมเพื่อให้งานรุดหน้าได้อย่างเต็มที่
ดังนั้น นักออกแบบระดับหัวกะทิพวกนี้จึงมีรายได้ที่สูงมาก ลีฟเป็นตัวแทนของบริษัททิฟฟานี่แอนด์โคที่รับผิดชอบงานของฉินสือโอวในครั้งนี้ ถ้าไม่คิดเรื่องต้นทุน ค่าใช้จ่ายสำหรับการออกแบบก็อยู่ที่ 280,000 ดอลลาร์สหรัฐแล้ว!
ครั้งแรกที่ได้อ่านสัญญา ฉินสือโอวก็ถึงกับถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือก “ไม่แปลกใจเลยที่มีคนพูดว่านี่เป็นกิจกรรมความบันเทิงของมหาเศรษฐี ชีวิตทั้งชีวิตของคนธรรมดาแบบพวกเราได้ออกแบบเครื่องประดับสักชุดก็ถือว่าหรูแล้วล่ะ”
ลีฟปิดปากหัวเราะแล้วพูดกับเขาว่า “มิน่าล่ะมิสเตอร์เบลคถึงบอกว่าคุณชอบล้อเล่น มิสเตอร์ฉินคะ ถ้าคนที่มีไข่มุกสีดำมูลค่าหลายล้านแถมยังถือบัตรแบล็ก อาเม็กซ์อย่างคุณเป็นคนธรรมดา คนแบบพวกฉันไม่ต้องไปอยู่ในสลัมเลยเหรอคะ?”
ฉินสือโอวหัวเราะออกมา ดูท่าว่าเบลคคงจะเคยบอกข้อมูลทางการเงินของเขากับบริษัททิฟฟานี่แอนด์โคมาบ้างแล้ว นี่เป็นเรื่องธรรมดามาก ผู้จัดการร้านเครื่องประดับแถมยังเป็นหัวหน้านักออกแบบของบริษัททิฟฟานี่แอนด์โคสละเวลาเพื่อมาต้อนรับลูกโดยเฉพาะ จะไม่ตรวจสอบฐานะของลูกค้าเลยได้อย่างไรกัน?
“ถูกกว่านี้ได้ไหมครับ?” ฉินสือโอวแกล้งหยอกเล่น
ลีฟแย้มรอยยิ้มแล้วตอบเขากลับไปว่า “บังเอิญมากๆ เลยนะคะ มิสเตอร์ฉิน เคยมีคุณผู้ชายท่านหนึ่งถามคำถามนี้กับเราเหมือนกัน ตอนนั้นพวกเราให้คำตอบกับเขาไปว่า ตอนที่ท่านประธานาธิบดีลินคอล์นมาซื้อเครื่องประดับที่นี่ พวกเราไม่ได้มีส่วนลดอะไรให้กับเขา เพื่อความยุติธรรมของลูกค้า พวกเราจึงไม่สามารถลดราคาให้คุณได้”
บิลลี่ยิ้มพร้อมทั้งพูดเสียงเบากับฉินสือโอวว่า “บริษัททิฟฟานี่แอนด์โคให้ความสำคัญกับนายมากนะ นายรู้ไหมว่า ‘คุณผู้ชายท่านหนึ่ง’ ที่ผู้จัดการลีฟพูดมาคือใคร? ดไวท์ ดี ไอเซนฮาวร์!”
บริษัททิฟฟานี่แอนด์โคให้การต้อนรับฉินสือโอวได้อย่างสมเกียรติอย่างแท้จริง คนที่ทางบริษัทส่งมาต้อนรับเขาก็เป็นถึงหัวหน้านักออกแบบ ที่สมเกียรติยิ่งกว่านี้ก็คือการที่เจ้านายเป็นคนออกหน้าเอง โดยทั่วไปแล้วจะมีแค่ประธานาธิบดี นักการเมืองที่มีชื่อเสียง ซูเปอร์สตาร์กับมหาเศรษฐีเท่านั้นที่จะได้รับการต้อนรับพิเศษแบบนี้
อย่าคิดว่าบริษัททิฟฟานี่แอนด์โคพยายามทำให้ตัวเองดูสำคัญ แท้จริงแล้วพวกเขาก็มีสิทธิที่จะถือตัว ในฐานะที่เป็นผู้จัดจำหน่ายอัญมณีระดับบนสุดของอเมริกา บริษัททิฟฟานี่แอนด์โคคู่ควรกับการเป็นผู้จัดจำหน่ายอัญมณีที่ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาเลือกใช้
เริ่มตั้งแต่ปี 1861 ในตอนนั้นประธานาธิบดีลินคอล์นเสียเงินให้กับบริษัททิฟฟานี่แอนด์โคไปห้าร้อยสามสิบดอลลาร์ เพื่อเลือกซื้อชุดเครื่องประดับไข่มุกให้กับแมรี่ภรรยาของเขา เพื่อให้เธอได้สวมใส่มันในพิธีสาบานตนเพื่อรับตำแหน่งประธานาธิบดีของเขา หลังจากนั้น ประธานาธิบดีคนอื่นๆ ของอเมริกาและผู้นำสูงสุดของต่างประเทศก็พากันทำตามเขาเช่นกัน ในงานพิธีรับประธานาธิบดีของโอบามาในวาระที่แล้ว มิเชลล์ภรรยาของเขาก็ติดเข็มกลัดประดับหน้าอกจากบริษัททิฟฟานี่แอนด์โค
ที่ฉินสือโอวได้รับการต้อนรับที่พิเศษเช่นนี้ ความจริงแล้วไม่ใช่เพียงเพราะเขามีบัตรแบล็ก อาเม็กซ์เท่านั้น เขาประเมินฐานะของตัวเองในวงสังคมชั้นสูงของอเมริกาไว้ต่ำเกินไป งานเลี้ยงของตระกูลสเตราส์ทำให้เขาพอจะมีชื่อเสียงในวงสังคมของที่นี่บ้างแล้ว
เมื่อชำระเงินมัดจำเรียบร้อยแล้ว ลีฟก็พาฉินสือโอวเข้าไปเยี่ยมชมอัญมณีในร้านขายเครื่องประดับของทิฟฟานี่แอนด์โค นี่คือการต้อนรับที่ต้องทำอย่างเป็นประจำ โดยมีวัตถุประสงค์ในการเสริมความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า
วนดูจนทั่วร้านเครื่องประดับที่หรูหราราวกับพระราชวังแห่งนี้แล้วหนึ่งรอบ ฉินสือโอวก็รู้สึกแสบตาจนตาแทบบอด ทองคำกับทองคำขาวเป็นเพียงตัวประกอบของที่นี่เท่านั้น เพชรพลอย อัญมณี มรกตกับแร่โลหะหายากพวกนั้นต่างหากที่เป็นตัวละครหลัก
ฉินสือโอวมองดูแค่พอผ่านๆ ให้ผู้ชายมาเดินเล่นที่นี่ก็ดูไม่น่าสนุกเลยจริงๆ ถ้าเป็นร้านขายปืน เขาก็คงจะอยากเดินชมให้นานกว่านี้ สำหรับพวกผู้ชายแล้ว ร้านขายเครื่องประดับจะมีอะไรน่าสนใจตรงไหนกัน?
พอเดินชมแล้วหนึ่งรอบ เขาก็ขอตัวกลับ สู้เขาไปพูดคุยเรื่อยเปื่อยกับบิลลี่ยังดีกว่า
เดิมทีฉินสือโอววางแผนไว้ว่า เขาจะไม่หยุดพักที่นิวยอร์ก พอนำไข่มุกสีดำมาส่งให้บริษัททิฟฟานี่แอนด์โคแล้ว เขาก็จะนั่งเครื่องบินกลับบ้านทันที
ทว่าบิลลี่ก็ชักชวนให้เขาอยู่ที่เมืองแอปเปิลยักษ์แห่งนี้ต่อเพื่อเที่ยวเล่นด้วยกันอย่างกระตือรือร้น ฉินสือโอวลองคิดๆ ดูแล้วก็รู้สึกว่าเขาอยู่ที่เมืองเล็กๆ เฉยๆ ก็ไม่น่าสนุกตรงไหน จึงตัดสินใจอยู่ที่นี่ต่อ
แต่เขาจะเอาแต่เที่ยวเล่นอย่างเดียวไม่ได้ จะต้องคุยกับบิลลี่เรื่องการโฆษณาภาพวาดของแวนโก๊ะเสียก่อน บิลลี่บอกเขาว่าการโฆษณาประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ตอนนี้วงการนักสะสมทั่วทั้งยุโรปต่างก็พากันคลั่ง พิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะในฮอลแลนด์ก็ส่งคนมาติดต่อเพื่อขอรับภาพวาดกลับไปอยู่หลายครั้ง
ฉินสือโอวพูดขึ้นมาว่า “ถ้าหากว่าชาวฮอลแลนด์สนใจ ก็ลองคุยกับพวกเขาดูสักหน่อย ไม่จำเป็นต้องนำเข้างานประมูลอย่างเดียวเท่านั้น ถ้าเขาให้ราคาที่เหมาะสมจะขายออกไปก็ได้”
เขาไม่ได้มองเงินเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าหากภาพวาดของแวนโก๊ะได้กลับไปอยู่ในพิพิธภัณฑ์ที่สร้างมาเพื่อเขาโดยเฉพาะนั่นก็นับว่าเป็นเรื่องที่น่าสรรเสริญเช่นกัน
บิลลี่ยิ้มหยาม แล้วพูดกับเขาว่า “ปล่อยให้พวกนั้นฝันไปเถอะ คนพวกนั้นพูดแต่เรื่องการเสียสละกับการบริจาค จะให้พวกเราบริจาคภาพวาดให้กับพิพิธภัณฑ์ฟรีๆ นายว่า มันเป็นไปได้หรือไง?”
“ต่อให้เป็นตอนหลับฝันก็ไม่ได้!” ฉินสือโอวพูดด้วยความเด็ดขาด พ่อเอ็งสิ จะมาพูดเรื่องเสียสละกับการบริจาคกับฉันทำไมตอนนี้? ทำไมไม่พูดตั้งแต่ตอนที่พวกแกจัดตั้งพันธมิตรแปดชาติมารุกรานเมืองหลวงของพวกเรา?
หลังจากคุยเรื่องภาพวาดอาทิตย์อัสดงที่มงต์มาจูร์เสร็จแล้ว ฉินสือโอวก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วเอาสร้อยมุกปะการังแดงเส้นนั้นให้บิลลี่ดู เพื่อถามเขาว่ามันเป็นของที่มีมูลค่าไหม
ถึงแม้ว่าบิลลี่จะเป็นนักประดาน้ำ แต่เขาก็มีพื้นเพเป็นคนที่นั่น แถมยังเรียนที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย คณะที่เรียนก็คือคณะโบราณคดีวิทยาและการพิเคราะห์คุณค่างานศิลปะ เรื่องความสามารถยิ่งไม่ต้องพูดถึง
เพียงแค่ดูรูปพวกนี้ บิลลี่ก็บอกกับเขาว่า “นี่น่าจะเป็นโบราณวัตถุจากประเทศจีนของนายนะ สร้อยมุกที่ขุนนางลำดับขั้นที่หนึ่งกับสองในสมัยราชวงศ์ชิงก็ทำมาจากปะการังสีแดงทั้งนั้น แต่ว่า สร้อยเส้นนี้น่าจะไม่ได้มีมูลค่าอะไร เพราะด้านบนก็ไม่ได้มีข้อความที่ช่วยยืนยันตัวตนของเจ้าของ น่าจะขายไม่ได้ราคาสูงนักหรอก”
ฉินสือโอวยักไหล่น้อยๆ แล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร ถ้าไม่ได้มีมูลค่าอะไรเดี๋ยวฉันเก็บไว้ทำเครื่องประดับเอง”
เขาไม่ได้สนใจวัตถุโบราณจากราชวงศ์ชิงอยู่แล้ว ในฐานะที่เป็นคนหนุ่มผู้เกรี้ยวโกรธคนหนึ่ง เขาจึงไม่สนใจสิ่งของจากราชวงศ์ชิงไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม
ได้ยินฉินสือโอวพูดเช่นนี้ บิลลี่ก็ยิ้มร้าย เขาโน้มตัวเข้ามาแล้วพูดกับฉินสือโอวว่า “ถึงของชิ้นนี้ของพวกเราจะไม่มีมูลค่าอะไร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะขายไม่ได้ราคานะ มูลค่าที่แท้จริงกับราคาของมันไม่จำเป็นจะต้องเท่ากันสักหน่อย”
ฉินสือโอวถามด้วยความสนอกสนใจว่า “นายมีวิธีที่จะขึ้นราคาของชิ้นนี้อย่างนั้นเหรอ?”
บิลลี่บอกกับเขาว่า “ง่ายมาก ก็สร้างกระแสขึ้นมาซะสิ! สร้อยมุกไม่ได้มีข้อมูลของเจ้าของใช่ไหมล่ะ พวกเราหาวิธีสร้างมันขึ้นมาก็ได้แล้วนี่? ตระกูลของฉันถนัดเรื่องพวกนี้มาก รอดูเถอะ คราวนี้ฉันจะทำให้นายเห็นถึงความสามารถของฉันเอง”
“นายทำได้ถึงระดับไหน?”
“ตอนนี้สร้อยมุกปะการังแดงเส้นนี้น่าจะขายได้มากสุดประมาณหมื่นดอลลาร์ ฉันจะทำให้มันขายได้ถึงหนึ่งล้านเลย!”
“ทำได้ขนาดนั้นเลยเหรอ? นายจะพลิกฟ้าหรือยังไงกัน”
“พลิกฟ้าเหรอ? นั่นเป็นการขัดต่อความประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าไม่ใช่เหรอ? นี่คงไม่ดีเท่าไร แต่เพื่อให้นายได้รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของฉัน ถ้าอย่างนั้นฉันก็คงต้องทำมันสักครั้งแล้วล่ะ”
ฉินสือโอวตบไหล่ของเขาแปะๆ พร้อมทั้งพูดให้กำลังใจเขาว่า “เด็กดี ตั้งใจทำล่ะ ฉันจะรอดูนะ”
พอพูดแบบนี้แล้ว ตัวฉินสือโอวเองก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
แต่บิลลี่ไม่ได้พูดเล่น เขาต้องการที่จะแสดงให้ฉินสือโอวได้เห็นถึงด้านที่ไม่ธรรมดาของเขา ภาพวาดอาทิตย์อัสดงที่มงต์มาจูร์ผืนนี้ พูดตามตรงเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรายได้ในครั้งนี้เลยแม้แต่สตางค์แดงเดียว แต่เนื่องจากข้อตกลงของความร่วมมือ จึงทำให้เขายังได้รับส่วนแบ่งเงิน ดังนั้นถ้าเขาอยากจะรับเงินก้อนนี้ได้อย่างสบายใจ เขาก็ต้องทำให้เพื่อนร่วมงานตระหนักได้ถึงความจำเป็นที่ต้องมีเขาอยู่เช่นกัน
ความสามารถของเขาไม่ได้มีเพียงแค่การทำธุรกิจเท่านั้น แต่เขายังมีความสามารถในการกินดื่มและเที่ยวเล่นอีกด้วย
เมื่อมาถึงนิวยอร์ก สิ่งแรกที่ต้องลิ้มลองก็คืออาหารเลิศรส เมืองหลวงของโลกแห่งนี้มีร้านอาหารที่นำมาซึ่งความภาคภูมิใจมากกว่า 18,000 ร้าน มีอาหารเลิศรสที่มีความหลากหลายอย่างที่ไม่มีเมืองไหนเทียบได้
ทุกคนรู้จักชื่อเล่นของนิวยอร์กอย่าง ‘แอปเปิลลูกใหญ่’ โดยทั่วกัน แต่น้อยคนที่จะให้ความสนใจว่าเมืองนี้ก็เป็นที่รู้จักในนามของ ‘เมืองแห่งอาหารเลิศรส’
เวลาห้าโมงเย็น บิลลี่พาฉินสือโอวไปที่อาคารทรงสูงแห่งหนึ่งในแมนแฮตตัน พวกเขาขึ้นลิฟต์นอกอาคารขึ้นไปยังยอดตึกทันที วันนี้พวกเขาจะได้เพลิดเพลินกับอาหารเย็นในที่แห่งนี้นั่นเอง
แต่ปรากฏว่าขณะที่กำลังจะขึ้นลิฟต์นอกอาคาร ฉินสือโอวก็ดันทำตัวประหลาดๆ ขึ้นมาซะอย่างนั้น…
………………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset