ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 399 วิญญาณสีขาว

หมูหายไปแล้วหนึ่งตัว ใช่แล้ว หมูขนาดกลางหนักกว่าร้อยสิบปอนด์หายไปทั้งตัว!
หมูพวกนี้ฉินสือโอวเลี้ยงมาน้อยกว่าปี ถ้าเลี้ยงโดยให้อาหารแบบวิธีที่จีน ตอนนี้พวกมันคงจะกลายเป็นหมูตัวใหญ่หนักกว่าร้อยกิโลกรัมแล้ว แต่เนื่องจากฉินสือโอวตัดสินใจว่าจะเลี้ยงไว้กินเอง ดังนั้นเขาจึงยืนหยัดที่จะใช้ผลไม้ที่เริ่มเน่า กับหญ้าสดและสาหร่ายทะเล เป็นอาหารสำหรับหมูพวกนี้ พวกมันเลยเติบโตได้ช้ากว่าเดิมมาก
แต่ไม่ว่าจะพูดยังไง หมูตัวที่เล็กที่สุดในบรรดาหมูพวกนี้ก็หนักประมาณหนึ่งร้อยสิบปอนด์แล้ว ตัวที่ใหญ่กว่านั้นก็หนักถึงหนึ่งร้อยสิบจุดเจ็ดปอนด์ ทว่าหมูที่อ้วนขนาดนี้ กลับหายไปอย่างพิลึกพิลั่น!
ฉินสือโอวค้นหารอบๆ ฟาร์มปลาอย่างละเอียด ก็ไม่พบรอยรั่ว แล้วหมูตัวนี้มันหายไปได้ยังไงกัน?
เบิร์ดกับนีลเซ็นเงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าอย่างพร้อมเพรียงกันโดยไม่ได้นัดหมาย ฉินสือโอวพูดด้วยความโมโหว่า “ให้ตายเถอะ พวกนายล้อฉันเล่นใช่ไหม? หมูตัวนั้นหนักหกสิบเกือบเจ็ดสิบกิโลเลยนะ เพื่อน หกสิบเกือบเจ็ดสิบกิโลกรัม! นกอะไรจะมาจับมันไปได้ นกร็อกเหรอ?!”
ทั้งสองคนเห็นพ้องต้องกันกับเขา พวกเขาแสยะยิ้มก้มหน้าก้มตาค้นหาร่องรอยต่อ ทว่ากลับไม่มีร่องรอยอยู่เลย เกิดเรื่องแปลกประหลาดขึ้นในฟาร์มปลาแล้ว หมูตัวเป็นๆ หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้!
ฉินสือโอวทอดสายตาไปยังพวกไก่ ไก่งวงกับเป็ดมีอยู่มากเกินไป อีกทั้งในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปีที่แล้วลูกเป็ดลูกไก่ก็ฟักตัวออกมามากกว่าเดิม ดังนั้นจึงทำให้นับจำนวนได้ยาก แต่เขาคิดว่าก็น่าจะมีเป็ดกับไก่ที่หายสาบสูญไปด้วยเหมือนกัน
ฉงต้ายืนด้วยท่าทางแบบเดียวกันกับคนพร้อมทั้งยื่นคอออกไปมองรอบๆ ด้าน มองไปมองมาก็ยังไม่เห็นอะไร ปากของมันก็ส่งเสียงพึมๆ พำๆ คล้ายกับกำลังซุบซิบอะไรบางอย่าง
“บอส ผมว่าเรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำแน่ๆ” นีลเซ็นพูดด้วยท่าทางเคร่งขรึม
ฉินสือโอวถอนหายใจออกมาแล้วพูดกับเขาว่า “นายคิดว่ายังไงเหรอ?”
นีลเซ็นบอกกับเขาว่า “จากประสบการณ์ที่ผมเคยเป็นทหารหน่วยรบพิเศษ เรื่องนี้น่าจะไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ที่นี่อาจจะมีหลุมดำหรืออะไรทำนองนั้น…”
“ให้ตายเถอะ ในเวลาที่กำลังจริงจังแบบนี้ นายยังจะพูดเรื่องหลุมดำอะไรกับบอสอีก?”เบิร์ดพูดด้วยความโมโห
ฉินสือโอวจึงฝากความหวังไว้ที่เบิร์ดแทน “บิ๊กเบิร์ด ลองพูดวิธีของนายมาหน่อย”
“บอส จะให้ผมเสนอวิธีอะไรล่ะครับ ถ้าอย่างนั้นพวกเราติดกล้องวงจรปิดไว้ที่นี่เพื่อเฝ้าติดตามดีไหม” เบิร์ดเป็นงานจริงๆ แค่พูดออกมาประโยคเดียวก็บอกวิธีแก้ปัญหาได้แล้ว
“แม่เอ๊ย พูดก็เหมือนไม่ได้พูด! พวกนายคิดว่าฉันไร้เดียงสาขนาดนั้นเลยหรือยังไง!”ฉินสือโอวหมดคำจะพูด
ใช่แล้ว ข้อคิดเห็นของเบิร์ดมันไร้ประโยชน์ เนื่องจากการติดตั้งกล้องวงจรปิดจำเป็นต้องมีไฟฟ้า ทว่าฟาร์มเลี้ยงสัตว์อยู่ไกลจากวิลล่าเกินไป บริเวณรอบๆ แถวนี้ก็ไม่มีไฟฟ้าเลย ทำให้ไม่มีทางที่จะติดตั้งกล้องวงจรปิดได้
แต่ทหารหน่วยรบพิเศษก็ยังมีประโยชน์อยู่ เบิร์ดกับนีลเซ็นเข้ามาใกล้ๆ กันแล้วลองปรึกษากันดู แค่ครู่เดียวก็คิดวิธีการที่คล้ายๆ กันขึ้นมาได้ นั่นก็คือการซ่อนกล้องไว้รอบๆ บริเวณนี้นั่นเอง ส่วนเรื่องไฟฟ้าสำหรับกล้องก็ไม่เป็นปัญหา ตอนที่ทั้งสองคนยังอยู่ในกองทัพพวกเขาเคยเรียนวิธีปรับเปลี่ยนวงจรไฟฟ้าของเครื่องใช้ไฟฟ้ามาก่อน แค่รื้อแบตเตอรี่มาเชื่อมต่อกับกล้องก็ใช้การได้แล้ว
ใช้เวลาสี่สิบกว่านาที ทั้งสองคนก็ประกอบกล้องที่มีปริมาณประจุไฟฟ้าจำนวนมากขึ้นมาได้หนึ่งอัน ทั้งยังติดกล้องตรวจจับรังสีอินฟราเรดไว้ด้วย เบิร์ดบอกว่าต่อให้ถ่ายสักหนึ่งร้อยชั่วโมงก็ไม่เป็นปัญหา
ลากกล้องออกไปไกลๆ จนสามารถเก็บภาพฟาร์มไว้ได้ทั้งหมด หลังจากนั้นฉินสือโอวและคนอื่นๆ จึงพากันกลับ
เช้าวันต่อมา ฉินสือโอวก็รีบวิ่งไปที่ฟาร์มเพื่อนำกล้องถ่ายรูปกลับมาตรวจสอบ เขาลองย้อนดูวิดีโอ เมื่อคืนนี้ไม่ได้เกิดอะไรขึ้น เขาลองไปนับจำนวนเป็ดไก่กับหมูที่ฟาร์ม ก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไร
สามสี่วันติดต่อกันมานี้ หลังจากตื่นนอนแล้วฉินสือโอวก็จะไปเอากล้องถ่ายวิดีโอกลับมาเช็กก่อนเป็นอันดับแรก เมื่อเขาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากขนาดนี้ จึงทำให้คนอื่นๆ ในฟาร์มปลาเริ่มวิตกกังวลขึ้นมาเช่นกัน ด้วยเหตุนี้เด็กๆ ทั้งสี่คนเลยลองทำการคาดคะเนดูบ้าง
“หรือว่าที่ฟาร์มจะเกิดประตูมิติขึ้น…”
“กอร์ดอน นายเล่นเกมจนเพี้ยนไปแล้วเหรอ? ฉันคิดว่าหมูตัวนั้นน่าจะกลายเป็นวิญญาณแล้ว…”
“ขอร้องล่ะ พาวลิส เลิกดูไซอิ๋วเถอะนะ โอเคไหม? หรือว่าหมูตัวนั้นจะกลายพันธุ์จนมีปีกงอกออกมากันนะ?”
“พระเจ้า มิเชลล์ ในหัวของนายมีอะไรอยู่บ้างเนี่ย? อ้อ ฉันลืมไป ช่วงนี้พวกนายเพิ่งจะเริ่มเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ใช่ไหมล่ะ?”
“โอเค เชอร์ลี่ย์ เธอลองบอกหน่อย ว่าหมูหายไปไหน?”
“ถูกหมาป่ากินไปแล้วหรือเปล่า มีแต่หมาป่าเท่านั้นแหละที่จะชอบกินเนื้อหมู”
“หมาป่าตัวนั้นกระโดดข้ามกำแพงสูงเมตรครึ่งได้ด้วยเหรอ? หมาป่าตัวนั้นบินได้หรือไง? หมาป่าตัวนั้นทะลุกำแพงเข้ามาได้เหรอ?”
ติดต่อกันหลายวันแล้วที่ยังไม่มีความคืบหน้า จนทำให้ทุกคนต่างก็รู้สึกวิตกกังวล ฉินสือโอวจึงต้องลดระดับความสำคัญของเรื่องนี้ลง บางครั้งเขาก็ถามกับตัวเองว่า หรือว่าเขาจะจำผิด ก่อนหน้านี้เขากินไปแล้วสามตัวเหรอ?
แต่วิธีคิดแบบนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร เนื่องจากทุกๆ คนต่างก็จำได้อย่างชัดเจนว่า พวกเขาทานไปแค่สองตัวเท่านั้น
วินนี่คิดว่าหมูตัวนี้อาจจะถูกคนขโมยไป แต่ฉินสือโอวกลับไม่คิดอย่างนั้น ถ้าหากมีคนแอบมาขโมยหมู ถ้าอย่างนั้นก็ต้องทิ้งรอยเท้าไว้บนพื้นหิมะสิ นอกจากนี้ถ้าคนธรรมดาจะขโมยหมูออกมาจากฟาร์มก็คงเป็นเรื่องที่ยากเกินไป เนื่องจากตอนนี้ไม่ได้มีแค่ไก่ตัวผู้ตัวเล็กๆ ตัวเดียว แต่เป็นไก่ทั้งฝูง พลังการโจมตีของไก่ตัวผู้ก็ไม่เลวเลย คงไม่ปล่อยให้คนแปลกหน้าเข้ามาในฟาร์มได้อย่างง่ายดายแน่ๆ
มาถึงวันที่ห้า ในที่สุดเรื่องนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงแล้ว วันนั้นขณะที่ฉินสือโอวนำกล้องถ่ายรูปกลับมาย้อนดูตามปกติ ทันใดนั้นก็มีเงาสีขาวปรากฏขึ้นมาในหน้าจอสีเขียวอยู่แวบหนึ่ง
พอเห็นเงาสีขาวอันนี้ ฉินสือโอวก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที เขาเรียกทุกๆ คนให้เข้ามาดูหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างช้าๆ
แต่จะมองดูลักษณะเงาสีขาวให้ชัดเจนก็ไม่ง่ายเลยเหมือนกัน วิดีโอที่กล้องรังสีอินฟราเรดบันทึกไว้ล้วนแต่เป็นสีเขียว ของที่อยู่ข้างในก็เลือนรางไม่ชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อต้องการให้กล้องบันทึกวิดีโอได้ทั้งหมดทุกส่วน จึงต้องวางกล้องให้ห่างจากฟาร์มสักช่วงระยะ
แต่ว่าฟาร์มปลามีของที่อยู่ใกล้ๆ จึงไม่เป็นปัญหา วิดีโอในช่วงต่อมาก็ปรากฏเงาสีขาวขึ้นอีกหลายครั้ง ปรากฏตัวติดต่อกันมากที่สุดประมาณสองครั้ง น่าเสียดายที่มันลอยผ่านไปอย่างรวดเร็ว จึงเห็นได้ไม่ค่อยชัดเท่าไรนัก
ฉินสือโอวไปที่ฟาร์มเพื่อลองนับจำนวนสัตว์ที่อยู่ข้างใน คราวนี้จำนวนของหมูไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทว่าเป็ดกับไก่ กลับหายไปตั้งหกตัว!
เมื่อได้รู้อย่างนี้ในใจของฉินสือโอวก็เริ่มกลัวขึ้นมาแล้ว แท้จริงแล้วเป็นตัวอะไรกันแน่ที่มาขโมยเป็ดกับไก่? จิ้งจอกขาว? แมวป่าขนสีขาว? อย่าเพิ่งพูดถึงว่ามีของพวกนี้อยู่จริงๆ ไหม แต่ถ้ามีอยู่จริง แล้วพวกมันเข้ามาในฟาร์มปลาได้ยังไง? ประตูก็ล็อกอย่างแน่นหนา รั้วก็ล้อมไว้ทั้งหมด!
นอกจากนี้ บริเวณรอบๆ ฟาร์มยังไม่มีรอยเท้าของตัวอะไรเลยด้วย!
ฉินสือโอวรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างร้ายแรง ถ้าคิดตามแบบวิธีคิดของคนจีน นั่นก็หมายความว่าฟาร์มเลี้ยงสัตว์ได้พบกับเรื่องลี้ลับเสียแล้ว เงาสีขาวพวกนั้น ก็เหมือนกันกับ… วิญญาณ!
“วิญญาณยังกินเป็ดกินไก่อยู่อีกเหรอ?” เออร์บักหัวเราะเยาะ “ยิ่งไปกว่านั้นคือ พวกมันกินหมูด้วยเหรอ?”
ฉินสือโอวเริ่มรู้สึกเป็นทุกข์ทั้งยังรู้สึกหวาดกลัว “ไม่อย่างนั้นพวกเราลองหานักบวชเต๋า เอ๊ย ไม่สิ หาบาทหลวงมาทำพิธีไหมครับ”
“เมืองนี้ยังมีบาทหลวงที่ไหนกันล่ะคะ? โบสถ์ของพวกเราจะถล่มลงมาอยู่แล้ว” วินนี่พูดอย่างจนปัญญา
ฉินสือโอวไม่ได้นับถือศาสนาคริสต์ นอกจากจะเป็นวันเทศกาลเขาถึงจะไปที่โบสถ์เพื่อเที่ยวชม ส่วนเวลาอื่นเขาไม่เคยผ่านไปเลย จึงรู้เรื่องเกี่ยวกับศาสนาคริสต์ไม่มากเท่าไรนัก
แต่เมื่อได้ยินว่าโบสถ์กำลังจะถล่มลงมา เขาก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างรุนแรง จึงพูดขึ้นมาว่า “เดี๋ยวค่อยไปดูแล้วกัน ถ้าไม่ได้ยังไงเดี๋ยวผมช่วยออกทุนซ่อมโบสถ์ให้ก็ได้”
ตอนนี้สิ่งที่สำคัญก็คือแก้ปัญหาฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ตอนนี้กล้องอันเดียวคงไม่พอ ชาร์คและคนอื่นๆ จึงไปยืมมาเพิ่มอีกสี่ตัว หลังจากดัดแปลงเสร็จแล้วก็แยกย้ายไปติดไว้กับบริเวณใกล้ๆ กันกับฟาร์ม เพื่อให้สามารถบันทึกวิดีโอได้อย่างชัดเจน
ขณะที่ทุกคนๆ คนกำลังเฝ้ารออย่างกระสับกระส่าย คราวนี้ก็ปรากฏผลลัพธ์ขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นแค่สองวัน กล้องวิดีโอก็นำมาซึ่งการค้นพบครั้งใหม่
…………………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset