ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 398 หมูหายไปหนึ่งตัว

เที่ยวบาร์บนดาดฟ้าเป็นครั้งแรก ฉินสือโอวก็เที่ยวเล่นได้อย่างสนุกสนาน ใต้ท้องนภา บนดาดฟ้าของตึก บริเวณพื้นที่กว้างขวาง ก็ยิ่งทำให้ผู้คนปลดปล่อยได้อย่างอิสระ
สีผิวกับบุคลิกของเขาทำให้ครั้งนี้เขากลายเป็นดาวเด่นของที่นี่ ในระหว่างนั้นมีหญิงสาวราวๆ เจ็ดแปดคนที่เข้ามาหาเขาเพราะอยากพัฒนาความสัมพันธ์ ทำให้เขารู้สึกพึงพอใจอย่างถึงที่สุด ไม่มีใครเทียบเสน่ห์ของเขาได้เลยจริงๆ ไม่เห็นเหรอว่าพวกผู้หญิงที่เข้ามาหาเขามีแต่คนที่สวยที่สุดบนฟลอร์เต้นรำน่ะ?
บนถนนขณะที่กำลังเดินทางกลับบิลลี่ก็โจมตีฉินสือโอวด้วยคำพูดอย่างไม่มีความปรานีใดๆ “ผู้หญิงพวกนั้นเป็นสาวสังคมที่ฉลาดที่สุดแล้ว นายคิดว่าพวกเธอสนใจนายจริงๆ เหรอ? ลินดา คุณบอกฉินหน่อยสิ ว่าทำไมพวกเธอถึงอยากจะเข้าใกล้เขา?”
สาวฮ็อตคนสวยก็ยิ้มน้อยๆ แล้วบอกกับเขาว่า “ง่ายมากค่ะ พวกเธอรู้ว่าคุณเป็นคนมีเงิน นั่นก็เพราะว่าเพื่อนทั้งสองคนของคุณที่คอยคุ้มกันคุณอยู่ตลอดเวลา ขอแค่มีสมองสักหน่อย ก็จะรู้แล้วว่าฐานะของคุณต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ ”
ฉินสือโอวแผ่มือออกอย่างจนปัญญา เขาตอบกลับไปว่า “โอเค โอเค รู้แล้วก็เก็บไว้ในใจก็พอแล้ว ขอให้ฉันได้รู้สึกดีกับตัวเองหน่อยไม่ได้เหรอ?”
วันต่อมา ฉินสือโอวก็ไปเดินเล่นที่เซ็นทรัลพาร์ก จนสมความตั้งใจของตัวเอง จากนั้นก็ค่อยเดินทางกลับนครเซนต์จอห์น
พอกลับมาถึงวิลล่า วินนี่ก็ไปทำงานแล้ว ปอหลัวกำลังนอนอาบแดดอยู่หน้าประตูโรงเรือนเพาะปลูกอย่างเซื่องซึม ฉงต้านอนหลับอยู่หน้าประตู ส่วนหู่จือกับเป้าจือก็กำลังไล่จับนกจมูกหลอดหางสั้นอยู่บนชายหาด นานๆ ครั้งเวลาที่ไข่นกถูกขุดขึ้นมาจากชายหาด พวกมันก็จะเอาปากคาบไว้เบาๆ แล้วเอามารวมกันไว้ในสถานที่ที่ปลอดภัย
ฉินสือโอวรักหู่จือกับเป้าจือจังเลย เขาเข้าไปกอดพวกมันทีละตัวและจุ๊บพวกมันตัวละที เขาถามพวกมันด้วยความรักใคร่ว่า “คิดถึงป๊ะป๋าไหม? คิดถึงไหม? ไม่ได้เจอกันสองวัน คิดถึงป๊ะป๋าแล้วใช่ไหมล่ะ?”
หู่จือกับเป้าจือมองเขาด้วยความงงงวย จากนั้นก็แลบลิ้นเลียหน้าเขาอย่างร่าเริง ต่อมาเมื่อหลุดจากอ้อมกอดของเขาแล้ว พวกมันก็กลับไปไล่ตามนกจมูกหลอดหางสั้นที่บินอยู่บนชายหาดต่อ
ตกเย็นหลังเลิกงาน วินนี่เห็นฉินสือโอวกลับมาแล้วก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เธอพูดหยอกเขาว่า “สาวสวยที่นิวยอร์กไม่น่าดึงดูดสำหรับคุณเหรอคะ?”
ฉินสือโอวบีบปากสวยสีแดงระเรื่อของเธอ แล้วพูดกับเธอว่า “ในสายตาของผม นอกจากคุณก็ไม่มีสาวสวยคนอื่นแล้ว คุณไม่รู้หรอกเหรอครับ?”
วินนี่แย้มรอยยิ้มหวาน เธอดีดนิ้วแล้วพูดกับเขาว่า “ปากของคุณนับวันก็ยิ่งหวาน โอเคค่ะ ตอนนี้ฉันกำลังมีความสุขมากๆ วันนี้ฉันจะให้รางวัลคุณสักหน่อยแล้วกัน ฉันจะทำมื้อเย็นให้คุณต่างหาก อย่าคิดเยอะ!”
ฉินสือโอวตามวินนี่เข้าครัวไปเตรียมอาหารเย็น เธอทำอาหารไปด้วยแล้วก็พูดกับเขาไปด้วยว่า “ฉิน ฉันว่าจะซื้อรถนะคะ”
ฉินสือโอวถามเธอว่า “รถเอสยูวีขับไม่ดีเหรอครับ? ถ้าคุณไม่ชอบ คุณขับพอร์ชไปก็ได้นะ รถสองรุ่นนี้ก็น่าจะไม่เลวเลยทั้งคู่”
วินนี่ก็ตอบเขาอย่างจนใจว่า “คุณล้อเล่นเหรอคะ พวกมันไม่ได้ไม่ดีค่ะ มันดีเกินไปต่างหาก แต่ฉันจะขับรถที่หรูขนาดนี้ไปทำงานได้ยังไงกันล่ะ? ฉันไปทำงานนะคะ แล้วถ้าไปทำงานก็ควรจะทำตัวให้เหมือนกับไปทำงานสิ”
ฉินสือโอวก็ตอบเธอกลับไปอย่างไม่ได้ใส่ใจ “แล้วมันยังไงล่ะครับ ถ้าขับรถซูเปอร์คาร์จะทำงานไม่ได้เหรอ?”
วินนี่ยืนยันที่จะซื้อรถ และครั้งนี้เธอจะซื้อรถกระบะ “ที่ฟาร์มปลายังไม่มีรถกระบะเลยนะคะ ต่อไปจะต้องได้ใช้แน่ๆ สู้คราวนี้ซื้อมันไว้เลยดีกว่า เวลาปกติฉันจะได้ขับมันไปทำงานด้วย ถ้าฟาร์มปลามีเรื่องต้องใช้รถก็ค่อยปล่อยให้ใช้”
ฉินสือโอวก็รู้สึกว่าเธอพูดถูก งั้นก็ซื้อเลยแล้วกัน แต่สาวสวยสง่ามาขับรถกระบะ เขากลับรู้สึกว่ามันแปลกๆ ไปหน่อย
แน่นอนว่าสำหรับชาวแคนาดาแล้ว นี่เป็นเรื่องปกติมากๆ วัฒนธรรมการใช้รถกระบะซึมลึกเข้าไปในชีวิตของพวกเขาแล้ว ถ้าดูตามท้องถนน ก็จะเห็นว่าไม่ว่าใครก็ขับรถกระบะกันทั้งนั้น ทั้งคนแก่ วัยรุ่น คนหนุ่ม หญิงสาวและสาวประเภทสอง
พอฉงต้ากลับมาแล้วมันก็ส่งเสียงฮึมๆ ฮัมๆ ในลำคออยู่ตลอดเวลา ตอนกินอาหารมันก็จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว กินๆ หยุดๆ แล้วก็เอียงหัวมองไปยังทิศตะวันออกของฟาร์มปลา ส่งเสียงฮึมฮัมสองสามครั้ง แล้วก็ก้มหน้ากินอาหารต่อ
วินนี่สังเกตเห็นท่าทางที่ผิดปกติแบบนี้ เธอก็กังวลว่าฉงต้าจะป่วย จึงทั้งวัดอุณหภูมิร่างกายทั้งตรวจรูม่านตาทั้งฟังเสียงกระเพาะอาหาร พอมั่นใจแล้วว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรถึงคลายกังวลลงได้
หลังจากนั้นหนึ่งวัน บางครั้งบางคราวฉงต้าก็จะออกไปข้างนอกหนึ่งรอบ หลังจากกลับมาเสียงต่ำๆ ในลำคอก็เปลี่ยนเป็นดังกังวานกว่าเดิม ทั้งมันยังออกไปข้างนอกถี่กว่าเดิมอีกต่างหาก หมอบลงแค่ครู่เดียวก็วิ่งออกไปอีก แถมต่อมายังพาหู่จือกับเป้าจือไปด้วย
ฉินสือโอวก็สังเกตเห็นปัญหานี้เช่นกัน เขาขมวดคิ้วมองดูสัตว์เลี้ยงทั้งสามที่กำลังวิ่งไปทางทิศตะวันออก ตรงนั้นมีอะไรอยู่บ้างนะ? บ่อน้ำร้อน ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ป่าไม้กับฝูงนกจมูกหลอดหางสั้น เขาเคยไปตรวจสอบมาก่อนแล้วสถานที่พวกนั้นไม่ได้มีปัญหาอะไร
หลังจากหู่จือกับเป้าจือวิ่งกลับมาก็เริ่มร้องฮูๆ ด้วยความงงงวยเช่นกัน ฉินสือโอวกอดพวกมันไว้แล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้น พวกมันมองฉินสือโอวด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ คล้ายกับว่าไปเจอเรื่องที่ทำให้พวกมันต้องรู้สึกลำบากใจ
วินนี่พูดด้วยความกังวลว่า “เกิดอะไรขึ้นกันแน่ หรือว่าทางฝั่งตะวันออกจะเกิดเรื่องขึ้น?”
ฉินสือโอวก็สับสนงงงวย เขาพูดกับเธอว่า “มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นด้วยเหรอ? ผมเคยไปตรวจสอบมาแล้ว ก็ไม่เห็นว่ามีปัญหาอะไรนะครับ ให้ผมไปดูอีกรอบไหม เดี๋ยวคราวนี้ผมจะพาพวกนี้ไปตรวจดูให้ละเอียดๆ อีกรอบ”
วินนี่กลัวจะเกิดเรื่องขึ้น เธอจึงโทรศัพท์ให้เบิร์ดกับนีลเซ็นเข้ามาหา ทั้งสองคนก็สังเกตเห็นท่าทีที่ผิดปกติของหู่จือเป้าจือกับฉงต้าเช่นกัน พวกเขาถือปืนมา ส่วนฉินสือโอวก็ถือธนูยิงปลามาติดมือไปด้วย
พอออกมาจากวิลล่า ฉงต้าก็วิ่งนำอยู่ด้านหน้า นี่เป็นเรื่องที่หาดูได้ยากมาก ฉงต้าขี้เกียจจนฉินสือโอวสุดจะทน เจ้าตัวนี้ถ้าได้เอนตัวก็คงไม่หมอบ ถ้าหมอบได้ก็คงไม่นั่ง ถ้านั่งได้ก็คงไม่ยืน ถ้ายืนได้ก็จะคงไม่เดิน เดินได้ก็คงไม่วิ่ง
พูดได้ว่า ในโลกของฉงต้า การวิ่งเป็นสิ่งที่มันไม่อยากทำที่สุด แต่คราวนี้มันกลับเริ่มวิ่ง ทั้งยังไม่ได้วิ่งช้าๆ เห็นได้ชัดว่าน่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น
ฉงต้านำทาง มันวิ่งตรงไปยังฟาร์มเพาะเลี้ยง หลังจากนั้นก็เริ่มร้องอาหู้วๆ ออกมา หู่จือกับเป้าจือก็วิ่งเข้ามาเห่าด้วยเหมือนกัน สัตว์เลี้ยงทั้งสามตัวแสดงออกด้วยท่าทางจริงจัง ราวกับว่าพวกมันได้พบกับศัตรูที่แข็งแกร่งมาก
ฉินสือโอวเดินดูรอบๆ ฟาร์มเลี้ยงสัตว์หนึ่งรอบ ไม่มีปัญหาอะไร ท่อนไม้กับตาข่ายเหล็กที่ประกอบเข้าด้วยกันจนกลายเป็นฟาร์มเลี้ยงสัตว์ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ไม่มีจุดที่ชำรุดเลยแม้แต่จุดเดียว ไก่เป็ดหมูที่เลี้ยงเอาไว้ด้านในก็ตกใจจนรวมตัวกันส่งเสียงร้องออกมา นี่เป็นเรื่องปกติ ด้านนอกมีหมีกับสุนัขกำลังเห่าร้องอยู่ พวกมันไม่ตกใจตายก็ดีขนาดไหนแล้ว
ร้องต่อไปสักพัก ฉงต้าก็ปิดปากเงียบ มันก็วิ่งไปรอบๆ โรงเลี้ยงสัตว์เช่นกัน วิ่งวนติดกันหลายรอบ สีหน้าของมันที่แสดงออกมาก็ยิ่งดูไม่มั่นใจ หลังจากนั้นก็ยื่นอุ้งเท้าออกไปเกาท่อนไม้ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ท่อนไม้ก็ไม่สะเทือนแม้แต่น้อย มันจึงทำได้แค่วิ่งกลับมา
“ต้องมีอะไรแน่ๆ ไม่อย่างนั้นพวกมันคงไม่ทำท่าทางแบบนี้” นีลเซ็นกล่าว
เบิร์ดลองคาดการณ์แล้วพูดขึ้นมาว่า “หรือว่าจะมีงู? มีแค่งูเท่านั้นที่จะมุดเข้ามาในฟาร์มได้โดยที่ไม่ทำให้ลวดตาข่ายเสียหาย… ช่างเถอะ คิดเสียว่าผมไม่ได้พูดอะไรแล้วกัน ช่วงนี้ต่อให้มีงูจริงๆ ก็คงแข็งตายไปแล้วล่ะ”
ฉินสือโอวกล่าวว่า “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกมันก็น่าจะสร้างความเสียหายขึ้นที่นี่แล้ว ไม่อย่างนั้นหู่จือกับเป้าจือคงไม่เห่าออกมาด้วยท่าทางกระวนกระวายขนาดนี้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ไก่เป็ดหมู…”
พอพูดมาถึงตรงนี้ ฉินสือโอวก็ชะงักงันไปทันที เข้าเปิดประตูฟาร์มเพื่อเข้าไปตรวจดูอย่างละเอียด เมื่อนับดูทั้งสองด้านแล้วเขาก็ตะโกนออกมาว่า “แม่เอ็ง ทำไมหมูเหลือแค่เจ็ดตัวล่ะ? หมูหายไปไหนหนึ่งตัว!”
เขาเอาลูกหมูพันธุ์พื้นเมืองสิบตัวมาจากบ้านเกิด กินไปแล้วสองตัว ต้องเหลือเจ็ดตัวสิถึงจะถูก แต่นับไปนับมา ก็พบว่ามีหมูหายไปแล้วตัวหนึ่ง
หลังจากเขาตะโกนออกมา หู่จือกับเป้าจือก็เห่าขึ้นมาอีกครั้ง พวกมันเห่าโฮ่งๆ แล้ววิ่งไปวิ่งมา ท่าทางเหมือนกำลังกระวนกระวายใจ ดูคล้ายว่าพวกมันต้องการจะตอบสนองเสียงตะโกนของฉินสือโอว
…………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset